Main Idea
- “เอมมี่-อมราพร แซ่เจียง” ซีอีโอสาวแกร่งแห่ง “เอเชีย กรุ๊ป” คือทายาทคนโตของผู้ก่อตั้ง “อู่เสรีชัย” เจ้าของธุรกิจต่อตัวถังรถ ทั้งรถกระบะ รถบรรทุก และรถสิบล้อ เธอเติบโตคลุกคลีมากับรถบรรทุกจนกลายเป็นความผูกพัน วันนี้จึงพลิกธุรกิจสู่โลจิสติกส์ โซลูชั่น ที่เกี่ยวกับการสร้างก่อสร้าง ได้อย่างเยี่ยมยุทธ์
- ความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา เกิดจากวิธีคิดที่แหลมคมและใจสู้ แม้วันที่เจอเรื่องแย่ที่สุด เธอเลือกที่จะข้ามผ่านด้วยความคิด "This is a bad day not bad life" มันเป็นแค่วันนี้ที่เราเจอไม่ใช่ชั่วชีวิต ไปทำความรู้จักเธอคนนี้ให้มากขึ้นกัน
คุณคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ จะบริหารธุรกิจสายหนักอย่างขายรถบรรทุก ธุรกิจโลจิสติกส์งานก่อสร้าง ได้หรือไม่ ถ้าทำได้เธอคนนั้นต้องเป็นคนแบบไหน อึด ถึก ทน ไม่รักสวยรักงาม หรือเพียงแค่สาวหน้าหวาน ร่างบาง แต่ทัศนคติเป็นเลิศอย่างเธอคนนี้
เรากำลังพูดถึง “เอมมี่-อมราพร แซ่เจียง” ซีอีโอสาวแกร่งแห่ง “เอเชีย กรุ๊ป” ทายาทคนโตของผู้ก่อตั้ง “อู่เสรีชัย” เจ้าของธุรกิจต่อตัวถังรถ ทั้งรถกระบะ รถบรรทุก และรถสิบล้อ เธอเติบโตคลุกคลีมากับรถบรรทุกจนกลายเป็นความผูกพัน เมื่อเรียนจบมีฝันอยากทำธุรกิจของตัวเอง ตัวเลือกแรกจึงไม่พ้นธุรกิจนำเข้ารถบรรทุก โดยขอเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ “FAW” แบรนด์อันดับหนึ่งจากประเทศจีนได้สำเร็จ ท่ามกลางคำค่อนแคะที่แม้แต่ผู้เป็นพ่อยังบอกว่า “เป็นไปไม่ได้”
ถามว่าเอมมี่รู้จักแบรนด์นี้ได้ยังไง เธอบอกว่ารู้จักผ่านอินเทอร์เน็ต และเห็นว่าในเมืองไทยยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายแม้แต่รายเดียวในขณะนั้น จึงตัดสินใจบินไปเจรจาขอเป็นตัวแทนจำหน่ายด้วยตัวเอง ส่วนที่ต้องเลือกดีลกับเบอร์ 1 เพราะคิดว่า จะช่วยส่งเสริมธุรกิจให้โตไปด้วยกันได้
เธอเล่าว่า ตอนเดินไปคุยขอเป็น Distributor ถูกหัวเราะใส่ เพราะเธอเป็นเพียงผู้หญิงวัย 29 ปี แถมไม่มีประสบการณ์ ไม่มีอะไรเลย แต่เธอบอกกับ FAW ในตอนนั้นไปว่า ไม่ขอสัญญาว่าจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของไทย แต่จะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของรถจีนให้ดู
ใครจะคิดว่าจากวันนั้นเธอจะทำมันได้สำเร็จในช่วงเวลาแค่ 8 ปี โดยทุกวันนี้ บริษัท เอเชีย วีฮิเคล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่บริหารโดยผู้หญิงคนนี้เป็นเบอร์หนึ่งของเซคชั่น FAW ในไทย สิ่งที่ทุกคนเคยค่อนแคะว่าเป็นไปไม่ได้ เธอพิสูจน์ด้วยการทำตามที่พูดไว้สำเร็จแล้ว
เธอบอกว่าแม้คุณภาพสินค้าจะไม่ใช่ปัญหา แต่การสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้าที่ต้นทุนสูง และมีปัญหาในรายละเอียดให้แก้ไขเยอะมาก จึงต้องปรับแผนการขายใหม่ โดยหันมาเจาะกลุ่มลูกค้ารายใหญ่มากขึ้น ซึ่งในช่วงนั้นธุรกิจก่อสร้างกำลังเติบโต จึงผนึกกำลังกับอู่เสรีชัยของครอบครัว ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวรถบรรทุกเข้าไปรับงานขนส่งติดตั้งเครื่องจักร อุปกรณ์ในงานก่อสร้างให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ในโครงการรถไฟฟ้าสีแดง สีส้ม และสีนํ้าเงิน เช่น บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) บริษัทชิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
จนบริษัทก้าวสู่การเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายพร้อมศูนย์บริการมาตรฐาน โดยมีบริการหลังการขายเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งเธอบอกว่าการขายไม่ใช่เรื่องยาก แต่เมื่อขายแล้วจะดูแลลูกค้าอย่างไรต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ ต้องตีโจทย์ให้แตก สิ่งที่เธอทำคือลงไปเรียนรู้และดูแลลูกค้าด้วยตัวเอง ซึ่งวิธีนั้นยังช่วยจุดประกายความคิดให้เธอต่อยอดธุรกิจไปสู่ ตัวแทนจำหน่ายเครื่องยนต์และอะไหล่รถบรรทุก “เหว่ยฉาย” แบรนด์อันดับหนึ่งของจีน เพื่อรองรับการให้บริการรถจีนในเมืองไทย เพราะรถจีนเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ใช้เครื่องยนต์เหว่ยฉาย ทั้งนั้น
เกมธุรกิจของสาวร่างบางยังไม่จบ เมื่อการลงไซต์งานก่อสร้างบ่อยครั้ง ทำให้เห็นโอกาสต่อยอดธุรกิจให้รองรับงานก่อสร้างได้อย่างครบวงจร โดยใช้ใจที่สู้ บวกการมีธุรกิจในเครืออู่เสรีชัย เอเชีย วีฮีเคลฯ และเหว่ยฉาย มารองรับ เธอจึงก้าวสู่เส้นทางโลจิสติกส์ในธุรกิจก่อสร้างอย่างเต็มรูปแบบ โดยตั้งบริษัทคิว แคร์ริเออร์ จำกัด ธุรกิจขนส่งคอนกรีตและทุกอย่างในงานก่อสร้าง เรียกว่าเป็น “โลจิสติกส์ โซลูชั่น” ที่เกี่ยวกับการสร้างก่อสร้าง ได้อย่างเยี่ยมยุทธ์
หนึ่งในความฝันที่อยากไปให้ถึงแต่เคยคิดว่า “เป็นไปไม่ได้” ก็คือการเป็นผู้จัดจำหน่ายรถบรรทุกแบรนด์ดังอย่าง “ฮีโน่” สัญชาติญี่ปุ่น เธอบอกว่าวันนี้เธอมีประสบการณ์จากการทำงานจริง หลังจากปลุกปั้นบริษัท เอเชีย วิฮีเคิลฯ จนประสบความสำเร็จ ด้วยจุดแข็งในเรื่องการบริการเอาใจใส่ลูกค้าอย่างเต็มที่และมีความเข้าใจกระบวนการทำงานของลูกค้าจริงๆ เธอเสนอเปิดศูนย์บริการ 24 ชั่วโมงแห่งแรกในไทย เพื่อแก้ปัญหาโซลูชั่นการใช้รถ เนื่องจากล้อที่หมุนของรถบรรทุกจะได้เงิน กลางวันก็ทำงานหาเงินไป เมื่อถึงเวลากลางคืนไม่มีงานก็มาเข้าศูนย์รับบริการดูแลได้ ซึ่งนี่เองที่ตรงกับคอนเซปต์ของ “ฮีโน่” จึงได้รับเลือกเป็นตัวแทนนำเข้าและจำหน่ายฮีโน่ในเมืองไทยในวันนี้
และนี่เองที่จะเป็นหมากรุกใหม่ ขยับธุรกิจระดับร้อยล้านบาท ให้ไปแตะหลักพันล้านบาทได้ในปีนี้!
ถามว่าอะไรเป็นกุญแจของความสำเร็จ ที่ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ สร้างธุรกิจที่ยิ่งใหญ่อย่างวันนี้ได้ เธอบอกว่า “คิดแล้วลงมือทำ” เธอเชื่อว่าความคิดมีวันหมดอายุ ถ้าคิดแต่ไม่ทำ ท้ายที่สุดก็จะเลิก ความคิดนั้นก็จะไร้ประโยชน์ เธอว่าคนเราคิดได้เหมือนกัน แต่ลงมือทำต่างกัน ด้วยนิสัยส่วนตัวของเธอคือ “พร้อมตลอดเวลา” มีโอกาสเข้ามาเธอพร้อมจะลุย และฟุตเวิร์คตลอดเวลา
เธอชอบที่จะคิดเล่นๆ ว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจะทำยังไง เหมือนคิดรอไว้ก่อน และมักจะบอกลูกน้องเสมอว่าเป้าหมายเหมือนเดิม แต่กลยุทธ์เปลี่ยนได้ตลอดเวลา
เมื่อให้นิยามตัวเองเธอบอกว่า เป็นคนที่ชอบ Test limit ทุ่มสุดตัว ในเรื่องที่อยากทำ และจะถามตัวเองอยู่เสมอว่าทำไปเพื่ออะไร บางเรื่องอาจไม่ได้เงินแล้วได้อะไร เธอจะมีเป้าหมายในใจเสมอเมื่อลงมือทำ เธอบอกว่า ไม่อย่างนั้นมันแห้งแล้ง เพราะงานบางอย่าง มีคุณค่ามากกว่าเงิน
ถ้าทำแล้วไม่สำเร็จเธอจะถามว่าแล้วอะไรคือคำว่า สำเร็จ ต้องนิยามให้ชัด เช่น เจอปัญหา เมื่อแก้แล้วจบก็คือสำเร็จ เวลาเจอเรื่องแย่เธอจะบอกตัวเองเสมอว่า This is a bad day not bad life มันเป็นแค่วันนี้ที่เราเจอไม่ใช่ชั่วชีวิต
“เราไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น แค่พิสูจน์กับตัวเราเอง ต้องดูเหตุและผลไม่เอาอารมณ์มาผสม เมื่อแยกออกมาแล้วเราจะรู้ว่าเรื่องที่เราทำคืออะไร เหมือนอย่างที่บอกว่าอะไรคือความยาก อะไรคือความกลัวเป็นเพราะเราไม่รู้ เราไม่มีประสบการณ์ เวลามีปัญหานี้ฟังเพลง และฟังธรรมะช่วยได้ ทำให้ปล่อยวางเป็น ถ้าเราทำเต็มที่ผลลัพธ์ต้องดีไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ส่วนดีในแง่ไหนเดี๋ยวรู้ แต่ไม่มีหรอกที่จะไม่ดีถ้าเราทำเต็มที่” เธอกล่าวทิ้งท้าย
และนี่คือที่มาของความสำเร็จ ที่เธอพิสูจน์ให้เห็นแล้วในวันนี้
Did you know
แม้วันนี้จะสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จขึ้นมาได้ แต่ “อมราพร แซ่เจียง” ซีอีโอสาวแกร่งแห่ง “เอเชีย กรุ๊ป” ก็ยังมีความฝัน คือการเป็นซีอีโอของโฮลดิ้ง คัมปานี โดยไม่จำเป็นต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เธอบอกว่าอยากทำงานแล้วไปเปลี่ยนชีวิตคนให้ดีขึ้น สร้างความเจริญให้ประเทศ เห็นแล้วชื่นใจ ภูมิใจ และยิ้มได้ เธอบอกว่ามันได้ตอบแทนให้กับประเทศไทย ซึ่งมีคุณค่ามากกว่าเงิน
ซึ่งแรงสนับสนุนและเบ้าหลอมสำคัญที่ทำให้เธอมีความคิด ตลอดจนเป็นสาวแกร่งเช่นนี้ได้ ก็คือ ครอบครัว โดยเฉพาะพ่อผู้ที่คอยให้แนวคิดคำปรึกษาในการทำธุรกิจแบบระมัดระวัง ไม่สร้างหนี้เกินตัว หรือไม่สร้างหนี้เลยหากเป็นไปได้ พร้อมสนับสนุนทุกเรื่องอย่างเต็มที่ เพื่อให้ลูกได้มีธุรกิจของตัวเอง เธอบอกว่า พ่อมีความเป็นนักสู้ที่ผ่านความยากลำบากมามากมาย ซึ่งท่านได้บอกเล่าให้ลูกๆ ฟังเสมอ พ่อจึงเป็นเหมือนแรงบันดาลใจ ที่ทำให้ทุกครั้งที่มีโอกาสเธอจะทำอย่างเต็มที่ เพราะไม่อยากให้ท่านต้องผิดหวัง เพราะเธอคิดเสมอว่าลูกเป็นประกาศนียบัตรของพ่อแม่ และเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนไม่ได้คิดให้ลูกต้องรวย แต่สิ่งที่พ่อแม่อยากเห็นคือ เมล็ดพันธุ์ของเขาที่อยู่ในตัวลูกเติบโตงอกงามได้ดีเท่านั้นเอง
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี