ส่องตำนาน “ผงพิเศษ ตราร่มชูชีพ” ผงแป้งรักษาสิวที่พึ่งวัยรุ่นไทยเมื่อ 70 ปีก่อน

TEXT : นิตยา สุเรียมมา

PHOTO : lovepisespowder

 




Main Idea
 
 
  • “สิว” หนึ่งในปัญหาสุดคลาสสิกของวัยรุ่นทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าใครที่เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน ก็ต้องเคยผ่านจุดเป็นสิวด้วยกันมาแล้วทั้งนั้น
 
  • “ผงพิเศษ ตราร่มชูชีพ” ผงแป้งรักษาแผลและสิวในตำนานของวัยรุ่นไทยเมื่อ 70 กว่าปีก่อนที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้ อะไรคือ คำตอบที่ทำให้ธุรกิจยืนยาวมาได้จนถึงวันนี้ ไปหาคำตอบได้พร้อมๆ กัน
 


               
     “สิว” ปัญหาสุดคลาสสิกของวัยรุ่นทุกยุคทุกสมัยไม่ว่าไทย หรือเทศ ยุคนี้หรือเมื่อหลายสิบปีก่อน ทุกคนย่อมเคยผ่านจุดมีสิวด้วยกันมาแล้วทั้งนั้น จะมากจะน้อยกวนใจระดับไหนก็ขึ้นอยู่กับฮอร์โมนและร่างกายของแต่ละคนไป แต่สิ่งสำคัญ คือ มีสิวแล้วต้องแก้ไข ทำยังไงถึงจะขจัดเจ้าตุ่มเล็กๆ บนใบหน้าให้หมดไปได้ “ผงพิเศษ ตราร่มชูชีพ” ผงแป้งรักษาสิว แผลสด และแผลพุพองต่างๆ คือ หนึ่งในตัวเลือกที่พึ่งที่ดีของเด็กวัยรุ่นไทยตั้งแต่เมื่อ 70 กว่าปีก่อน ที่มีการส่งต่อโซลูชันให้คนยุคปัจจุบันได้ใช้กันด้วย
               




     ย้อนไปเมื่อ 19 สิงหาคม 2493 คือ วันแรกที่คนไทยและเหล่าวัยรุ่นได้รู้จักกับ “ผงพิเศษ ตราร่มชูชีพ” ผงแป้งวิเศษที่เชื่อว่าสามารถช่วยรักษาแผลสิว แผลสด แผลพุพองได้ ซึ่งผลิตขึ้นมาโดย “สมเกียรติ ศุภโกวิท” อดีตข้าราชการป่าไม้ที่ผันตัวออกมาทำธุรกิจของตัวเอง
               

     โดยตามประวัติเล่าว่าเขาเป็นคนจังหวัดลำปางโดยกำเนิด สำเร็จการศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ ในภายหลังอยากออกมาหาลู่ทางทำกิจการของตัวเองจึงลาออกจากข้าราชการป่าไม้ ซึ่งด้วยความรู้พื้นฐานด้านสมุนไพรที่ได้ติดตัวมาจากตอนเป็นข้าราชการป่าไม้ จึงได้คิดผลิตยาแผนโบราณขึ้นมา เพราะมองว่าเป็นอาชีพที่ช่วยเหลือผู้อื่นได้ โดยได้ก่อตั้งธุรกิจผลิตยาเล็กๆ ของตัวเองขึ้น และผลิตเป็นผงแป้งรักษาแผลและรักษาสิวขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2490  ช่วยกันกับภรรยา “สมจิตต์ ศุภโกวิท” โดยใช้วิธีเร่ขายไปตามบ้านเรือน ตามตลาด และร้านขายยาต่างๆ  





     ต่อมาเมื่อเริ่มได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาในชื่อ “บริษัท สมจิตต์โอสถ จำกัด” ซึ่งนำมาจากชื่อของภรรยา ในส่วนของการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ใช้เป็นตราร่มชูชีพนั้น เขาคิดขึ้นมาได้จากตอนที่กำลังนอนเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ที่วัด ซึ่งเป็นช่วงหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มสงบลง โดยได้เห็นเครื่องบินปล่อยคนกระโดดร่มลงมา จึงเกิดปิ๊งไอเดียนำมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์และเครื่องหมายการค้าขึ้นมา
               

     ซึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมผงพิเศษ ตราร่มชูชีพ จึงได้สามารถช่วยรักษาอาการสิวอักเสบและบาดแผลต่างๆ ได้ เป็นเพราะการผสมผสานกันระหว่างสูตรยาแผนโบราณและยาสมัยใหม่จากเยอรมัน โดยมีส่วนผสมของซัลฟานิลาไมด์และแทนนินออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและทำให้แผลแห้งไว จึงใช้รักษาแผลพุพอง เป็นหนอง ไฟไหม้ และแต้มสิวอักเสบ สิวหนองให้หายได้





     จากที่ได้ฟังตามเพลงโฆษณาของแบรนด์สมัยก่อนและดูตามใบประกาศพบว่ายังมีการแนะนำให้ใส่สะดือเด็กอ่อน และหูน้ำหนวกได้ด้วย ซึ่งวิธีการก็ง่ายๆ หากเป็นแผลสด แผลหนองทั่วไปก็ให้ใช้โรย ทำให้แผลผสานแห้งไว หากใช้ทาสิวก็ให้นำมาผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อย หรืออย่างอื่น เช่น น้ำมะนาว น้ำผึ้ง ก็ได้


     หลังจากผงแป้งใช้รักษาแผลและสิวได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคมากขึ้น จึงได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นมาอีก 2 ตัว คือ ยาแก้ปวดฟัน และยาธาตุน้ำแดง แต่ทำอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งค่อนข้างหาได้ยาก และความไม่สะดวกในการขนส่งสินค้า จึงได้เลิกผลิตไป และหันมาโฟกัสกับผงพิเศษฯ เพียงอย่างเดียวแทน
               




     โดยหากลองสังเกตจะเห็นได้ว่าในช่วงแรกนั้นแบรนด์ใช้ชื่อว่า ผงวิเศษ แต่เนื่องจากปี 2505 กระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎหมายไม่ให้ใช้ชื่อแบรนด์ที่ดูอวดอ้างสรรพคุณเกินไป จึงเปลี่ยนมาเป็นผงพิเศษ ซึ่งมีความพิเศษไม่เหมือนใคร ซึ่งก็เหมือนกับหลายแบรนด์ที่ต้องเปลี่ยนชื่อ เช่น ยาแก้ปวดลดไข้แอสไพริน “ทันใจ” ก็เปลี่ยนมาเป็น “ทัมใจ” นั่นเอง
               

     แบรนด์ผงพิเศษ ตราร่มชูชีพ ได้มีการทำการตลาดอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่การเข้าไปทำตลาดยังชุมชนต่างๆ กับรถเร่ขายยาหนังกางแปลง เวทีลูกทุ่ง หมอรำ แผ่นป้ายโฆษณา แต่งเพลงโฆษณา สปอตโฆษณาวิทยุ กระทั่งต้องการให้ธุรกิจเติบโตในระดับอุตสาหกรรมมีความเป็นแมสมากขึ้น จึงมีการลงทุนทำโฆษณาทางทีวี โดยใช้ดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ แบรนด์จึงเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงกว้างนับแต่นั้นมา และได้ออกผลิตสินค้าใหม่มาวางตลาดอีกครั้ง คือ ยาหม่อง ตราร่มชูชีพในปี 2547





     โดยบริษัท สมจิตต์โอสถ จำกัด มีรายได้และผลกำไร ดังนี้ ปี 2559 มีรายได้ 57 ล้านบาท กำไร 14 ล้านบาท, ปี 2560 มีรายได้ 51 ล้านบาท กำไร 10 ล้านบาท และปี 2561 มีรายได้ 37 ล้านบาท กำไร 5 ล้านบาท


     ปัจจุบันผงพิเศษ ตราร่มชูชีพ มีทายาทรุ่นที่ 3 เข้ามาช่วยสานต่อกิจการ และนำเสนอภาพลักษณ์ให้มีความทันสมัยใกล้ชิดกับผู้บริโภคยุคปัจจุบันมากขึ้น มีสร้างเว็บไซต์ วาดภาพการ์ตูนประกอบ เขียนบทความ นำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์ รวมถึงการรีวิวแนะนำเคล็ดลับวิธีการดูแลรักผิวหน้าต่างๆ





     ขณะเดียวกันในฝั่งผู้บริโภคเอง ก็มีการนำมารีวิวผลลัพธ์การใช้งานด้วยเช่นกัน ว่าเป็นของดีดั้งเดิมที่ยังสามารถใช้ได้ผลจริง ราคาจับต้องได้เพียงซองละไม่กี่สิบบาท จึงทำให้ตำนานของผงแป้งวิเศษรักษาสิวของวัยรุ่นไทยเมื่อ 70 กว่าปีก่อนสามารถส่งต่อความนิยมมาถึงวัยรุ่นยุคปัจจุบันได้ โดยนอกจากเป็นที่รู้จักในเมืองไทยแล้ว ผงพิเศษ ตราร่มชูชีพยังเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในสปป.ลาว จีน และสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย