Main Idea
- ปี 2562 ที่ผ่านมา มียอดรวมการจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ จำนวน 71,485 ราย ลดลง 1 เปอร์เซ็นต์ และมีธุรกิจเลิกกิจการ จำนวน 22,129 ราย เพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ มีทุนจดทะเบียนเลิกรวม 112,097 ล้านบาท
- ในปี 2563 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คาดแนวโน้มการจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่จะเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายทั้งปีอยู่ที่ 7.1-7.3 หมื่นราย ขึ้นกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ เพราะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงจำนวนการจัดตั้งธุรกิจใหม่
เข้าสู่เดือนที่ 2 ของปี 2563 แล้ว แต่ควันหลงของธุรกิจในปี 2562 ก็ยังคงอยู่ เช่นเดียวกับรายงานจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ออกมาพูดถึงสถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ทั่วประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนสัญญาณอะไรหลายอย่าง ในความหนักหน่วงของการทำธุรกิจปีหมู
ยอดจดตั้งบริษัทใหม่ลดลง เลิกกิจการเพิ่มขึ้น
“โสรดา เลิศอาภาจิตร์” รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ เดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา มีจำนวน 3,158 ราย ลดลง 23 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นปกติของทุกปีที่ช่วงปลายปี ตั้งแต่เดือน ตุลาคม-ธันวาคม ไม่ค่อยมีบริษัทมาจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ เพราะไม่อยากที่จะส่งงบการเงิน เลยรอไปจดทะเบียนช่วงต้นปีแทน ส่วนทุนจดทะเบียนตั้งใหม่มีมูลค่า 21,451 ล้านบาท ลดลง 45 เปอร์เซ็นต์ โดยธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ยังคงเป็นก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคารและร้านอาหาร
ในส่วนธุรกิจเลิกกิจการเดือนธันวาคม พบว่า มีจำนวน 5,666 ราย เพิ่มขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตัวเลขจะสวนทางกับการตั้งใหม่ที่ลดลง แต่เหตุผลเหมือนกัน เพราะคนที่เลิกบริษัท ไม่อยากที่จะเสียค่าทำบัญชี สอบบัญชีและส่งงบการเงิน ขณะที่ทุนจดทะเบียนเลิก มีมูลค่า 21,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ โดยธุรกิจเลิกกิจการ 3 อันดับแรก เป็นเหมือนกับธุรกิจตั้งใหม่นั่นคือ ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคารและร้านอาหาร เช่นเดียวกัน
สถิติรวมปีหมูทอง เลิกกิจการแล้ว 22,129 ราย
สำหรับยอดรวมการจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ของปี 2562 พบว่า มีจำนวน 71,485 ราย ลดลง 1 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และยังเป็นยอดที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจากปี 2560 ที่ทำได้ 74,517 ราย และปี 2561 ทำได้ 72,109 ราย โดยมีทุนจดทะเบียนตั้งใหม่รวม 327,464 ล้านบาท และธุรกิจเลิกกิจการ มีจำนวน 22,129 ราย เพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ มีทุนจดทะเบียนเลิกรวม 112,097 ล้านบาท
นอกจากนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังพบอีกว่า การจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ภาพรวมทั้งปี มีแนวโน้มการตั้งบริษัทใหม่ในส่วนภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น จากการขยายตัวของเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาค และรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในเมืองรองต่างๆ ทำให้สัดส่วนการตั้งบริษัทใหม่ในส่วนภูมิภาคเพิ่มเป็น 68 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 64 เปอร์เซ็นต์ และในกรุงเทพฯ ลดเหลือ 32 เปอร์เซ็นต์จากเดิม 36 เปอร์เซ็นต์
จับตาสถานการณ์ปี 2563
ในส่วนของแนวโน้มการจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ในปี 2563 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คาดว่า จะเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายทั้งปีอยู่ที่ 7.1-7.3 หมื่นราย ทั้งนี้ต้องพิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่นๆ ตลอดทั้งปีประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ เพราะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของจำนวนการจัดตั้งธุรกิจใหม่
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ต้องจับตาในเรื่องของงบประมาณปี 2563 ที่ยังมีปัญหาอยู่ เพราะมองในหลักเศรษฐศาสตร์ การลงทุนภาครัฐ ถือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งต่อระบบเศรษฐกิจ และมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แต่หากงบประมาณล่าช้า ก็จะกระทบต่อเนื่อง ทำให้มีการจัดตั้งธุรกิจใหม่เพื่อรองรับงานต่างๆ ของภาครัฐลดลงตามไปด้วย
ในแต่ละปีมีผู้สนใจจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่อยู่หลายกิจการ แต่ระหว่างทางก็มีคนล้มหายตายจากไปมากเช่นเดียวกัน สำหรับ SME สิ่งสำคัญมากกว่าการคงอยู่ หรือปิดกิจการ คือการได้ลงมือทำตามความฝันของตัวเอง และลองสู้ดูสักตั้ง ซึ่งธุรกิจจะอยู่หรือจะไป จะล้มเหลวหรือสำเร็จ ผลกำไรที่ได้ก็คือประสบการณ์จากการลงมือทำนั้นแล้ว
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี