PHOTO : Beehive Phuket Old Town
Main Idea
สูตรเพิ่มแต้มต่อธุรกิจโรงแรมในแบบ Beehive
- นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ลดคน ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- เขียนระบบขึ้นมาเองเพื่อให้ตรงกับความต้องการ
- ต่อยอดไปสู่โอกาสใหม่ๆ เช่น แพลตฟอร์มท่องเที่ยว และตู้ขายทัวร์อัตโนมัติ
- ทำการตลาดบนออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และยูทูบ
- ปลุกเมืองเก่าให้มีชีวิต สร้างจุดขายใหม่ในตลาดท่องเที่ยว
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน “ภูเก็ต” ยังเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวสาย Sea Sand Sun มีท้องทะเล หาดทรายและแสงแดดเป็นจุดขาย ทว่าผ่านมาวันนี้หลายคนไปเที่ยวภูเก็ตเพราะอยากเดินชมเมืองเก่า เสพวิถีชีวิต วัฒนธรรมและอาหารท้องถิ่น (Gastronomy) เยี่ยมเยือน Phuket Old Town ย่านเมืองเก่าภูเก็ตที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม
ภาพความเปลี่ยนแปลงนี้ มีชายชื่อ “มโนสิทธิ์ แจ้งจบ” เจ้าของ Beehive Phuket Old Town Hostel (บีไฮฟ์ ภูเก็ต โอลด์ทาวน์ โฮสเทล) เป็นหนึ่งในคนขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง
วิศวกรสู่เจ้าของโรงแรมผู้ฟื้นชีวิตเมืองเก่าภูเก็ต
มโนสิทธิ์ เป็นอดีตวิศวกร เขาเรียนจบวิศวกรรมเครื่องกล แมคคาทรอนิกส์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ คลุกคลีการพัฒนาระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ สั่งสมประสบการณ์ทำงานกับสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยทำงานเป็นที่ปรึกษาโรงงานมากว่า 200 แห่ง ใช้ชีวิตเมืองกรุงมา 12 ปี ทว่าวันหนึ่งเมื่อคิดกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด จ.ภูเก็ต กลับไม่มีโรงงานให้ทำสักแห่ง
เขาเลยเบนเข็มมาเปิดสอนกวดวิชา มาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอยู่ 2 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนภูเก็ตและประเทศไทยเรา นั่นคือที่มาของการเอาตึกเก่ามาทำเป็น Hostel โดยใช้ชื่อว่า Beehive Phuket Old Town Hostel หรือ “บ้านรังผึ้ง” ตั้งอยู่ในตัวเมืองเก่าภูเก็ต
“แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหาเพราะว่าในเมืองเก่าภูเก็ต ณ ตอนที่ผมกลับไปมันร้างไม่เหมือนกับภาพที่ทุกคนเห็นในวันนี้ที่มีตึกชิโนโปรตุกีสสีสันสวยงาม ตอนนั้นมันซีดหมดเลย สายไฟก็ระโยงระยางเต็มไปหมด ผมเลยไปบุกเบิกเรียกว่าเราเป็นโฮสเทลรุ่นแรกสุดของเมืองเก่าภูเก็ตเลยก็ว่าได้ เพราะเวลาคนไปภูเก็ตก็มักจะเที่ยวทะเล แต่การท่องเที่ยวเมืองเก่าในตอนนั้นยังไม่มี”
มโนสิทธิ์ จึงเริ่มศึกษาตลาด หาอัตลักษณ์ของ จ.ภูเก็ต เขาพบว่า ย่านเมืองเก่าของภูเก็ตมีทั้งสถาปัตยกรรม ศิลปวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และยังเป็นที่รวมร้านอาหารพื้นเมืองชื่อดังมากมายอีกด้วย จึงจุดประกายปรับวิถีการท่องเที่ยวภูเก็ตจากท่องเที่ยวธรรมชาติตามหมู่เกาะ มาเป็นท่องเที่ยวในตัวเมือง ชุมชนเมืองเก่า รวมถึงท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและอาหารท้องถิ่น (Gastronomy Tourism) สามารถฟื้นฟูร้านค้าและชุมชนในเมืองเก่าให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง กลายเป็นหมุดหมายใหม่ต้องห้ามพลาดของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
ใช้เทคโนโลยีทำโรงแรมราคาถูกในเมืองท่องเที่ยวราคาแพง
ใครว่าเที่ยวภูเก็ตจะต้องกำเงินหลายพันหลายหมื่น เมื่อมีเงินแค่หลักร้อยก็พักโรงแรมในตัวเมืองภูเก็ตได้ มโนสิทธิ์ บอกว่าที่ บีไฮฟ์ เป็นโรงแรมที่คนไทยเข้าถึงได้ โดยคิดราคาเพียงเตียงละ 200 บาท โดยทำเป็น Family Hotel ที่สามารถมาพักเป็นครอบครัว หรือมาเป็นแก๊งเพื่อนก็สามารถอยู่ห้องเดียวกันได้ หรือจะไปแจมกับนักท่องเที่ยวรายอื่นก็ได้เช่นกัน
แต่การทำโรงแรมราคาถูก ในเมืองที่ต้นทุนแพงสุดๆ เขาจำเป็นที่จะต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย มโนสิทธิ์ บอกเราว่าการจะทำราคาขนาดนี้ได้เพราะใช้ระบบเข้ามาช่วย
“เดิมเราให้บริการแบบ Full Service เหมือนกับโรงแรมขนาดใหญ่ แต่เราพยายามที่จะปรับการทำงานต่างๆ ให้เหมาะกับโรงแรมขนาดเล็ก ที่ใช้คนน้อย และทำอย่างไรให้คอสต์เราต่ำลง เลยเริ่มนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ จริงๆ มันมี OTA (Online Travel Agency) ของต่างชาติเยอะมาก อย่าง Agoda, Booking.com ฯลฯ เราก็เอาการตลาดมาจับกับการจัดการ พอเขาหาลูกค้ามาให้เราได้ แล้วเราจะจัดการต่อยังไง ก็ต้องมีการบริหารจัดการภายในเข้ามาช่วย ผมเริ่มจากใช้ของฟรีอย่าง Google Sheet Google Forms ซึ่งทุกคนสามารถพิมพ์ข้อมูลและอยู่ที่ไหนก็ได้ดูด้วยกันได้หมด ก็ทำให้เราบริหารจัดการอะไรต่างๆ ได้ง่ายขึ้น”
ด้วยความที่เป็นโรงแรมขนาดเล็ก เขาบอกว่าต้องรู้จักนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ให้เหมาะสม โดย SME สามารถเริ่มจากการหาของฟรี จากนั้นก็เริ่มช้อปเทคโนโลยีที่ Customized ให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจ โดยพิจารณาจากหลายๆ ตัว แล้วเลือกตัวที่ถูกและใช้ได้ดีที่สุด
“ล่าสุดเรามีปัญหาว่าเด็กที่เรารับเข้ามาส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาฝึกงานอะไรอย่างนี้ พอทำกับเราไปได้ 1-2 ปี ก็เปลี่ยนงาน เราเลยต้องทำเป็นแพลตฟอร์มขึ้นมา เพื่อที่พนักงานใหม่สามารถดูตามเพลตฟอร์มได้เลยว่า เขาต้องรู้อะไรบ้าง เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น”
ต่อยอดสู่แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวและตู้ขายทัวร์ยอดเหรียญ
เมื่อระบบที่หาช้อปมาเริ่มไม่ตรงกับความต้องการ ก็ถึงเวลาพัฒนาระบบเพื่อใช้งานขึ้นมาเอง ที่มาของแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชื่อ Travelism หรือ Beehivetrip.com ซึ่งต่อยอดเป็นช่องทางให้ธุรกิจห้องพัก ธุรกิจทัวร์กิจกรรมท่องเที่ยว ฯลฯ สามารถเข้าถึงลูกค้า และลดการถูกเอาเปรียบจากแพลตฟอร์มต่างชาติได้ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานอยู่เกือบ 200 ราย และสะดุดไปบ้างในช่วงโควิดสำหรับเงินที่นำมาใช้ในการพัฒนาระบบเหล่านี้ เขาบอกว่า อาศัยการไปแข่งขันในเวทีต่างๆ ทั้งที่จัดโดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นอีกช่องทางที่ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนไปต่อยอดธุรกิจของตัวเองได้
“จริงๆ แล้วการเขียนโปรแกรมครั้งหนึ่งก็ใช้เงินเป็นแสน รวมกันก็เป็นล้าน แล้วเราทำอย่างไร ก็อาศัยการไปพิชชิ่งในเวทีต่างๆ ซึ่งผมมองว่าถ้าเรามีไอเดีย เราไม่ต้องกลัวเพราะมันมีเวทีที่มีเงินเยอะที่จะให้เราใช้ทำงานได้เยอะขึ้น เพียงแต่เราต้องพยายามติดตามข่าวสาร ซึ่งเงินที่ได้มาก็มีทั้งเงินฟรีและมีที่เราออกส่วนหนึ่งเขาเอาส่วนหนึ่งแต่มันช่วยธุรกิจเราได้อีกเยอะมาก”
จากแพลตฟอร์มการท่องเที่ยว เขายังพัฒนาสู่ “ตู้ขายทัวร์อัตโนมัติ” พลิกการซื้อทัวร์ให้ง่ายดั่งใจคิด
“สมมติระหว่างที่เขารอเช็คอิน เรามีพนักงานคนเดียวก็บอกลูกค้าว่าให้เชิญดูที่ตู้ก่อนได้เลย เขาก็สามารถกดดูรายละเอียดของทัวร์ เลื่อนและเลือกถ้าชอบเขาก็สามารถกดจอง เลือกวันเดินทาง และจ่ายเงินได้เลย จากนั้นก็จะได้ตั๋วสามารถเอาไปขึ้นเรือได้ โดยเราทำทั้ง 3 ภาษา คือไทย อังกฤษ และจีน อันนี้เราเอามาใช้ในการช่วยชะลอความแออัดเวลาลูกค้าเข้ามาเยอะๆ และเราไม่ต้องการใช้พนักงานเยอะด้วยเพราะจำเป็นต้องควบคุมค่าใช้จ่าย” เขาบอก
จากตู้ซื้อทัวร์หยอดเหรียญ ปัจจุบันยังพัฒนามาสู่แพลตฟอร์ที่ขายแพ็กเกจท่องเที่ยวได้ถึงในห้องพัก
“เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้า เราทำเป็นคิวอาร์โค้ดไปติดข้างเตียงนอนเขาเลย สามารถเปิดมือถือสแกนแล้วก็เลือกซื้อทัวร์ได้เลย แล้วเราก็เอาตัวนี้ไปแปะในเว็บไซต์ของเราเอง เช่น เขาเข้ามาเว็บไซต์แล้วต้องการตั๋วทันที ก็สามารถกดจ่ายเงินได้เลย เรามองว่า ยุคนี้เวลาคนอยากซื้อแล้วถ้าต้องโทรมาหรือมีขั้นตอนอื่นที่มันยุ่งยาก ยิ่งเป็นคนรุ่นใหม่เขาจะรำคาญ แต่ของเราอยากได้ กดปุ๊บ จอง จ่ายเงินเรียบร้อยภายใน 2 นาที สามารถสนองความต้องการของเขาได้ทันที เพราะถ้ารอถึงพรุ่งนี้เขาอาจไม่อยากได้แล้ว”
โลกยุคใหม่ ลดข้อจำกัด พนักงานทำงานจากที่ไหนก็ได้
มโนสิทธิ์ ย้ำให้ฟังตั้งแต่ต้นว่า เขาอยากทำโรงแรมที่ใช้คนน้อย และมีต้นทุนที่ต่ำ จึงต้องคิดหาเครื่องมือใหม่ๆ เข้ามาใช้ รวมถึงการพัฒนาระบบต่างๆ ขึ้นมาเอง อย่างระบบบริหารจัดการที่เขียนขึ้นเอง ทั้ง Beehivetrip.com และ POS
แม้แต่เรื่องของการทำการตลาดก็พึ่งพิงออนไลน์เป็นหลัก ทั้งเว็บไซต์ (www.beehivetrip.com) และ Facebook (Beehive Phuket Old Town) รวมถึงเปิดช่องยูทูบของตัวเองในชื่อ Stay Home Phuket อีกด้วย
เทคโนโลยีที่นำมาใช้ นอกจากจะทำให้ใช้คนน้อยลงแล้ว ยังช่วยลดข้อจำกัดของการทำงานรูปแบบเดิมๆ เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน พนักงานงานของบีไฮฟ์ ก็สามารถทำงานด้วยกันได้
“ทุกวันนี้สตาฟของผมอยู่ที่จังหวัดอื่นทั้งนั้นเลย อย่างน้องที่หาดใหญ่ สงขลา หรือที่ตรัง เราไม่ได้เจอกันตั้งแต่ก่อนโควิดแล้ว แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่จำเป็นต้องมาเพราะอยู่ที่ไหนเราก็ทำงานด้วยกันได้ กลายเป็นว่าผมสามารถทิ้งงานไว้ในกลุ่มว่างานชิ้นนี้ขอก่อน 9 โมง เขาอาจไม่ได้อ่านในทันทีนะ แต่ผมไม่จำเป็นต้องไปโทรตาม เพราะเดี๋ยว 9 โมงมีงานส่งเอง นี่เป็นแนวคิดการทำงานที่ Relax เด็กเดี๋ยวนี้เขาอาจไม่ได้โฟกัส แต่ถามว่าเขามีความรับผิดชอบไหม ขึ้นอยู่กับว่าเรามอบหมายงานให้เขาแบบไหน และมีเงื่อนไขกับเขายังไง ถ้าเรามีพนักงานที่เป็นคนรุ่นใหม่ ขอให้เปิดแค่นิดเดียว เชื่อว่าจะทำงานกับเขาได้ง่ายขึ้น”
เขาบอกการทำงานรูปแบบใหม่ ในโลกยุคใหม่ที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และสามารถพลิกธุรกิจให้ปังกว่าเดิม เหมือนที่ Beehive Phuket Old Town Hostel มีนักท่องเที่ยวกลับมาเป็นลูกค้าซ้ำสูงสุดถึง 80 ครั้ง ทว่าเมื่อถามถึงเป้าหมายในอนาคตสำหรับ มโนสิทธิ์ คำตอบของเขามีแค่
“อยากเป็นสื่อกลางที่มีส่วนทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรักเมืองไทยตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึง”
และนี่คือจุดมุ่งหมายสูงสุดของเขา
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี