เรียกว่าเป็นอีกปีสุดหินที่อาจไม่คาดคิดมาก่อน สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจทั้งไทยและทั่วโลกที่ต้องปรับตัวเอาตัวรอดกันแบบวันต่อวันกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น แต่ในวิกฤตที่เกิดขึ้นนี้ก็กลับทำให้เราได้เห็นแบรนด์และผู้ประกอบการที่ฉายแววเป็นนักสู้และเอาตัวรอดได้อย่างโดดเด่น จนเป็นที่จดจำและเป็นตัวอย่างให้กับธุรกิจอื่นหรือบุคคลทั่วไปได้นำไปปรับใช้และสร้างกำลังใจให้กับตัวเองได้
ในโอกาสส่งท้ายปีนี้เราจึงขอรวบรวม 5 แบรนด์สุดปัง! 2020 กับวีรกรรมสุดเซอร์ไพรส์ที่ทำให้สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสขึ้นมาได้มาฝากกัน แม้คลื่นโควิดลูกใหม่กำลังถาโถมเข้ามาอีกระลอก แต่ก็หวังว่าประสบการณ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมาจะสามารถนำพาเราให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเหมือนเช่นเคย
- Penguin Eat Shabu : สั่งชาบู แถมหม้อ เสิร์ฟประสบการณ์กินอยู่บ้าน อยู่ร้าน ก็อร่อยเหมือนกัน
เพราะประสบการณ์การกิน คือ สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่เป็นจุดขายให้กับร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูหรือร้านปิ้งย่างทั่วไป ด้วยเหตุนี้เมื่อวิกฤตโควิด-19 เกิดขึ้น ลูกค้าไม่สามารถเข้ามารับประทานที่หน้าร้านได้ การปรับตัวเพื่อเอาตัวรอดของ “Penguin Eat Shabu” หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆ ว่า ชาบูเพนกวิน จึงมิใช่แค่การจัดทำเมนูอาหารขึ้นมาและส่งเดลิเวอรีเหมือนกับร้านอาหารอื่นๆ แต่ยังต้องสร้างประสบการณ์ที่เป็นจุดขายของแบรนด์ด้วย
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการจัดแคมเปญพิเศษด้วยการจัดเซตชาบูแถมหม้อต้ม ซึ่งมีให้เลือกหลายราคา หลายขนาดตั้งแต่ 1,059 - 1,499 บาท เพราะครั้นจะส่งแค่วัตถุดิบและให้ลูกค้าไปจัดการหาอุปกรณ์เอาเองก็เป็นภาระอีก จึงทำให้หลายคนขอผ่านแม้โปรโมชั่นจะน่าเชิญชวนแค่ไหนก็ตาม แต่การที่แบรนด์จัดซื้อมาให้เอง แถมเป็นไซส์เล็กขนาดพอดี บวกกับการใช้คีย์เวิล์ดที่ฟังแล้วว้าว! อย่าง “สั่งชาบู แถมหม้อ” จึงทำให้เกิดความน่าสนใจ เพราะยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน และทำให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ทั้งที่ความจริงแล้วราคาอาจไม่ได้แตกต่างจากการที่ผู้บริโภคไปหาซื้อหม้อด้วยตนเองก็ได้ ทำให้จากยอดขายเงียบๆ ก็กลับพุ่งสูงขึ้น ลูกค้าแย่งกันกระหน่ำเข้ามาสั่ง จนระบบล่มกันเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากจะได้ยอดขายให้พอเอาตัวรอดได้ พวกเขายังได้กระแสทำให้วันนี้ใครๆ ก็รู้จัก เพนกวิน ชาบูแถมหม้อมากขึ้นด้วย
- Bar B Q Plaza : กินข้าวกับ Gon ไอเดียเว้นระยะห่างที่ได้ทั้งขายของ และสร้างแบรนด์
หลังจากที่รัฐบาลประกาศให้ใช้มาตรการเฟส 2 ให้ร้านอาหารต่างๆ เริ่มกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งหนึ่งเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Bar B Q Plaza ก็ดูจะเป็นแบรนด์แรกๆ ที่เป็นต้นแบบและเริ่มให้ลูกค้าเข้ามานั่งรับประทานในร้านได้ โดยนอกจากมาตรการความสะอาดและความปลอดภัยต่างๆ ที่วางไว้อย่างเข้มข้นแล้ว ยังมีการหยิบจับข้อกำหนดที่รัฐบาลได้วางไว้ อย่างการเว้นระยะห่างระหว่างผู้บริโภคที่เข้ามารับประทานอย่างน้อย 1 เมตรมาสร้างเป็นกิมมิกและสีสันให้กับแบรนด์ขึ้นมาได้อย่างสนุกด้วย
ด้วยการนำ “บาร์บีกอน” มาสคอตของร้านมานั่งประทานอาหารเป็นเพื่อน แทนการเขียนป้ายบอกหรือสก็อตเทปแปะเป็นกากบาทเพื่อให้เว้นระยะห่างต่อกัน ซึ่งนอกจากจะทำให้เข้าใจได้ง่าย และได้ผลดี ความน่ารักของเจ้าบาร์บิกอน หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ก้อน” ยังทำให้ลูกค้าหลงรักและรู้สึกใกล้ชิดแบรนด์ได้มากขึ้น จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นการชิงกระแสแบรนด์ให้กลับมาได้อย่างรวดเร็วในขณะที่ทุกคนกำลังเริ่มกลับมาฟื้นตัว กระตุ้นยอดขายได้ดี ขณะเดียวกันก็สร้างแบรนด์ได้ด้วยไปในตัว
- ZAAP PARTY : ปาร์ตี้คอนเสิร์ตริมระเบียง ความสนุกที่เกิดขึ้นได้ในยุค New Normal
อย่างที่รู้กันว่าในช่วงที่มีการระบาดมากขึ้นของไวรัสโควิด-19 นั้น มาตรการแรกๆ ที่ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ก็คือ การเว้นระยะห่าง ซึ่งส่งผลไปถึงการงดกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้เกิดการรวมตัวของคนหมู่มาก เช่น การจัดคอนเสิร์ต งานสังสรรค์ต่างๆ แต่ในเมื่อมนุษย์เป็นสัตว์สังคม แถมความตึงเครียดตลอดระยะ 2 -3 เดือนตั้งแต่ต้นปีที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน ทำงานรูปแบบ Work From Home ทำให้ผู้คนอยากผ่อนคลายบ้าง
ด้วยเหตุนี้ ZAAP PARTY (แซ่บปาร์ตี้) อีเวนต์ ออแกนไนซ์ไอเดียล้ำที่ชอบคิดอะไรออกมาเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ จึงได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์เกิดไอเดียการจัดรูปแบบคอนเสิร์ตขึ้นมา ภายใต้คอนเซปต์ “New Normal Festival” สร้างปรากฏการณ์คอนเสิร์ตรูปแบบใหม่ครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาในรูปแบบที่เรียกว่า “Hotel Fest” ด้วยการชมคอนเสิร์ตจากระเบียงห้องพัก ที่นอกจากทุกคนจะได้สนุกสุดเหวี่ยงอย่างเต็มรูปแบบ ก็ยังได้เว้นระยะห่างสนุกอยู่ในระเบียงห้องพักของตน ฉีกทุกข้อจำกัดที่คิดว่าไม่น่าจะสามารถเป็นไปได้ออกไป โดยนอกจากจะประสบความสำเร็จของตัวเองแล้ว ยังได้ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และช่วยผู้ประกอบการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ เจ้าของโรงแรม ศิลปินดารานักร้องให้รอดไปด้วยกันด้วย จึงไม่แปลกที่จะมีแต่คนนึกถึงและเป็นประสบการณ์งานคอนเสิร์ตที่น่าจดจำไปอีกแสนนาน
- Once Again Hostel : เปลี่ยนที่พัก ให้เป็นแพลตฟอร์มฟู้ดดิลิเวอรีของชุมชน
ด้วยความที่เป็นที่พัก ซึ่งพยายามเอื้อประโยชน์ให้กับชุมชนที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว ทำให้เมื่อตอนเกิดวิกฤติขึ้นมา ไม่มีลูกค้าเข้าพัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ Once Again Hostel โฮสเทลที่ติดอันดับต้นๆ จากยอดการจองโฮสเทลในกรุงเทพฯ ย่านเสาชิงช้า ได้ปรับกลยุทธ์ธุรกิจด้วยการนำจุดเด่นที่มีอยู่ คือ การทำงานร่วมกับชุมชน คิดเป็นรูปแบบแพลตฟอร์มฟู้ดดิลิเวอรีให้กับร้านค้าในชุมชนขึ้นมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านเก่าแก่ มีเอกลักษณ์รสชาติของตัวเอง ในชื่อที่เรียกว่า “Locall.bkk”
โดยจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการซื้อ-ขายอาหารของชุมชน และรวบรวมร้านค้ารายย่อยต่างๆ ให้เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งในขณะนั้นต้องปิดตัวลงชั่วคราวตามมาตรการของภาครัฐ โดยหากมีการสั่งอาหารเข้ามา ก็จะทำหน้าที่ประสานไปยังร้านค้าและจัดส่งให้ถึงมือผู้บริโภคด้วยการใช้บริการจากวินมอเตอร์ไซต์ในพื้นที่อีกด้วย ช่วยให้ชุมชนได้กลับมามีชีวิตคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็มีรายได้จากการเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม กินส่วนต่างเปอร์เซ็นต์เพียงเล็กน้อย ได้ช่วยพยุงธุรกิจ และรักษาพนักงานของตนเอาไว้ให้มีงานทำต่อไปด้วย โดยปัจจุบันครอบคลุมร้านอาหารใน 3 ย่าน ได้แก่ เสาชิงช้า ประตี และเยาวราช ในอนาคตก็จะคิดขยายเพิ่มขึ้นไปยังชุมชนอื่นๆ ของกรุงเทพฯ ต่อไป
- ATM Tea Bar : ชานมแท็งค์ กักตัวอยู่บ้าน ก็ไม่ขาดความหวาน
ถ้าพูดถึงโปรดักต์สินค้านวัตกรรมการปรับตัวที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นต้องมีเรื่องของ “ชานมไซส์บิ๊ก” เครื่องดื่มฮอตฮิตแห่งยุครวมอยู่ด้วยแน่นอน ซึ่งต่างก็มีหลายแบรนด์ออกมาที่ใช้เป็นกลยุทธ์เพื่อเอาตัวรอดในตอนที่เปิดร้านไม่ได้ แต่หนึ่งในแบรนด์ที่สร้างการจดจำและเซอร์ไพรส์ให้กับผู้บริโภคได้ ก็คือ ATM Tea Bar ร้านชานมไข่มุกที่มักนำเสนอประสบการณ์แปลกใหม่ให้ผู้บริโภคเสมอ
ไม่เพียงแต่การปรับแพ็กเกจจิ้งให้มีไซส์ใหญ่ขึ้นเป็นแท็งค์ชานมขนาด 3 ลิตรเท่านั้น แต่สูตรชานมที่คิดออกมา ยังเป็นสูตรที่สามารถเก็บได้นานขึ้นถึง 3 -5 วัน โดยเกิดขึ้นมาจากการที่ทางร้านได้การศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการใช้ออนไลน์และดิลิเวอรีเพิ่มมากขึ้นอยู่แล้ว ทำให้เมื่อเจอกับมาตรการล็อกดาวน์ ลูกค้าไม่สามารถรับประทานที่ร้านได้ จึงได้นำออกมาใช้พอดี โดยในส่วนของแพ็กเกจจิ้งเอง ก็ให้ความสำคัญกับการคุ้มค่าแก่ผู้บริโภคนอกจากจะเป็นไซส์ใหญ่ สามารถนำไปแบ่งรับประทานได้ 10 -15 แก้ว แท็งค์ดังกล่าวยังสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ด้วย โดยหากติดใจอยากสั่งซ้ำในรอบหน้า ก็แค่สั่งแบบรีฟิลมาเติมได้โดยไม่ต้องซื้อแท็งค์ใหม่ ทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แถมยังลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองจากการสั่งอาหารดิลิเวอร์รี่ด้วย จึงไม่แปลกที่จะเป็นอีกหนึ่งในแบรนด์ที่สร้างการจดจำให้กับผู้บริโภคได้ในปีนี้
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี