TEXT & PHOTO : ยุวดี ศรีภุมมา & PHOkitchen
Main Idea
- ท่ามกลางชีวิตที่รีบเร่งในเมืองหลวง ยังมีร้านอาหารโฮมเมดเล็กๆ ในย่านลาดพร้าวที่ละเมียดละไม ปรุงอาหารทุกจานด้วยใจเพื่อให้แต่ละเมนูออกมาถูกปากลูกค้าที่มานั่งทานมากที่สุด
- ร้าน PHOkichen (โพธิ์คิทเช่น) คือไทม์แมชชีนที่จะช่วยพาคุณย้อนเวลากลับไปสู่วัยเด็กที่เหมือนได้นั่งมองแม่ทำอาหารให้ทาน นี่แหละคืออาหารรสชาติสบายใจที่ควรค่าแก่การลิ้มลอง
ท่ามกลางชีวิตที่รีบเร่งในเมืองหลวง ยังมีร้านอาหารโฮมเมดเล็กๆ ในย่านลาดพร้าวที่ละเมียดละไม ปรุงอาหารทุกจานด้วยใจเพื่อให้แต่ละเมนูออกมาถูกปากลูกค้าที่มานั่งทานมากที่สุด ร้านนี้คือ ‘PHOkitchen’ (โพธิ์คิทเช่น) ห้องครัวไซส์จิ๋วที่รับลูกค้าจำนวนจำกัดผ่านการจองล่วงหน้า ด้วยขีดจำกัดของ 2 หนุ่มสาว อย่าง พงศธร คุ้มปลี และ กุลวดี โพธิ์อุบล ที่ทำทุกอย่างแบบค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป คุณจะได้รับประทานพาสต้าเส้นสดผักโขมพร้อมซอสที่เลือกได้เอง มีทั้งคาโบนาร่า สุกี้ยากี้ญี่ปุ่น ครีมซอสเห็ดไปจนถึงเบคอนพริกแห้ง
“แม่ปลูกผักโขมที่บ้านเยอะ เลยคิดว่าลองทำอะไรกินดี เราก็คิดว่าทำผักโขมอบชีสอาจจะดูธรรมดาเกินไป ไม่รู้จะเล่าเรื่องและขายยังไงต่อ เราเลยเอาผักโขมของแม่มาบวกกับการที่เราเคยทำพาสต้ามาก่อน แค่นั้นเลย” กุลวดีเล่าเรื่องการทำเส้นพาสต้าอันเป็นเอกลักษณ์ของร้านด้วยการนำผักโขมของแม่ที่นครปฐมมาผสมผสานลงไปกลายเป็นเส้นพาสต้าผักโขมสีสันสดใสแถมยังสดใหม่ได้รสชาติไม่เหมือนใคร
ย้อนเวลากลับไปในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย กุลวดี ได้ทดลองทำหลายอย่างที่ตนเองอยากทำ ไม่ว่าจะเป็นบาริสต้าที่ร้านกาแฟไปจนถึงการทำงานในร้านอาหารโฮมเมด ทำให้เธอสั่งสมประสบการณ์ทำอาหารและมองเห็นความฝันตัวเองเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น นั่นคือการเปิดร้านของตัวเองที่บ้านนครปฐม
หลังจากเรียนจบ กุลวดีทำงานด้านการออกแบบในกรุงเทพฯ และได้พบกับพงศธรผู้ที่เข้ามาซัพพอร์ตความฝันด้านการทำอาหารของเธอ เส้นทางของพวกเขาก็เริ่มต้นขึ้น
“เริ่มจากการขายกาแฟ เวลาที่เราอยากกินกาแฟที่ไหนก็จะสั่งมา ปรากฏว่ากินไม่หมด เลยคิดว่าน่าจะทำโปรเจ็กต์แบ่งให้คนอื่นกินบ้าง ตอนนั้นเราเลยทำเป็น Drip Bag เอากาแฟของแต่ละที่ไปแยกเป็นถุงๆ แล้วเล่าเรื่องที่มาที่ไปของกาแฟที่เราได้มา จากนั้นก็ลองไปออกบูธ เรารู้สึกว่ามีคนสนใจ มีคนเข้าใจเรื่องนี้ เราก็ลองไปออกบูธอีกที คราวนี้เอาพาสต้าเส้นสดผักโขมไปขายด้วย ปรากฏว่าวันแรกพาสต้าขายดีกว่า คืนนั้นเราเลยเปิดเพจ PHOkitchen เล่าความเป็นไปเป็นมา อีกวันคือขายดีมาก แค่ช่วงบ่ายก็ขายหมดแล้ว” พงศธรเล่าถึงก้าวแรกเล็กๆ ของพวกเขา
แม้ว่าร้าน PHOkitchen จะเปิดตัวรวดเร็วภายในข้ามคืนหลังจากที่พวกเขามองเห็นโอกาสว่าน่าจะเป็นไปได้ แต่พวกเขากลับเลือกที่จะก้าวย่างอย่างช้าๆ ไม่ได้เร่งรีบ ทำเท่าที่มีด้วยการมองหาพื้นที่เปิดร้านเล็กๆ และก็ได้เปิด PHOkitchen ที่แรกในป้อมยามใต้หอของพงศธร ซึ่งจะขายเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ เนื่องจากขณะนั้นพวกเขายังคงทำงานประจำไปด้วย แต่ด้วยขนาดร้านที่ค่อนข้างเล็กแถมยังเป็นที่นั่งแบบ Outdoor จึงต้องเผชิญข้อจำกัดหลายอย่างในที่สุดจึงตัดสินใจย้ายร้านมาสู่ย่านลาดพร้าว 29 กลายเป็น PHOkitchen เวอร์ชันปัจจุบัน
นอกจากเมนูพาสต้าเส้นสดผักโขมที่เป็นเมนูชูโรงแล้ว ทางร้านยังมีเมนูอื่นๆ ให้ลูกค้าได้เลือกสรร อาทิ พิซซ่าฟอร์เรสต์เบคอน ซึ่งตัวแป้งจะหมักจากยีสต์ธรรมชาติที่ทางร้านเลี้ยงเอง หรือจะเป็นเมนูสุดฮิตอย่างข้าวผัดฟ้าใส ที่มีเรื่องราวน่ารักๆ ซุกซ่อนอยู่ในจานนี้
“ข้าวผัดฟ้าใส มาจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง Weathering with You แล้วจะมีฉากหนึ่งที่ตัวเอกทำข้าวผัดกับขนมซอง เราอยากรู้มากว่ารสชาติมันเป็นยังไง ในโรงก็มองหน้ากัน แต่ไม่ได้พูด พอออกจากโรงหนังก็ไปหาสูตรมาปรับเป็นของเรา ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะขาย กิ๊ก (กุลวดี) แค่ทำให้มอช (พงศธร) กิน เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปอัพลงเพจ พอโพสต์ไปเท่านั้นแหละ คนสนใจมากินข้าวผัดเยอะมาก เพราะเมนูมันฮิตมาก คนญี่ปุ่นทำกินกันเต็มเลย การ์ตูนก็ดัง ลูกค้าบางคนจะไปดูหนัง มากินเมนูนี้ที่ร้านเราแล้วค่อยไปดูก็มี” ทั้งคู่ช่วยกันเล่าถึงเมนูฮิตของร้าน
หากลองวาดภาพ PHOkitchen ร้านนี้คงเป็นผ้าใบสีขาวที่ค่อยๆ เติมแต่งลงไปทีละเล็ก ทีละน้อยแบบไม่รีบร้อน ไม่มีรูปแบบที่ชัดเจนว่าจะต้องทำแบบนี้หรือแบบนั้น มีความยืดหยุ่นเหมือนสายน้ำและสบายใจเหมือนบ้าน นี่เลยทำให้ร้าน PHOkitchen กลายเป็นครัวเล็กๆ ที่กลมกล่อมที่สุด
“เราคุยกันแต่แรกว่าเราไม่ได้เปิดร้านอาหารนะ เราไม่ได้ขายอาหารแต่เราขายประสบการณ์ ให้คนที่มากินได้รับประสบการณ์กลับไป อาหารเป็นสื่อเบื้องต้น อนาคตเราอาจไม่ได้เป็นร้านอาหารแล้วก็ได้ มันถึงไม่ใช่ PHOpasta ไง มันคือ PHOkitchen ถึงแม้เริ่มต้นจะเป็นพาสต้า แต่ครัวนี้สามารถจะทำอะไรก็ได้ ทำกาแฟก็ได้ อย่างเมนูเสริม เวลาเราเจออะไรโดนใจ ประทับใจก็อยากเอาตรงนั้นมาทำเป็นเมนู เช่น ข้าวผัดฟ้าใส เหมือนเวลาเราดูหนังเรื่องอะไรแล้วอยากแชร์ให้คนอื่นดูมั้ง เหมือนกับเวลาเราทำอาหาร แล้วแชร์ลูกค้าว่าเมนูนี้มาจากเรื่องนี้นะ หาเรื่องคุยกัน ทำให้เกิดบทสนทนา เกิดเพื่อนใหม่” พงศธรเล่า
ปัจจุบัน ร้าน PHOkitchen ยังคงเปิดรับลูกค้าเฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์ วันละ 5 รอบ รอบละสูงสุด 12 คน โดยพวกเขาใช้ระบบการจองคิวล่วงหน้าและไม่รับลูกค้าแบบ Walk-in เด็ดขาด เนื่องจากต้องการดูแลลูกค้าที่มีอยู่ให้ดีที่สุด
“หัวใจสำคัญคือการดูแลความรู้สึกของคนที่มากิน อย่างปัญหาหรือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้ร้านเราเดินหน้า เราคิดถึงความรู้สึกของคนที่มากิน อย่างถ้าลูกค้าอยากมากินซ้ำ เราก็เปลี่ยนจากการออกบูธเป็นการหาหน้าร้าน หรืออยากทำให้ลูกค้านั่งสบายๆ เราก็ย้ายร้านจากป้อมยามตรงนั้นมาเป็นร้านนี้ หรือถ้าไม่อยากให้คนมากินต้องรอนาน ต้องต่อแถว เราก็ทำระบบจองขึ้นมา เราต้องหาวิธีการใหม่ๆ มาดูแลเขา นี่คือการดูแลความรู้สึกลูกค้าด้วยกำลังที่เรามีและเราทำให้เกิดสิ่งนี้ ค่อยๆ ก้าวไป” พงศธรพูดถึงหัวใจสำคัญของร้าน PHOkitchen
ถ้าเปรียบร้าน PHOkitchen เป็นเมนูสักหนึ่งเมนูของร้าน กุลวดีนึกถึงเมนูข้าวผัดฟ้าใส เมนูง่ายๆ แต่อบอุ่นแถมยังรวมทุกเรื่องราวเอาไว้ทั้งหมดอยู่ในจานเดียว
“กิ๊กมองว่าร้านเราเป็นข้าวผัดฟ้าใส เพราะว่าเป็นเมนูที่รวมเรื่องเล่า รวมความที่เราอยากเล่าเรื่องบวกกับอาหารมาไว้ในจานนี้ เรารู้สึกว่าไม่ใช่แค่อาหาร แต่ทำให้คนรู้สึกเติมเต็ม เพราะบางคนชอบเรื่องนี้แล้วพอเขามากินเขามีความสุขมากๆ เราชอบจานนี้ เมนูนี้คือการเติบโตของร้านเรา เป็นเส้นทางที่ PHOkitchen ควรจะเดินมา รวมความเป็นกิ๊กและมอช กิ๊กทำอาหาร มอชเล่าเรื่อง จานนี้แหละ ใช่เลย” กุลวดีกล่าวปิดท้าย
บางครั้งเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้นั่งกินข้าวในบรรยากาศสบายใจเหมือนได้นั่งกินข้าวรสมือแม่และร้าน PHOkichen คือไทม์แมชชีนที่จะช่วยพาคุณย้อนเวลากลับไปสู่วัยเด็กที่ได้นั่งมองแม่ทำอาหารให้ทาน นี่แหละคืออาหารรสชาติสบายใจที่ควรค่าแก่การลิ้มลอง
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี