PHOTO : Zen Limeade
จากการคลุกคลีกับธุรกิจร้านกาแฟโบราณของครอบครัวที่ทำสืบต่อกันมาหลายรุ่นในจังหวัดระยอง จนวันหนึ่งเมื่อมารดาเกิดเจ็บป่วยจากการใช้ข้อมือหนักในการชงกาแฟ จึงทำให้ ณัชธวัชพล เกษมสุข ชายหนุ่มที่เล่าว่าเขาเองเคยเป็นเด็กเกเรมาก่อน ก็ได้กลับเข้ามาช่วยดูแลกิจการของครอบครัว โดยในระหว่างที่กลับมาช่วยงานที่บ้านนั้น เขาได้คิดค้นสูตรเครื่องดื่มเพื่อช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บที่ข้อมือให้กับมารดาหลังทำการผ่าตัด แต่ใครจะรู้ว่าอยู่ดีๆ วันหนึ่งจากเครื่องดื่มที่ทำขึ้นมาด้วยความกตัญญูนี้ จะกลายเป็นนวัตกรรมเครื่องดื่มรูปแบบใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครผลิตขึ้นมาก่อนในเมืองไทย จนเกิดเป็นลู่ทางธุรกิจตัวใหม่ขึ้นมาโดยบังเอิญ
เหตุเกิดเพราะความบังเอิญ
“จุดเริ่มต้นมาจากตอนที่คุณแม่ป่วยเป็นพังพืดที่ข้อมือทั้งสองข้างและต้องทำการผ่าตัด ซึ่งคุณหมอได้แนะนำให้ดื่มน้ำใบบัวบกเป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยสมานแผลได้เร็วขึ้น แต่น้ำใบบัวบกอย่างเดียวรสชาติจะขมๆ กลิ่นค่อนข้างเหม็นเขียวนิดหน่อย ผมจึงพยายามคิดสูตรเครื่องดื่มเพื่อให้แม่รับประทานได้ง่ายขึ้น โดยทดลองนำสมุนไพรตัวอื่นเข้ามาผสมด้วย จนได้ออกมาเป็นน้ำใบบัวบกผสมมะขามป้อมปรากฏว่าจากที่ 6 เดือนถึงจะหายกลายเป็นแค่ 3 เดือนคุณแม่ก็เริ่มกลับมาใช้ข้อมือได้แล้ว
“ด้วยรสชาติที่อร่อยและมีประโยชน์ เราจึงเริ่มทดลองนำมาชงขายในร้านกาแฟด้วย แรกๆ ก็ไม่ได้บอกลูกค้าว่า คือ น้ำอะไร เรียกว่าใบบัวบกพันซ์บ้าง หรือ Zen Limeade เมื่อเขาได้ลองชิมก็เกิดติดใจและบอกต่อ จากนั้นเราก็เริ่มขยับขยายไปออกตามงานอีเวนต์ด้วย เรียกว่าขายดีมากๆ กระทั่งปี 2559 มีหน่วยงานจากภาครัฐเข้ามาช่วยส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตร เราก็ได้เข้าร่วมด้วย จนในที่สุดได้ร่วมกับนักวิจัยพัฒนาเป็นเครื่องดื่มชนิดผงพร้อมชงออกมา และระหว่างนั้นเราได้พัฒนาแบรนด์ร้านกาแฟพร้อมกันไปด้วย โดยใช้ชื่อว่า ‘Winkin’ เป็นการผสมผสานระหว่างคาเฟ่ยุคใหม่และร้านกาแฟโบราณเข้าไว้ด้วยกัน” ณัชธวัชพลเล่าที่มาให้ฟัง
ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้
จากเครื่องดื่มเสริมที่ทำขายในร้าน ในที่สุดก็สามารถต่อยอดกลายเป็นเครื่องดื่มพร้อมชงสำเร็จรูปออกมาได้เป็นผลสำเร็จภายใต้แบรนด์ “Zen Limeade” ซึ่งทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวไปได้ดี แต่ด้วยความที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน จึงทำให้ทุกอย่างต้องสะดุดและหยุดลงชั่วคราว
“ครั้งแรกที่ทำออกมา เราไม่รู้ว่าควรจะขายยังไงดี ก็ตั้งเป็นเชตไว้กล่องละ 240 บาท 1 กล่องมี 6 ซอง ซึ่งเป็น ราคาเครื่องดื่มที่ค่อนข้างสูงและจับต้องได้ยาก อีกอย่างพอทำเป็นผงออกมาแล้วไม่ได้ละลายง่ายอย่างที่คิด เวลาเทน้ำลงไปมักจับตัวเป็นก้อนๆ เหมือนกับเวลาชงโกโก้ เราจึงพยายามคิดนวัตกรรมเพื่อแก้โจทย์ขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง”
ซึ่งในครั้งนี้ณัชธวัชพลได้ วัลลภา ไตรศิริพานิช ภรรยา ซึ่งเรียนจบมาทางด้านเภสัชกรเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาและพัฒนาธุรกิจให้สามารถไปต่อได้ และกลายเป็นที่มาของนวัตกรรมเครื่องดื่มใหม่ล่าสุดที่ยังไม่เคยมีใครผลิตมาก่อน
“เราลองคุยกันว่าในเมื่อละลายยาก ทำไมเราไม่ละลายให้กับลูกค้าเลย ซึ่งนวัตกรรมที่คิดกันขึ้นมาใหม่ตอนนั้นร่วมกับอาจารย์นักวิจัย ก็คือ การผลิตออกมาเป็นเม็ดฟู่ ซึ่งแค่หย่อนลงในน้ำก็สามารถดื่มได้ทันที ไม่ต้องคนให้เสียเวลา แต่ความยาก ก็คือ จริงๆ แล้วเมืองไทยไม่สามารถผลิตเม็ดฟู่ได้ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนชื้นมีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูง ส่วนใหญ่ที่วางขายกัน คือ นำเข้ามามาจากเยอรมันบ้าง สวิตเซอร์แลนด์บ้าง ซึ่งเป็นโซนประเทศที่มีอากาศหนาวและแห้ง จึงทำให้เราต้องเนรมิตห้องจำลองขึ้นมาเพื่อควบคุมอุณหภูมิ ในส่วนของการผลิตเพื่อขึ้นรูปออกมาเป็นเม็ดก็ยากอีก มันไม่ใช่แค่ตอกออกมาเป็นเม็ด ใส่ซองแล้วจบ แต่ต้องทำยังไงเพื่อให้แข็งแรงและสมบูรณ์ไปถึงมือลูกค้าได้อย่างปลอดภัย ไม่แตกหักไปเสียก่อน ซึ่งทุกอย่างเราต้องเริ่มต้นเองทั้งหมด” วัลลภาเล่าถึงการแก้ปัญหาให้ฟัง
นวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่ม
การเปลี่ยนรูปแบบการผลิตแบบผงให้กลายเป็นเม็ดฟู่ ณัชธวัชพลมองว่าไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการละลายของผลิตภัณฑ์ให้ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ รวมถึงโอกาสในการต่อยอดธุรกิจออกไปได้ไกลมากขึ้นด้วย ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแต่ในเมืองไทยเท่านั้น แต่เขายังมองถึงโอกาสในตลาดโลกด้วย
“พอเราเปลี่ยนจากผงมาผลิตเป็นเม็ดฟู่ นอกจากช่วยแก้โจทย์การใช้งานของผลิตภัณฑ์ให้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของผลิตภัณฑ์ มีความทันสมัย เป็นสากลมากขึ้น และจากเดิมที่ขายยกกล่อง ก็เปลี่ยนมาขายเป็น 1 กล่องต่อ 1 เสิร์ฟ ซึ่งลองคิดออกมาแล้วราคาก็เท่าๆ กัน แต่ขายได้ง่ายกว่า ซึ่งพอเราเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแบบนี้แล้ว ก็ไม่ยากที่จะบุกตลาดต่างประเทศ ซึ่งเขาคุ้นเคยกับการรับประทานผลิตภัณฑ์แบบเม็ดฟู่กันอยู่แล้ว ยิ่งเป็นสินค้าจากสมุนไพรไทยด้วยแล้ว โดยเฉพาะใบบัวบกและมะขามป้อม 2 สุดยอดสมุนไพรไทยที่ติดอยู่ใน Top 5 ที่ทั่วโลกต้องการอยู่แล้วด้วย ก็ไม่ยากเลยที่เราจะเติบโตไปได้ ซึ่งใบบัวบกช่วยเรื่องการสมานแผล สร้างคอลลาเจน ทำให้หลอดเลือดแข็งแรงมีความยืดหยุ่นได้ดีขึ้น ไม่แตกเปราะง่าย ส่วนมะขามป้อมก็เป็นสุดยอดผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเมื่อเทียบกับผลไม้ทั่วไป”
โดยทุกวันนี้ Zen Limeade ล็อตแรกที่ผลิตถูกส่งไปชิมลางทำตลาดที่ต่างประเทศก่อน สำหรับในเมืองไทยเองพวกเขาก็มีโครงการจะวางจำหน่ายในร้านค้าสะดวกซื้อทั่วประเทศเร็วๆ นี้ โดยณัชธวัชพลและวัลลภาได้กล่าวถึงเป้าหมายอนาคตธุรกิจที่วางเอาไว้ว่า
“เราคิดกันเอาไว้ว่าจะไม่หยุดอยู่แค่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เพียงตัวเดียว เพราะตอนนี้เรามีสูตรเครื่องดื่มสมุนไพรที่มีประโยชน์และอร่อยอยู่ในมืออีกกว่า 70 สูตรด้วยกัน ถ้าตัวแรกสำเร็จไปได้ดี เราจะต่อยอดเป็นตัวอื่นออกไปอีกเรื่อยๆ รวมถึงไม่ใช่แค่เครื่องดื่มอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์คอสเมติกด้วย ในเมื่อบ้านเรามีของดี ซึ่งก็คือสมุนไพร เราอยากจะนำเสนอออกไปให้คนทั่วโลกได้รู้จัก และช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้มากขึ้น มีความเป็นสากล เป็นที่ยอมรับของทุกคนได้”
คิดใหม่ ทำใหม่
นอกจากการสร้างนวัตกรรมเครื่องดื่มรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจแล้ว แนวคิดในการทำธุรกิจของแบรนด์น้องใหม่นี้ยังมีความน่าสนใจไม่ต่างกันด้วย โดยณัชธวัชพลได้วางรูปแบบการทำธุรกิจของตัวเองไว้ คือ ทำทุกอย่างให้ออกมาง่ายที่สุด และดีที่สุด
“ณ ตอนนี้เราวางรูปแบบธุรกิจใหม่ของตัวเองเอาไว้ คือ จะมีเพียง 3 ส่วนหลักๆ เท่านั้น คือ 1.ตัวผมเอง ซึ่งรับหน้าที่ดูแลในส่วนของ R&D และมาร์เก็ตติ้ง 2. ด้านเทคนิคการผลิตและข้อมูลโภชนการต่างๆ ภรรยาของผมจะเป็นผู้ดูแล และในส่วนที่ 3. คือ เราจะมีแค่สำนักงาน เพื่อเอาไว้เป็นที่ตั้งของบริษัท เพื่อให้ลูกค้ามาติดต่องานและมีเซลล์คอยดูแลเรื่องการขายเท่านั้น เพราะตอนนี้ในส่วนของการผลิตถึงเราจะเป็นผู้ออกแบบและควบคุมทุกอย่างเอง แต่เราก็ยังไม่ได้ลงทุนสร้างโรงงานขึ้นมา ยังคงให้ผู้อื่นเป็นผู้ผลิตให้
“ผมมองว่าการทำธุรกิจทุกวันนี้ เราไม่จำเป็นต้องลงมือทำเองหมดทุกอย่าง แค่รู้ว่าจะต้องทำอะไร ทำอย่างไร เพื่ออะไร และบริหารจัดการทุกอย่างให้ดี ก็เหมือนกับการเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง เราอาจจะเริ่มจากสิ่งที่มีอยู่ แต่สุดท้ายก็ต้องมองให้ออกว่าตลาดที่เราคิดจะไป เขาต้องการสิ่งนี้ไหม คิดเป็นเปอร์เซ็นต์อยู่ที่เท่าไหร่ มีมูลค่ามากพอที่จะลงทุนทำไหม ตลาดจะไปได้ไกลแค่ไหน แค่ในประเทศเพื่อนบ้าน หรือไปได้ไกลทั่วโลก หรือเรากำลังจะทำแค่ไข่เจียวไร้น้ำมันที่ไม่ต้องอยู่ในห้องเก็บความเย็น แต่สามารถอยู่ได้ 1 ปี ซึ่งก็คงธรรมดาเกินไป และไม่ได้มีประโยชน์อะไรมาก และถึงแม้เราจะเป็นคนแรกที่คิดค้นขึ้นมา แต่อีกไม่นานก็จะมีคนทำตามออกมาอย่างแน่นอน ถ้าสิ่งนั้นประสบความสำเร็จขึ้นมา ดังนั้นเราก็แค่ไม่ยึดติด แต่จะทำยังไงเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดที่มากที่สุดเอาไว้ดีกว่า”
และนี่คือ สิ่งที่ณัชธวัชพลทายาทผู้กตัญญู จนสามารถต่อยอดธุรกิจของตัวเองขึ้นมาใหม่ได้ มิหนำซ้ำยังเป็นการสร้างนวัตกรรมเครื่องดื่มรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเมืองไทยได้ฝากทิ้งท้ายเอาไว้
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี