PHOTO : เจษฎา ยอดสุรางค์
Main Idea
- การมาเยือนของไวรัสโควิด-19 อาจสร้างผลกระทบต่อธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการหลายต่อหลายคนที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ เพื่อให้ผ่านพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้
- แต่นอกจากการพยายามเอาตัวรอดด้วยตัวเองให้ได้แล้ว ยังมีอีกหลายธุรกิจที่แม้ตกอยู่ในยามยาก ก็พยายามยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือผู้อื่นให้รอดจากวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
- “วัฒนาพานิช เนื้อตุ๋น” ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้าดังย่านเอกมัยที่เปิดขายมากว่า 40 ปี คือ หนึ่งในตัวอย่างของผู้ประกอบการที่ไม่ได้คิดแค่เพื่อตัวเอง แต่ยังเผื่อแผ่ความช่วยเหลือ แบ่งปันให้แก่ผู้อื่น แม้ในยามที่ธุรกิจต้องประสบปัญหาวิกฤตเช่นกันด้วย
ในยามวิกฤตเช่นนี้ ไม่ว่าธุรกิจน้อยใหญ่ต่างได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งนั้น สิ่งสำคัญนอกจากการลุกขึ้นสู้เพื่อให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้แล้ว การมีน้ำใจ แบ่งปันช่วยเหลือเกื้อกูล ก็เป็นอีกสิ่งที่สามารถเติมเต็มรอยยิ้มให้แก่กันได้ในยามวิกฤต ส่งต่อกำลังใจให้พร้อมสู้ไปด้วยกัน ทั้งผู้รับ ผู้ให้ หรือผู้เห็นที่ได้รับรู้เรื่องราวดีๆ ที่มีให้แก่กันในยามวิกฤตเช่นนี้
“วัฒนาพานิช เนื้อตุ๋น” ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้าดังกับสูตรน้ำซุปเข้มข้นที่มีมานานกว่า 40 ปี ย่านเอกมัย คือหนึ่งในตัวอย่างของผู้ประกอบการธุรกิจที่ยังลุกขึ้นสู้และไม่ยอมแพ้ต่อวิกฤตง่ายๆ นอกจากนี้เขายังได้แบ่งปันน้ำใจแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันในยามยากเช่นนี้ จนเป็นที่ถูกพูดถึงและเป็นกระแสอยู่ในโลกโซเชียลที่ถูกแชร์ต่อๆ กันไปเป็นจำนวนมาก
“มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นลูกค้าประจำที่ร้านมานาน พูดให้ฟังว่าพอเกิดวิกฤตจากโรคระบาดแบบนี้ หนึ่งในอาชีพที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ก็คือ คนขับแท็กซี่ ถ้าพอทำได้น่าจะลองทำอาหารแจกพวกเขาหน่อยก็ดี ซึ่งเราก็ลองเอากลับมาคิด และก็ได้เห็นอย่างที่พี่เขาพูดไว้จริงๆ คือ ลองยืนรอเรียกแท็กซี่อยู่หน้าร้าน ผ่านมา 20 คัน คือ ว่างหมดเลย บางคนบอกขับมาทั้งวันยังไม่ได้ลูกค้าเลยก็มี เราเลยมีความคิดอยากทำอาหารกล่องแจกข้าวและน้ำให้กับพี่ๆ แท็กซี่ อย่างน้อยๆ ช่วยเขาได้สักนิดหน่อยก็ยังดี พอมีคนมาเห็นเขาก็ถ่ายรูปลงโซเชียล คนก็แชร์ต่อๆ กันมา มีคนโทรมาสอบถามมาให้กำลังใจ เราก็รู้สึกดี และมีกำลังใจที่จะทำต่อไป” ณัฐพงศ์ กวีนันทวงศ์ ทายาทรุ่น 3 แห่งร้านวัฒนาพานิช เนื้อตุ๋น เล่าถึงที่มาโครงการดีๆ ที่เกิดขึ้นในยามวิกฤตเช่นนี้ให้ฟัง
ซึ่งใช่ว่าตัวเขาและร้านเองจะไม่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดในครั้งนี้ ถึงแม้จะเป็นร้านเก่าแก่มีชื่อเสียงลูกค้ารู้จักกันดีทั้งคนไทยและต่างชาติ ก็ไม่พ้นที่ยอดขายจะถูกฉุดให้ลดต่ำลงเหมือนกัน แต่ณัฐพงศ์กลับมองว่าสิ่งสำคัญที่ต้องทำในตอนนี้ คือ การช่วยเหลือกันมากกว่าที่จะคิดเรื่องการแข่งขันทางธุรกิจ เพราะหากวันนี้ทุกคนรอดไม่ว่าลูกค้า ร้านค้า เจ้าของธุรกิจ หรือลูกจ้าง วันหนึ่งเมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ เราก็สามารถเดินหน้าไปต่อด้วยกันได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น
“ถามว่าเราได้รับผลกระทบไหม แน่นอน เราก็ไม่ต่างจากร้านอื่นๆ ที่ร้านเราจะมีทั้งลูกค้าเก่าที่มาอุดหนุนกันเป็นสิบๆ ปี ลูกค้าใหม่ที่แวะมาลองชิม รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่พอเกิดวิกฤตแบบนี้ก็ได้รับผลกระทบโดยตรงเลย คือ นักท่องเที่ยวหายหมด ไม่มีเลย แล้วจากนโยบายรัฐที่ไม่ให้มีนั่งกินที่ร้าน ก็ทำให้เราขาดลูกค้าในช่วงระหว่างมื้อไปค่อนข้างเยอะ ปกติจะมีเข้ามานั่งกินเรื่อยๆ แต่พอนั่งกินไม่ได้ลูกค้ากลุ่มนี้ก็หายหมด จะเหลือมาซื้อแค่มื้อหลัก เที่ยงมื้อหนึ่ง เย็นมื้อหนึ่ง แต่ถึงจะได้รับผลกระทบเหมือนกัน ถามว่าทำไมยังทำข้าวกล่องไปแจกเขาอีก ผมมองว่าช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงของการแข่งขันหรือช่วงที่เราต้องมาคิดทำโปรโมชั่นอะไรออกมาแข่งกัน เพื่อกระตุ้นยอดขาย แต่เป็นช่วงที่ทุกคนต้องช่วยเหลือกัน เพื่อให้ผ่านพ้นไปด้วยกันได้มากกว่า”
นอกจากยอมรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ในส่วนของการปรับตัวสู้กับวิกฤตเอง ร้านก๋วยเตี๋ยววัฒนาพานิชก็ได้มีการปรับตัวของธุรกิจรองรับไว้แต่เนิ่นๆ ก่อนการมาเยือนของโรคระบาดด้วยซ้ำ
“จริงๆ ถือเป็นโชคดีและจังหวะที่ดีของร้านมาก คือ เรามีการปรับตัวทางธุรกิจโดยใช้แอปพลิเคชันดิลิเวอรีก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว เพราะเรามองว่าย่านถนนเอกมัยเป็นถนนที่รถค่อนข้างติด การเดินทางไปมาก็ไม่สะดวกเท่าไหร่สำหรับลูกค้าที่อยากมากินอาหารที่ร้าน เราจึงคิดเผื่อรูปแบบบริการนี้ขึ้นมา ซึ่งก็ช่วยให้กลุ่มลูกค้าที่เขาไม่อยากเดินทางมาได้กินในสิ่งที่เขาอยากกินได้ พอมีวิกฤตเข้ามาในส่วนตรงนี้เราเลยไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก”
สุดท้ายทายาทเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อสูตรเด็ดกว่า 40 ปี ยังได้ฝากให้กำลังใจมาถึงผู้ประกอบการธุรกิจทุกคน รวมถึงลูกจ้าง พนักงาน คนหาเช้ากินค่ำทุกคนด้วยว่า
“ตอนนี้ทุกคนก็สู้เหมือนกันหมด ซึ่งมันคงไม่ได้เป็นแบบนี้ไปตลอด ถ้ามาได้ เดี๋ยวมันก็จากไปได้เหมือนกัน ขอให้อดทนผ่านช่วงนี้ไปได้ด้วยกัน”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี