Main Idea
- จากธุรกิจที่ต้องใช้เวลานานถึง 4 ปี กว่าจะมีลูกค้ารายแรก ทนอยู่กับการขาดทุนกว่าร้อยล้าน กับอนาคตที่ยังมืดมนไม่เห็นแสงสว่าง วันนี้ บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด คือผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารรายใหญ่ของโลก เบอร์ 1 ในเอเชีย โดยมีกำลังการผลิตสูงถึง 2,500 ล้านชิ้นต่อปี!
- เบื้องหลังความสำเร็จ คือผู้ชายที่ชื่อ “ชัยวัฒน์ นันทิรุจ” ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด เขาเชื่อว่าความสำเร็จเกิดจากการมีวิสัยทัศน์ ถ้าหากอยากเป็นผู้นำ ก็ต้องหาธุรกิจที่ทำยากและมีอนาคต เพราะถ้าทำสำเร็จ ธุรกิจนั้นจะยิ่งใหญ่เสมอ
ในห้วงการทำธุรกิจ คุณรอคอยความสำเร็จได้นานแค่ไหน?
สำหรับบางคนเขาต้องใช้เวลานานถึง 4 ปี กว่าจะมีลูกค้ารายแรก ทนอยู่กับการขาดทุนกว่าร้อยล้าน กับอนาคตที่ยังมืดมนไม่เห็นแสงสว่าง ใครจะคิดว่าหลังจากนั้น บริษัทแห่งนี้จะกลายเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารรายใหญ่ของโลก เบอร์ 1 ในเอเชีย ที่กำลังร้อนแรงสุดๆ ในวันนี้
เรากำลังพูดถึง “ชัยวัฒน์ นันทิรุจ” ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด ทายาทรุ่นที่ 2 บริษัทแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศไทย ที่ตัดสินใจก้าวออกจากธุรกิจครอบครัว มาบุกเบิกธุรกิจของตัวเองเมื่อปี 2546 โดยจัดตั้ง บริษัท เอกา โกลบอล (Eka Global) จำกัด เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์ชนิด Longevity Packaging ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูป (Rigid Barrier Plastic Packaging) ที่สามารถรักษาคุณภาพอาหารได้ยาวนานถึง 2 ปี ในอุณหภูมิปกติ โดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น
ในตอนนั้นธุรกิจนี้ยังไม่มีที่บ้านเรา แม้แต่ทั่วโลกก็ยังมีคนทำน้อย เพราะทั้งทำยาก ลงทุนมาก ผลิตยาก แถมลูกค้าก็ยังซื้อยากอีกด้วย เพราะต้องใช้เวลาพิสูจน์อายุสินค้านานถึง 2 ปี และถ้าไม่ซัคเซสขึ้นมานั่นเท่ากับต้องล้มกระดานที่ทำมาตั้งแต่ต้น...แล้วใครจะอยากเสี่ยงทำธุรกิจนี้
แต่ชัยวัฒน์เลือกที่จะทำสิ่งที่ยาก เพราะเขาเชื่อว่าธุรกิจนี้มีอนาคต และถ้าเกิดก็เท่ากับจะดิสรัปต์ธุรกิจอาหารทั้งโลก แต่กว่าจะได้เกิดก็ต้องเจอกับการไม่มีลูกค้าเลยตลอด 4 ปี หมดเงินสร้างโรงงานไป 300-400 ล้านบาท ต้องประสบกับภาวะขาดทุนนับ 100 ล้านบาท ในช่วงแรก
ถามว่าเคยคิดจะถอดใจไหม เขายอมรับว่าก็มีบ้าง แต่ลึกๆ แล้วยังเชื่อว่ามันจะดี ถึงแม้ธุรกิจจะมีปัญหา แต่ปัญหาเป็นเรื่องของความยาก ไม่ใช่ตัวธุรกิจ จึงพร้อมที่จะฝ่าฟันไปให้ได้
แล้วความหวังแรกก็ปรากฏขึ้น เมื่อลูกค้าญี่ปุ่นรายหนึ่งมาขอให้ทำแพ็กเกจจิ้งสำหรับอาหารสัตว์แบบเปียก เพื่อทดแทนแบบกระป๋อง โดยบริษัทนี้มีอายุกว่า 100 ปี และเป็นแบรนด์แรกในญี่ปุ่นที่ทำอาหารสัตว์ในถ้วยพลาสติกยืดอายุ ใครจะคิดว่าบริษัทแห่งนี้จะกลายเป็นแบรนด์ที่ดังมากในญี่ปุ่น และกลายเป็นเจ้าตลาดอาหารสัตว์รายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นในวันนี้ โดยมียอดสั่งสูงถึงหลักสิบล้านชิ้นต่อปี
คนอื่นขายสินค้า แต่เอกา โกลบอล ขายโซลูชั่นในการแก้ปัญหาให้กับลูกค้า นั่นหมายความว่าลูกค้าแต่ละรายที่เข้ามาจะได้รับการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไป โดยเป็นธุรกิจที่เน้นสร้างแวลู่ให้กับลูกค้าและให้บริการอย่างครบวงจร
การเลือกทำงานยาก และยังให้บริการที่ยากกว่าคนอื่น ทำให้ไม่ง่ายนักที่จะมีคู่แข่งในตลาดนี้ เขาบอกว่าถ้าจะตามมาก็ช้าไปแล้ว เพราะธุรกิจนี้ต้องใช้เวลาและ ณ วันนี้เทคโนโลยีของพวกเขาก็เป็นผู้นำ ทั้งยังมีชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
จากธุรกิจเล็กๆ ค่อยๆ เติบโตขึ้น โดยมีลูกค้าเป็นแบรนด์ใหญ่ระดับประเทศ และทำตลาดอยู่ทั่วโลก โดยบรรจุภัณฑ์ของ เอกา โกลบอล จำกัด ถูกนำไปใช้บรรจุอาหารหลากชนิดทั้ง ซุป อาหารเด็ก อาหารสำเร็จรูป ผักผลไม้ สลัด น้ำผลไม้ เครื่องดื่มสมุนไพร กาแฟ ชาและอาหารสัตว์ เป็นต้น
หลายคนเรียกสิ่งนี้ว่าความสำเร็จ แต่สำหรับเส้นทางธุรกิจของ เอกา โกลบอล ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อปีที่ผ่านมา พวกเขาได้เข้าซื้อกิจการของ พริ้นท์แพค เอเชีย ยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน ซึ่งมีโรงงานและสำนักงานอยู่ทั้งในประเทศจีนและอินเดีย
ถามว่าดีลนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมบริษัทใหญ่ขนาดนั้นถึงตัดสินใจขายกิจการให้บริษัทสัญชาติไทย แถมยังซื้อได้ในราคาที่ไม่สูงมากอีกด้วย ชัยวัฒน์ บอกว่า เกิดจากการเป็น Friendly Competitor มิตรทางธุรกิจที่ดีต่อกันมานาน เมื่อวันหนึ่งพริ้นท์แพค มีความคิดอยากขายกิจการในเอเชีย ก็เลยเลือกบริษัทที่มีคัลเจอร์แบบเดียวกัน นั่นคือให้ความสำคัญกับคน เชื่อในเรื่องนวัตกรรมและการสร้างคุณค่า ไม่ได้เน้นขายตัดราคาอย่างเดียว และนั่นก็เป็นเหตุผลที่พวกเขาเลือกขายให้กับ เอกา โกลบอล เพราะถ้าเป็นรายอื่นมาขอซื้อ...ก็อาจจะไม่ขาย
ผลลัพธ์จากจุดนั้น ทำให้ปัจจุบัน เอกา โกลบอล กลายเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิด Longevity Packaging รายใหญ่ของโลก เบอร์ 1 ในเอเชีย โดยมีกำลังการผลิตสูงถึง 2,500 ล้านชิ้นต่อปี!
ถามว่าอะไรคือที่มาของความสำเร็จ และทำให้พวกเขาผ่านช่วงเวลาของความยากลำบากมาได้ ชัยวัฒน์ เชื่อว่า อยู่ที่การมี “วิสัยทัศน์” เขาบอกว่า ถ้าหากอยากเป็นผู้นำ ก็ต้องหาธุรกิจที่ทำยากและมีอนาคตจริงๆ เพราะถ้าทำสำเร็จ ธุรกิจนั้นจะยิ่งใหญ่ แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ง่าย แต่เขาเชื่อว่าไม่ใช่สิ่งที่ไม่สามารถฝ่าฟันได้
เหมือนที่ เอกา โกลบอล พิสูจน์ให้เห็นแล้วในวันนี้
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี