Yuedpao แบรนด์เสื้อยืดสุดเกรียนที่เปลี่ยนวิธีขายเสื้อเบสิกให้เจ๋ง!

Text : ยุวดี ศรีภุมมา 





Main Idea
 
 
  • ถ้าหากพูดถึงไอเท็มการแต่งกายสุดคลาสสิก ‘เสื้อยืด’ คือหนึ่งในนั้น ด้วยความที่ใส่ง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ ทำให้เสื้อยืดกลายเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องมีติดตู้เสื้อผ้า และส่วนใหญ่มักจะมากกว่า 1 ตัวเสียด้วย 
 
  • แต่ว่ามีแบรนด์หนึ่ง ที่พวกเขาได้เปลี่ยนเสื้อยืดธรรมดาๆ ให้กลายเป็นความสนุกมากขึ้นด้วยวิธีการสื่อสาร วิธีการขาย จนทำให้ยอดขายต่อเดือนนั้นมากกว่า 5 ล้านบาทภายใน 1 ปีเลยทีเดียว และแบรนด์ที่ว่าคือ Yuedpao (ยืดเปล่า) ที่มาพร้อมสโลแกนสุดกวนอย่าง “ยืดเปล่า ยังง๊าย ก็ไม่ย้วย” 
 
 

     ถ้าหากพูดถึงไอเท็มการแต่งกายสุดคลาสสิก ‘เสื้อยืด’ คือหนึ่งในนั้น ด้วยความที่ใส่ง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ ทำให้เสื้อยืดกลายเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องมีติดตู้เสื้อผ้า ไม่ว่าจะใส่นอน ใส่อยู่บ้าน ใส่ไปเที่ยวหรือแม้แต่ใส่ทำงาน ขนาด Mark Zuckerberg  ที่รวยระดับโลกยังเลือกใส่เสื้อยืดเป็นประจำทุกวัน! 




     แต่ว่ามีแบรนด์หนึ่ง ที่เขาได้เปลี่ยนเสื้อยืดธรรมดาให้กลายเป็นความสนุกมากขึ้นด้วยวิธีการสื่อสาร วิธีการขาย จนทำให้พวกเขาสามารถสร้างรายได้มากกว่า 5 ล้านบาทต่อเดือนหลังจากเกิดมาได้เพียงปีกว่าๆ เท่านั้น! และแบรนด์ที่ว่าคือ Yuedpao (ยืดเปล่า) ที่มาพร้อมสโลแกนสุดกวนอย่าง “ยืดเปล่า ยังง๊าย ก็ไม่ย้วย” 


 

     “ทนงศักดิ์ แซ่เอี้ยว” ชายหนุ่มผู้รักการใส่เสื้อยืดเป็นชีวิตจิตใจจนเอาความหลงใหลดังกล่าวมาสร้างเป็นธุรกิจ โดยเขาเริ่มต้นจากการขายของมาตั้งแต่อายุเพียง 19 ปี ก่อนหน้านั้นทนงศักดิ์เล่าว่า ตัวเขาเองต้องขายของเพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียน เนื่องจากมีปัญหาทางบ้านและทำให้เขากลายเป็นพ่อค้าตั้งแต่วัยรุ่น ก่อนที่จะเห็นโอกาสแล้วก็ขยับขยายกลายเป็นเจ้าของธุรกิจอย่างทุกวันนี้ 


     “จริงๆ ผมขายของมาตั้งแต่อายุ 19 สมัยเรียน จนถึงตอนนี้ก็ 9 ปีแล้ว แรกๆ ผมขายตั้งแต่ไม่มีเงิน ขายบนสะพานลอยบ้าง ตลาดนัดหน้ามหาลัยบ้าง ตอนนั้นผมเรียน ม.รามคำแหง ขายสักพักก็เริ่มมาขายที่สวนจตุจักร แต่ก็ยังไม่มีอะไรหวือหวา ขายไปเรื่อยๆ คือเดิมทีทางบ้านผมเป็นพ่อค้า เราเป็นลูกพ่อค้าขายหมู แต่ว่าตอนนั้นที่บ้านล้มละลาย พ่อป่วย ผมเลยต้องขายของ หาเลี้ยงตัวเอง หาเงินเรียนมหาวิทยาลัย เพราะที่บ้านไม่มีส่ง ก็ขายไปด้วยเรียนไปด้วย แต่พอตอนใกล้จะจบปีสี่ ตอนนั้นเราเริ่มมาขายที่สวนจตุจักรแล้ว เริ่มมีล็อก มีอะไร เหมือนเป็นโอกาสของเราพอดี ตอนนั้นเราเริ่มผลิตเอง ต้องไปดีลช่าง ขายศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ตอนกลางคืน ผมเลยเลือกที่จะขายของ ไม่ได้เรียนต่อ แต่ก็ไม่เสียดายอะไร เพราะที่เรียนไปก็คงไม่ได้ใช้อยู่ดี”




     ทนงศักดิ์ เล่าเสริมว่า ในช่วงแรกเขาเริ่มจากการขายกางเกง Boxer จากนั้นจึงเริ่มขยายมาทำเสื้อยืด โดยสั่งผลิตเองเพื่อที่จะได้เนื้อผ้าที่ดีกว่า เสื้อยืดของเขาจึงมีจุดเด่นอยู่ตรงที่เนื้อผ้าดี ไม่ยืด ไม่หด ไม่ย้วย เมื่อขายได้สักประมาณ 2-3 ปีจึงเริ่มคิดว่าน่าจะต้องสร้างแบรนด์เพื่อให้เสื้อยืดของเขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น ในที่สุดแบรนด์  Yuedpao ก็เกิดขึ้น 


     “ผมมองว่าเสื้อยืดยังเป็นสินค้าที่มีโอกาสอยู่เยอะ เพราะคนยังไม่ค่อยทำแบรนด์เสื้อยืด ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบขายส่งโบ๊เบ๊ ประตูน้ำ เลยมองเห็นโอกาสตรงนี้และสร้างแบรนด์ขึ้น ชื่อก็ใช้เวลาคิดอยู่เหมือนกันว่าจะเอาชื่ออะไรดี เราเริ่มขายเสื้อยืดเปล่าๆ อยู่ดีๆ ก็ปิ๊ง เลยใช้ชื่อนี้ จากนั้นเราจึงดึงเอาจุดเด่นสินค้ามาทำเป็นสโลแกนว่า ยืดเปล่า ยังง๊าย ก็ไม่ย้วย เพราะผ้ามันดี ไม่ยืดไม่ย้วยจริงๆ กลายเป็นสโลแกนของเรา”




     ในปัจจุบันแบรนด์ Yuedpao ขายเฉพาะเสื้อยืด ซึ่งมีสีให้เลือกมากถึง 27 สี รวมถึงมีเสื้อยืดแบบต่างๆ ทั้งคอกลม คอวี แขนยาวไปจนถึงเสื้อยืดสกรีนลาย มีสินค้าด้วยกันทั้งหมดมากกว่า 300 SKU และกำลังจะเพิ่มไลน์สินค้ามากกว่าเดิมเพื่อเพิ่มเติมความพรีเมี่ยมและความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยที่ยังคงโฟกัสเรื่องของเสื้อยืดอยู่ 


     สำหรับวิธีการขายนั้น ทางแบรนด์ Yuedpao จะเน้นการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าด้วยวิธีการบ้านๆ เน้นความสนุกสนาน มีความเป็นมิตรและความเกรียน เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าของพวกเขาได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำไวรัลคลิปออกมาผ่านโลกออนไลน์ สร้างแคมเปญการตลาดเพื่อให้ลูกค้ามีส่วนร่วมและแจกเงินรางวัลกว่า 100,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการเลือกใช้ Influencer สุดกวนอย่าง แน็ก ชาลี มาถ่ายภาพและโฆษณาเสื้อยืด จนทำให้คนพูดถึงบนโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก 




     “เพราะเสื้อยืดเปล่ามันเบสิก ถ้าเราทำการตลาดเบสิกอีกมันก็จะธรรมดาไป เวลาเราทำเราจึงต้องคิดวิธีการนำเสนอใหม่ๆ ทั้งวิดีโอแรกที่เขาทำ เอาเสื้อยืดมาฟาด ก็เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่คนพูดถึง ฉะนั้น เวลาเราคิดการตลาดก็จะต้องคิดให้แตกต่าง เพราะเสื้อมันธรรมดา ถ้าไม่มีการนำเสนอให้น่าสนใจก็จะไม่น่าสนใจ เราทำ Content ให้เป็นแบบบ้านๆ เกรียนๆ ถูกจริตกับคนไทย ภาษาก็จะไม่เป็นทางการมาก ทำให้ดูตลก พอทำไปสักพัก ทางมันก็มาเอง อย่างแน็ก ชาลี เราเห็นคาแร็กเตอร์เขาเหมาะกับแบรนด์เรามาก เพราะมีความกวนๆ ก็เลยดึงมาใช้เลยหรือเวลาเราจะเลือก Influencer ก็จะเลือกทางกวนๆ เฮฮาๆ มีความชัดเจน”





     เมื่อมองย้อนกลับไปบนเส้นทางของพ่อค้าตอนอายุ 19 ปี จนถึงวันนี้เกือบ 10 ปีผ่านมา ทนงศักดิ์ได้กล่าวว่าชีวิตของเขาในตอนนั้นกับตอนนี้ แตกต่างกันเป็นอย่างมากและแทบมองไม่เห็นภาพตัวเองว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ 


     “แตกต่างกันมาก เมื่อก่อนตอนเป็นวัยรุ่นก็ขายไป ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าจะหาเงินไปเรียน หาเงินใช้ได้ก็โอเคแล้ว แต่พอวันหนึ่ง ที่คิดว่าเราอยากจะสร้างอะไรสักอย่าง มันก็จะมีแรงขึ้น ปัจจุบัน การทำงานของเราก็มีความชัดเจนขึ้น เป้าหมายชัดเจนขึ้น ผมอยากที่จะเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของไทยใน Segment ของเรา อนาคตถ้าเป็นไปได้ ก็อยากทำให้เป็น Community เป็นแพลตฟอร์มที่รวมเสื้อยืดครีเอทีฟเจ๋งๆ จากทั่วในไทยมาฝากขายในแพลตฟอร์ม อะไรแบบนี้”


     โดยทนงศักดิ์ปิดท้ายว่า ตัวเขาเป็นคนที่ชอบทำอะไรแตกต่างจากผู้อื่น ไม่ชอบทำอะไรซ้ำใคร กลายเป็นจุดที่ทำให้เขาสามารถสร้างแบรนด์ได้ถึงวันนี้


     “ถ้าหากว่าเราแตกต่างก็จะขายง่าย ถ้ามีคนมาทำอะไรคล้ายๆ เราก็ต้องหาสิ่งที่จะแตกต่างไปอีก เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ต่างจากคนอื่นมากที่สุด” เขาบอกในตอนท้าย
 

     SME ที่ทำธุรกิจธรรมดาๆ แต่อยากโดดเด่นกว่าคู่แข่ง และประสบความสำเร็จเหมือนกับยืดเปล่า ก็สามารถนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ได้
 
 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย