ฝ่ายุทธจักร “จอมยุทธ์16” น้ำจิ้มลูกชิ้นเงินล้าน ที่เป็นเบอร์ 1 ใน 5 ปี

TEXT : กองบรรณาธิการ





Main Idea
 
  • “น้ำจิ้มจอมยุทธ์16” คือแบรนด์ต้นตำรับน้ำจิ้มลูกชิ้นสำเร็จรูปเบอร์หนึ่งและเจ้าแรกของประเทศไทย มีกำลังการผลิตสูงถึงวันละร้อยตัน เป็นธุรกิจเงินล้านที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาเพียง 5 ปีที่ก่อตั้งธุรกิจ
 
  • เบื้องหลังความสำเร็จ มาจากสองผู้ก่อตั้งนักสู้ ที่เชื่อในประสบการณ์และการลงมือทำมากกว่าทฤษฎี กล้า บ้าบิ่น โฟกัสเฉพาะสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่ต้องมีแผน แต่ลงมือทำ คิด แล้วปรับปรุงแก้ไข  เรียนรู้ ลองผิดลองถูก จนสามารถสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จขึ้นมาได้




     ใครจะคิดว่า “น้ำจิ้มลูกชิ้น” ก็เป็นธุรกิจเงินล้านขึ้นมาได้ แถมยังมีกำลังการผลิตสูงถึงวันละนับร้อยตัน!
เรากำลังพูดถึง แบรนด์ “น้ำจิ้มจอมยุทธ์16” แห่ง หจก.จอมยุทธ์16  ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2559 ในเวลาเพียง 4-5 ปี ธุรกิจเล็กๆ ขยับขยาย จนกลายเป็นน้ำจิ้มลูกชิ้นสำเร็จรูปรายแรกของประเทศไทย ที่ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในวันนี้


     เบื้องหลังความสำเร็จ มาจากสองผู้ประกอบการนักสู้ “สุดรดา สิทธิกิติกูล” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “ฉัตร์ทริกา วงษ์นนท์ศิลา” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด หจก.จอมยุทธ์16 ความสำเร็จของพวกเขา มีบทเรียนให้ทุกคนได้เรียนรู้

 

           

     เริ่มต้นธุรกิจจากความบ้าบิ่น



     หลายคนอยากเป็นผู้ประกอบการ แต่ก็กลัวกับการเริ่มต้นธุรกิจ กลัวกับความไม่พร้อม และเกรงต่อความพ่ายแพ้ แต่นั่นไม่ใช่กับผู้ก่อตั้ง จอมยุทธ์16 ที่เริ่มทำธุรกิจมาตั้งแต่อายุ 20 ขณะเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 2  เพราะชอบขายของ อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ เลยลองผิดลองถูกมาด้วยตัวเอง ทำจริง เจ็บจริง กล้าบ้าบิ่น ไม่กลัวขาดทุน ไม่กลัวเจ๊ง โฟกัสแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่เคยมีแผน แต่อาศัยการลงมือทำ คิดแล้วปรับปรุงแก้ไข  ทางไหนผิดก็แค่เดินเส้นทางใหม่ ทำมาหมดแล้วหลายอาชีพ ทั้งขายน้ำผลไม้สกัดเย็น ขายของตามตลาดนัด ขายกิ๊ฟช็อป ฯลฯ สารพัดที่จะทำเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของกิจการไม่ใช่ลูกจ้างใครเขา
               

     หลังผ่านความเจ็บช้ำมาจากหลายธุรกิจ ก็คิดมาทำน้ำจิ้มสุกี้ โดยใช้ชื่อแบรนด์เท่ๆ ว่า “จอมยุทธ์16” ถามว่าได้ชื่อนี้มาจากไหน พวกเขาบอกว่า ได้ยินเสียงกระซิบข้างหู ส่วนที่ต้องมี 16 ตามหลัง  เพราะมีอาจารย์ที่นับถือซึ่งเชี่ยวชาญในเรื่องศาสตร์ตัวเลขบอกว่า  ถ้าเติมเลข 16 เข้าไปจะทำให้ธุรกิจขายดิบขายดีและสินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้น
               

     จากความเชื่อกลายเป็นความจริง ทว่าไม่ใช่กับน้ำจิ้มสุกี้ แต่คือตอนที่พวกเขาหันมาทำน้ำจิ้มลูกชิ้นขาย
               

     “ตอนนั้นไปส่งน้ำจิ้มสุกี้ในตลาด แล้วเห็นว่าทุกตลาดจะมีรถขายลูกชิ้นปิ้ง ลูกชิ้นทอด แต่ยังไม่มีน้ำจิ้มสำเร็จรูปสำหรับพ่อค้าแม่ค้าลูกชิ้นออกมาขาย เลยมองว่านี่จะเป็นโอกาสในการทำน้ำจิ้มลูกชิ้นสำเร็จรูปเป็นแบรนด์แรกของประเทศ เพื่อช่วยพ่อค้าแม่ค้าลูกชิ้นให้ประหยัดต้นทุน ประหยัดเวลา สะดวก ไม่ต้องมาทำน้ำจิ้มเอง และรสชาติยังเสถียรอีกด้วย” พวกเขาบอกจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการน้ำจิ้มลูกชิ้น





 
            จัดเต็มการตลาด กระจายสินค้าให้เข้าถึงผู้ใช้
           

     น้ำจิ้มลูกชิ้นจอมยุทธ์16 เกิดจากการเห็นโอกาสในธุรกิจ แต่แบรนด์ของพวกเขาเป็นที่รู้จักและเติบโตขึ้นมาได้ก็ด้วยความแข็งแกร่งด้านการตลาด โดยเริ่มปฏิบัติการกระจายความอร่อยผ่านตลาดสดทั่วประเทศ ร้านขายของชำ ร้านขายส่งลูกชิ้น และแม็คโครทุกสาขา กลยุทธ์ในช่วงเริ่มต้นจะใช้วิธีส่งทีมการตลาดไปติดต่อตามร้านค้าเพื่อขอวางน้ำจิ้มให้เป็นจุดขาย จากนั้นก็เอาตัวอย่างน้ำจิ้มไปแจกตามร้านขายลูกชิ้นทอด ลูกชิ้นปิ้ง เพื่อให้ผู้ค้าได้ทดลองใช้ ก่อนจะชี้เป้าให้มาซื้อที่ร้านที่วางจำหน่าย


     ในส่วนของตลาดออนไลน์ ด้วยความที่น้ำจิ้มลูกชิ้นเป็นสินค้าที่มีน้ำหนัก ทำให้การขนส่งผ่านผู้ให้บริการต่างๆยังมีข้อจำกัด พวกเขาจึงใช้ช่องทางออนไลน์เป็นตัวช่วยออฟไลน์ นั่นคือ ใช้ออนไลน์ประชาสัมพันธ์บอกถึงสถานที่จัดจำหน่าย แล้วให้ลูกค้าไปซื้อยังจุดจำหน่ายต่างๆ ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง


     การคิดกลยุทธ์การตลาด และแนวทางพัฒนาตัวสินค้า พวกเขาคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ นั่นคือกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าลูกชิ้น ซึ่งมีอยู่ถึง 90 เปอร์เซ็นต์  ที่จะต้องตอบโจทย์ให้ได้รับความสะดวกและเข้าถึงที่สุด ที่สำคัญคือใช้สินค้าแล้วเหลือกำไรมากขึ้นด้วย ส่วนอีก 10 เปอร์เซ็นต์คือ ผู้บริโภค  ซึ่งแผนรบในปีนี้คือจะรุกตลาดผู้บริโภคทั่วไปให้มากขึ้น เพื่อขยับตัวเลขขึ้นมาเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ ให้ได้


     โดยปัจจุบัน สินค้าของจอมยุทธ์16 มีขายในรูปแบบซอง (ถุง) สำหรับพ่อค้าแม่ค้า บรรจุหนึ่งกิโลกรัม ซึ่งจำหน่ายไปทั่วประเทศ รวมถึงเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา เมียนมา และ สปป.ลาว ด้วย ขณะที่ปลายปีนี้ก็เตรียมออกแพ็กเกจขวดแก้วกับซองสำหรับผู้บริโภคในครัวเรือน ที่ปรับรสชาติให้สามารถทานกับของทอดได้ทุกชนิดอีกด้วย 





               
            ลูกค้ามาก่อน กำไรมาทีหลัง
                 

     การเลือกธุรกิจที่ใช่และเดินเกมตลาดที่ชัดทำให้ธุรกิจเล็กๆ ที่ผลิตวันละร้อยกิโลกรัม ด้วยหม้อกวนที่เหมือนหม้อแกงตามวัด มาสู่กำลังการผลิตถึงประมาณร้อยตันต่อวัน จนกลายเป็นผู้ผลิตน้ำจิ้มสำเร็จรูปรายแรกและเป็นเบอร์หนึ่งของประเทศ โดยมีกำลังการผลิตสูงสุดในประเทศไทย ทั้งยังเป็นแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดคือกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
               

     เมื่อถามถึงหัวใจที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้ทุกปี ปีละไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ปีนี้ที่หลายคนบอกว่าสาหัสสากรรจ์พวกเขาก็ตั้งเป้าเติบโตได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์  ผู้บริหารจอมยุทธ์16 บอกเราว่า มาจากการนึกถึงผู้บริโภคมากกว่าเรื่องธุรกิจ
               

     “การทำธุรกิจ เราไม่ได้มองถึงกำไรหรือการเติบโตเป็นหลัก มองแค่ว่าจะมาแก้ปัญหาให้คนที่ทำอาชีพนี้ได้อย่างไร สินค้าของเราจะมาช่วยให้ชีวิตของพ่อค้าแม่ค้าที่ขายลูกชิ้นดีขึ้นได้ยังไง ตอนแรกที่ทำน้ำจิ้มลูกชิ้นเราก็คิดเหมือนการทำธุรกิจทั่วไปที่คิดถึงแต่ตัวเองว่า จะขายได้เท่าไหร่ ขายยังไง แต่นาทีนี้พลิกความคิดไปเลยคือนึกถึงลูกค้ามากกว่า ว่าทำยังไงให้เราสามารถเป็นตัวช่วยทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าขายของดีขึ้น เรามีลูกค้าประจำมากขึ้น ซึ่งจากตรงนั้นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นทำให้น้ำจิ้มจอมยุทธ์เติบโตขึ้นมา”


     ผู้ก่อตั้งจอมยุทธ์16 บอกเราว่า พอความคิดในการทำธุรกิจเปลี่ยน จึงไปปรับการทำงานใหม่ทั้งหมด ทั้งสูตรน้ำจิ้ม กระบวนการทำงาน เปลี่ยนแพ็กเกจจิ้ง เพื่อให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดีที่สุด และคิดไม่ผิดที่ซื้อยี่ห้อจอมยุทธ์16 มาใช้


     “การปรับอะไรหลายอย่าง แน่นอนว่าอาจทำให้กำไรเราลดลงบ้าง แต่มองว่ากำไรไม่ได้หมายถึงตัวเงินเท่านั้น จริงๆ ตัวเงินก็ส่วนหนึ่งเพื่อดำเนินธุรกิจให้คงอยู่ แต่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หรือความสุขของลูกค้า ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าที่ได้ทำประโยชน์ให้คนอื่น ซึ่งก็ถือเป็นกำไรเหมือนกัน” ทั้งสองบอก
 




               
            ทำวันนี้ให้ชนะเมื่อวานนี้


     หลังจากเปิดตัวสู่ตลาดเป็นรายแรก ก็เริ่มมีคู่แข่งเกิดตามหลังมา สำหรับน้ำจิ้มจอมยุทธ์16 พวกเขาบอกว่า ไม่เคยโฟกัสที่คู่แข่ง แต่คิดว่าเป็นเพื่อนร่วมอาชีพที่ช่วยกระตุ้นให้ตลาดน้ำจิ้มลูกชิ้นเติบโตขึ้น เพราะแต่ละคนก็ต่างมีฐานลูกค้าของตัวเอง


     “เราดูตัวอย่างจากโค้กและเป๊ปซี่ เขาต่างคนต่างโต ต่างคนต่างรวย ไม่ได้หมายถึงคู่แข่งเกิดแล้วเราจะตาย แต่ทุกคนสามารถเติบโตไปด้วยกันได้ ถึงแม้จะขายในร้านเดียวกันก็ตาม เพราะแต่ละคนแต่ละยี่ห้อก็มีเอกลักษณ์ของตัวเองมีลูกค้าของใครของมัน และเชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า คนที่จะวิ่งถึงเส้นชัยได้เร็วที่สุด ไม่ใช่คนที่วิ่งไปแล้วหันซ้ายทีขวาที แต่คือคนที่ต้องวิ่งตรงในเลนของตัวเอง และสำรวจตัวเองตลอดเวลาว่า วันนี้ตัวเองวิ่งได้ดีขึ้นหรือไม่ ถ้าจะถามว่าใครเป็นคู่แข่ง ก็ต้องบอกว่า จอมยุทธ์เองนี่แหละ จอมยุทธ์เมื่อวานกับจอมยุทธ์วันนี้ โดยจอมยุทธ์วันนี้ต้องมองว่าจะทำยังไงให้ชนะจอมยุทธ์เมื่อวานนี้ให้ได้”


     เมื่อถามถึงแผนใน 3-5 ปี พวกเขาบอกว่า อยากเป็นบริษัทผลิตสินค้าที่มาเติมสีสันให้กับชีวิตผู้คน นั่นหมายความว่า ต้องการเป็นผู้นำในเรื่องของเครื่องปรุงต่างๆ แล้วทำออกมาในแบบที่เข้มข้น ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพอมีจอมยุทธ์เข้ามาในมื้ออาหารมันทำให้อาหารของพวกเขามีสีสันมากขึ้น มีรสชาติมากขึ้น โดยจะไม่ได้หยุดอยู่แค่น้ำจิ้มลูกชิ้น แต่จะก้าวไปสู่เครื่องปรุงรสทั้งหมด ไม่ว่าจะ พริกน้ำปลา พริกและน้ำตาล พริกน้ำส้ม พริกป่น เพราะโรงงานมีการคั่วพริกเองสำหรับทำน้ำจิ้มอยู่แล้ว จึงสามารถพัฒนาไปสู่ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ได้ไม่ยาก





     “วันนี้ถ้าไม่ได้ทำน้ำจิ้มก็คงไม่ได้อยากทำธุรกิจอื่นแล้ว สำหรับเราคิดว่านี่คือสิ่งที่อยากทำที่สุด เพราะธุรกิจนี้ทำให้เรามีความสุข เป็นสินค้าที่ทำให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น การอยู่กับตรงนี้ทำให้มีความสุข มันหล่อเลี้ยงทั้งชีวิตและจิตใจ จนนึกไม่ออกเลยว่ายังอยากทำธุรกิจอะไรที่นอกเหนือจากนี้อีกแล้ว”



 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 
 
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย