Main Idea
แต้มต่อธุรกิจแบรนด์ “PapaYaya”
- คิดค้น วิจัย พัฒนา ผลิตและขาย โดยเภสัชกร
- เป็นผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร กำเนิดจากงานวิจัย
- เป็นผลิตภัณฑ์สารสกัดมะละกอชนิดโรลออนตัวแรกในไทย
- แปลกใหม่ สะดวก ปลอดภัย สวยงาม ตอบโจทย์ตลาด
- เป็นสินค้านวัตกรรม สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้
โรลออนหลอดสีเหลืองส้ม วางเด่นบนเชล์ฟสินค้าในร้านยาชื่อดัง ไม่ใช่ลิปสติก ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม แต่คือ "PapaYaya" (ปาปายาย่า) โรลออนสูตรสารสกัดมะละกอสําหรับทาหลังยุงกัด ผลงานนวัตกรรมของคนไทย ที่ทำออกมาในรูปแบบโรลออนเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย
ที่น่าสนใจไปกว่าผลิตภัณฑ์คูลๆ คือผู้ประกอบการที่อยู่เบื้องหลังล้วนมีแบคกราวน์เป็น “เภสัชกร” ทั้งสิ้น ตั้งแต่คิดค้น วิจัย พัฒนา ผลิต และขาย พวกเขาสร้างความสำเร็จขึ้นมาได้อย่างไร ไปดูกัน!
ต่อยอดงานวิจัย ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่ใช่
PapaYaya เกิดจากผลงานวิจัยของ “รศ.ดร.ภญ.พาณี ศิริสะอาด” จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านการตั้งตำรับผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ที่ลงมาศึกษาสารสกัดจากมะละกอ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน A B C และ E แร่ธาตุต่างๆ รวมถึงเอนไซม์ปาเปน (เอนไซม์ในยางมะละกอ) และไคโมปาเปน (Chymopapain) ที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดอาการอักเสบ บวม ช่วยสมานแผล และลดการติดเชื้อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
เมื่อนำมาผสมกับนํ้ามันหอมระเหยยูคาลิปตัส นํ้ามันหอมระเหยเปปเปอร์มินท์ เมนทอล สารสกัดว่านหางจระเข้ วิตามินอี และนํ้ามันหอมระเหยเลมอน กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณสยบความคันหลังยุงและแมลงสัตว์กัดต่อย โดยช่วยให้ “ตุ่มยุบเร็ว หายคัน ไม่ทิ้งรอยดํา" ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อแม่ยุคใหม่ล้วนปรารถนา
โดยเลือกใช้มะละกอดิบ สายพันธุ์ท้องถิ่นเชียงใหม่ ปลูกในระบบปิด
จากงานวิจัยบนหิ้ง กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดได้ชัดเจนขึ้น เมื่อทายาทหนุ่ม “ภก.นนท์ ศิริสะอาด” ชักชวนเพื่อนสนิท “ภก.อภิลักษณ์ พงศ์สุรเชษฐ์” มาปลุกปั้นงานวิจัยให้เป็นโอกาสธุรกิจ โดยร่วมกันก่อตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด อัลเทอร์เนท ฟาร์ม่า และคลอดผลิตภัณฑ์ PapaYaya ออกสู่ตลาด
ช่องว่างในตลาด คือโอกาสธุรกิจ
ในช่วงเริ่มต้นก่อร่างสร้างธุรกิจ เราจะเห็นสองหนุ่มเภสัชกรวนเวียนอยู่กับการเข้าอบรมในโครงการต่างๆ ทั้ง โครงการบ่มเพาะธุรกิจนวัตกรรมของอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ (NEC) ฯลฯ เพื่อเติมเต็มองค์ความรู้และเรื่องการทำธุรกิจ ซึ่งเภสัชกรอย่างพวกเขาไม่ถนัด เวลาเดียวกับการศึกษาตลาด จนพบโอกาสเล็กๆ ที่จะใช้แจ้งเกิดธุรกิจของพวกเขา
“ถ้าพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ทาหลังยุงกัด เรามักจะรู้จักพวกยาหม่อง ขี้ผึ้ง ถ้าเป็นต่างประเทศอย่างญี่ปุ่น เขาจะใช้เป็นโรลออน แต่ว่าที่ผ่านยังไม่มีการนำเข้าอย่างถูกกฎหมาย และบางตัวยังมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ซึ่งเป็นอันตราย เราเลยพัฒนาโรลออนสูตรสารสกัดมะละกอ ที่เป็นธรรมชาติ ปราศจากสเตียรอยด์ น้ำหอม และพาราเบน (สารเคมีในเครื่องสำอาง) โดยมีสรรพคุณ 3 อย่าง คือ ทำให้ตุ่มยุบเร็ว หายคัน และป้องกันรอยดำ ซึ่งตอบโจทย์คุณแม่ยุคนี้ที่ไม่อยากให้ลูกๆ มีรอยดำ ทาแล้วเย็นไม่แสบร้อน เด็กๆ จึงใช้ได้ ทาแล้วหายคัน หยุดการเกาด้วยความเย็น ความคันก็จะไม่ลาม และยังใช้งานง่าย พกพาสะดวก ใช้ได้นานเพราะสามารถทาได้เฉพาะจุดอีกด้วย” ภก.นนท์ บอก
ระหว่างที่ผู้เป็นแม่ศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เขาและเพื่อนก็มาเติมเต็มโจทย์ด้านการตลาด ทั้งการออกแบบดีไซน์ที่เขาบอกว่า ทำออกมาในรูปลักษณ์ทันสมัย ใช้งานง่าย เน้นคุมโทนสี เขียว เหลือง เหมือนผลมะละกอ ส่วนชื่อ PapaYaya ก็สื่อถึงที่มาอย่างมะลอกอ หรือ Papaya นั่นเอง
แจ้งเกิดแบรนด์ใหม่ เลือกช่องทางเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
PapaYaya แจ้งเกิดในตลาดด้วยการเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ที่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพ ความปลอดภัยและความสะดวก การเลือกทำสินค้าที่มีความแตกต่าง คิดจากความต้องการของตลาด และมาจากการวิจัย ทำให้สามารถตั้งราคาขายได้สูงกว่าสินค้าที่มีอยู่ทั่วไปในท้องตลาด โดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์แรก ตัวเดียว ขนาดเดียว ขายในราคา 250 บาท และทำความรู้จักในตลาดด้วยการออกงานแสดงสินค้า โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับแม่และเด็ก จากตรงนั้นเองที่ทำให้มีโอกาสต่อยอดเข้าไปขายในร้านขายยาชื่อดัง อย่าง LAB Pharmacy ร้านขายยาในห้างสรรพสินค้า ริมปิง ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าในโรงพยาบาลต่างๆ
การมีโรงงานผลิตของตัวเอง และมีวัตถุดิบหลักอย่างมะละกอที่ปลูกเองในพื้นที่ปิด ทำให้สามารถควบคุมกระบวนการผลิตได้ตั้งแต่ต้นทาง ขณะที่ในเรื่องของกำลังการผลิต เขาบอกว่ายังมีเพียงพอเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก และใช้คนกับทรัพยากรไม่ได้สูงมากนัก ซึ่งสอดรับกับการเริ่มต้นทำธุรกิจของ SME อย่างพวกเขา
ปัจจุบัน PapaYaya อยู่ระหว่างพัฒนาออกมาในรูปแบบของบาล์ม เพื่อทำให้ราคาถูกลง คือไม่เกิน 100 บาท เพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้น เติมเต็มช่องว่างที่ยังมีโอกาส หลังจากผลิตภัณฑ์ติดตลาดในกลุ่มแม่และเด็กได้สำเร็จแล้วในวันนี้
นวัตกรรมต้องสำคัญกับผู้บริโภค จึงตอบโจทย์ตลาดได้
ใครๆ ต่างบอกว่า SME ยุคใหม่จะเพิ่มแต้มต่อในตลาดได้ต้องใช้อาวุธที่ชื่อ “นวัตกรรม” แต่จะมีนวัตกรรมสักกี่ตัวที่ประสบความสำเร็จได้จริงและมีโอกาสไปต่อในตลาด เภสัชกรหนุ่มบอกเราว่า ต้องเป็นนวัตกรรมที่มีความสำคัญกับผู้บริโภคเท่านั้น
“มองว่าเรื่องของนวัตกรรมกับการทำธุรกิจ มันต้องสมดุลกัน คืออะไรที่เป็นนวัตกรรมใหม่มากๆ แต่อาจไม่มีความสำคัญต่อผู้บริโภคเลยก็ได้ สุดท้ายมันก็จะตายไปเองตามธรรมชาติ แต่ถ้าเรามองในมุมของผู้บริโภค ว่ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ แล้วลองทำออกมาให้ตอบโจทย์เขา ไม่ใช่ตอบโจทย์ของเราอย่างเดียว ธุรกิจถึงจะมีความเป็นไปได้ และตอบโจทย์ตลาดได้อย่างแท้จริง”
ภก.นนท์ ยกตัวอย่างสินค้าที่กำลังอยู่ในแผนและจะคลอดออกมาเร็วๆ นี้ คือ เซรั่มจากสารสกัดกวาวเครือในรูปแบบโรลออน ผลิตภัณฑ์แอนตี้เอจจิ้ง ซึ่งจะเปิดตัวในบริษัทใหม่และใช้ชื่อแบรนด์ใหม่เพื่อให้เข้ากับตัวสินค้า โดยมาจากคอนเซ็ปต์เดียวกันนั่นคือต่อยอดจากงานวิจัย เป็นสินค้านวัตกรรม มีความเป็นไปได้ในตลาด และเป็นของใหม่ยังไม่มีใครทำ
“เราเลือกทำสินค้านวัตกรรมเพราะมันมีมูลค่าของมันอยู่ และเราจะไม่ทำสินค้าที่เหมือนใคร ที่สำคัญสินค้าที่ทำมันจะต้องเป็นการพลัส คือสามารถใช้ร่วมกับสินค้าของคนอื่นได้ด้วย อย่าง เซรั่มกวาวเครือ เราทำเป็นรูปแบบโรลออน ทำให้สามารถกลิ้งไปตามริ้วรอยต่างๆ ช่วยกระตุ้นการสร้างฟิลเลอร์ ลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยใกล้หมดประจำเดือน ซึ่งไปช่วยผิวโดยที่ไม่ต้องกิน” เขาบอกวิธีคิดของการแจ้งเกิดธุรกิจด้วยนวัตกรรม
ถามถึงหัวใจของการทำธุรกิจ เภสัชกรหนุ่มตอบเราสั้นๆ ว่า
“ต้องโฟกัส ทุ่มเท ต้องทำทุกอย่างแม้ในมุมที่ไม่ถนัด ถ้าเราไม่ให้ทรัพยากร ไม่ให้เงิน ไม่ให้เวลา ธุรกิจมันจะไปไม่ได้ ก็จะตายอยู่ตรงนั้น”
และเพราะเริ่มต้นจากความทุ่มเท เภสัชกรอย่างพวกเขาถึงเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีโอกาสในตลาดอย่างวันนี้ได้
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี