Main Idea
- ช่วงก่อนหน้านี้ ผู้บริโภคอาจจะมองหาสกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีหรือไม่ทดลองกับสัตว์ แต่มาถึงตอนนี้ผู้บริโภคเริ่มถามตัวเองว่า ‘แบรนด์ที่ฉันใช้ ทำร้ายโลกไหมนะ’
- ผู้บริโภคในยุคนี้จึงเริ่มมองหาแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ แพ็กเกจจิ้ง กระบวนการผลิต ไปจนถึงวัตถุดิบต่างๆ นี่เป็นโอกาสครั้งใหญ่ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมความงามที่ต้องปรับตัวเองให้กลายเป็นแบรนด์รักษ์โลก
ช่วงก่อนหน้านี้ ผู้บริโภคอาจจะมองหาสกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีหรือไม่ทดลองกับสัตว์ แต่มาถึงตอนนี้ผู้บริโภคเริ่มถามตัวเองว่า ‘แบรนด์ที่ฉันใช้ ทำร้ายโลกไหมนะ’ ด้วยแพ็กเกจจิ้งของ สกินแคร์ที่ต้องโยนทิ้งหลังใช้งานเสร็จทำให้เกิดขยะมากมาย หน้าสวยแต่โลกพัง คงไม่ดีแน่! ผู้บริโภคยุคนี้จึงเริ่มมองหาแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมตั้งแต่แพ็กเกจจิ้ง กระบวนการผลิตไปจนถึงวัตถุดิบต่างๆ นี่เป็นโอกาสครั้งใหญ่ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมความงามที่ต้องปรับตัวเองให้กลายเป็นแบรนด์รักษ์โลก!
- เหตุผลสำคัญที่แบรนด์เครื่องสำอาง-สกินแคร์ต้องหันมาใส่ใจโลกใบนี้มากขึ้น
ข้อมูลที่น่าสนใจจาก Zero Waste Week 2018 ได้เผยว่าในอุตสาหกรรมสกินแคร์ได้มีการผลิตบรรจุภัณฑ์มากกว่า 120 ล้านชิ้นเพื่อนำไปทำแพ็กเกจจิ้งสกินแคร์หรือเครื่องสำอาง และจำนวนนี้มากกว่าแพ็กเกจจิ้งพลาสติกที่ใช้บรรจุเครื่องสำอางปี 1960 ถึง 120 เท่า!
ด้วยการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามตามมาด้วยการแข่งขันของธุรกิจ ต่างคนต่างออกสินค้าใหม่โดยไม่ได้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมาเป็นอันดับหนึ่ง ธุรกิจส่วนใหญ่แข่งขันที่หน้าของของสินค้า ความเก๋ของแพ็กเกจจิ้งที่จะช่วยดึงดูดลูกค้า แต่มาถึงยุคนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป เมื่อผู้บริโภคสนใจกับความสวยงามของแพ็กเกจจิ้งน้อยลงแต่นึกถึงกระบวนการ ที่มาที่ไปมากขึ้น การศึกษาล่าสุดจาก Dotcom Distribution พบว่า 62 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยธุรกิจเครื่องสำอางแบบยั่งยืนไม่ได้เป็นแค่เทรนด์แบบฉาบฉวย แต่จะกลายเป็นหนึ่งในหลักพื้นฐานของธุรกิจในอนาคต จากข้อมูลของ Statista ได้คาดการณ์ตัวเลขของแบรนด์สกินแคร์-เครื่องสำอางจากธรรมชาติว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 2 หมื่น 2 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2024
นอกจากนี้เราจะได้เห็นคำว่า ‘Clean Beauty’ กันมากขึ้นในแวดวงเครื่องสำอางและสกินแคร์ โดย Clean Beauty จะมีความคล้ายคลึงกับที่เราใช้เรียก Clean Food ความหมายของ Clean Beauty ก็คือสกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่ปราศจากสารเคมี ไร้ส่วนผสมแปลกปลอมและเป็นอันตรายต่อผิว สำหรับตลาด Clean Beauty ที่เติบโตอย่างรวดเร็วมากนั่นคือสกินแคร์ที่ยั่งยืน ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและเครื่องสำอาง
- ปรากฏการณ์ของธุรกิจความงามที่ปรับตัวกู้โลก
หลายแบรนด์กำลังปรับตัวอย่างหนักเพื่อสิ่งแวดล้อมโลกที่ดีขึ้น อย่าง Sephora ร้านค้าปลีกเครื่องสำอางชื่อดังได้เปิดตัว Clean at Sephora เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ Clean Beauty ได้สะดวกขึ้น โดยคุณสามารถเซิร์จหาสกินแคร์ธรรมชาติ เครื่องสำอางออร์แกนิกและอื่นๆ ได้ผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์
Ethique Beauty แบรนด์สกินแคร์ Eco-Friendly ที่ให้คุณสวยได้แบบไร้ขยะ ผลิตภัณฑ์เด่นของเขาคือ Hair Care และที่ดับกลิ่น โดยเขาได้ทำผลิตภัณฑ์ออกมาในลักษณะก้อนหรือแท่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกและไม่ก่อให้เกิดมลพิษ
คล้ายกันกับแบรนด์ Lush ที่มีจุดยืนเรื่อง Packaging-Free มาอย่างยาวนาน โดย Lush จะเป็นแบรนด์ที่ขายสบู่ สกินแคร์ แชมพู ที่มากส์หน้าไปจนถึง Bath Bomb โดยล่าสุดเขาได้เปิดตัวร้านที่ปลอดขยะพลาสติกแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ชื่อว่า Lush Naked Shop มีสาขาอยู่ที่ Milan, Berlin, Manchester และ Hong Kong ทุกอย่างในร้านต้องย่อยสลายได้หรือว่าทำมาจากธรรมชาติ โดยเขาใช้วัสดุธรรมชาติอัดแข็งมาขึ้นรูปใหม่ให้เป็นแพ็กเกจจิ้ง ส่วนฉลากที่ติดข้างขวดก็ให้ลูกค้าสแกนอ่านเอาเพื่อลดขยะจากฉลากบนบรรจุภัณฑ์
- 3 ไอเดียแพ็กเกจจิ้งสกินแคร์กู้โลก
- นำเสนอบริการ Refill
หนึ่งวิธีเริ่มต้นง่ายๆ นั่นคือเสนอบริการ Refill ให้แก่ลูกค้าหรือว่าบริการสกินแคร์รายเดือนแบบ Subscription เพราะผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวอย่างสบู่ แชมพู อาจจะหาแพ็กเกจจิ้งรักษ์โลกยากและต้องใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วย ฉะนั้น การยืดระยะเวลาการใช้งานให้นานที่สุดจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ อย่างในปัจจุบันที่มีร้านค้าปลีกให้คนเข้ามา Refill เติมน้ำยาต่างๆ โดยนำขวดของตัวเองมากดได้และคิดราคาตามปริมาณที่ต้องการ
- ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออก
ด้วยการแข่งขันของธุรกิจความสวยงาม สิ่งที่ดึงดูดลูกค้าได้คงหนีไม่พ้นความสวยของแพ็กเกจจิ้งที่สะดุดตา ดูหรูหรา ใส่ขวด ใส่กล่อง ดูแน่นหนา แต่ยุคนี้ไม่ใช่อีกต่อไป ถ้าคุณอยากเริ่มต้นทำแบรนด์สกินแคร์-เครื่องสำอางรักษ์โลก แพ็กเกจจิ้งคือสิ่งที่ต้องคำนึงถึง อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกไป เช่น การใส่ขวดและกล่องหลายชั้น ฉลากขนาดใหญ่ พยายามทำให้น้อยแต่มาก วัสดุรีไซเคิลควรมาเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง
- ใช้นวัตกรรมสร้างวัสดุใหม่
ยุคนี้เราจะได้เห็นวัสดุที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมถูกพัฒนาให้กลายเป็นแพ็กเกจจิ้งมากขึ้น เช่น การนำเอากาบกล้วยทำเป็นภาชนะ ไม้เก่าๆ ถูกนำไปอัดขึ้นรูปใหม่ ไปจนถึงการใช้กระดาษแทนพลาสติก อาทิ หลอดกระดาษ ถุงกระดาษ แม้ว่าจะมีต้นทุนสูงกว่าพลาสติก แต่ถ้าในอนาคต ผู้ประกอบการหันมาให้ความสนใจเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง คงได้เห็นแพ็กเกจจิ้งรักษ์โลกที่ราคาถูกขึ้น
เพราะการจะเป็นแบรนด์รักษ์โลกไม่ใช่เรื่องง่าย คุณต้องเริ่มต้นจากหัวใจสีเขียวที่อยากจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้น หากคุณทำได้ธุรกิจของคุณจะกลายเป็นธุรกิจที่มีความยั่งยืนในหัวใจของลูกค้าแน่นอน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี