“สุรพล พฤกษานุกุล” คนที่สร้างธุรกิจใหม่ในวิกฤตปี'40 ด้วยการ "ขายฝุ่น"

TEXT :  กองบรรณาธิการ





Main Idea
 
  • ในช่วงเวลาที่ทุกคนเกิดวิกฤต ธุรกิจชะงักงัน แต่ใครคนหนึ่งสามารถสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมาได้ ด้วยการขายสิ่งที่ทุกคนมองข้ามอย่าง “เถ้าลอย” ที่เกิดจากกระบวนการเผาถ่านหินในโรงไฟฟ้า ซึ่งสามารถทดแทนปูนซีเมนต์
 
  • วันนี้ธุรกิจยังเจอวิกฤตเป็นระลอกๆ แต่ทุกครั้งเขาสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ขึ้นมาได้แม้ในยามวิกฤต โดยการหยิบจับสิ่งที่ผู้คนมองข้ามมาสร้างมูลค่า มองวิกฤตเป็นโอกาส เลือกพัฒนาตัวเองไม่หยุดนิ่ง และไม่ยอมยกธงขาวให้กับปัญหา
 
  • มาทำความรู้จัก “สุรพล พฤกษานุกุล” กรรมการผู้จัดการ  บริษัท ทอรัส พอซโซลานซ์ จำกัด วิศวกรโลว์โพรไฟล์ ผู้สร้างความสำเร็จได้ไม่ธรรมดาในทุกวิกฤต



     เวลาคนตกงานมักจะถูกแซวว่า “ออกไปวิจัยฝุ่น” แต่ใครจะคิดว่าวันหนึ่งจะมีใครบางคนลุกขึ้นมาสร้างธุรกิจใหม่ในวิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 ด้วยการ “ขายฝุ่น” กับเขาจริงๆ


     ใครคนนี้มีชื่อว่า “สุรพล พฤกษานุกุล” กรรมการผู้จัดการ  บริษัท ทอรัส พอซโซลานซ์ จำกัด มาทำความรู้จักเขาไปด้วยกัน
               




     ก่อนปี 2540 สุรพลเคยรวมตัวกับเพื่อนตั้งบริษัททำพวกคอนกรีตผสมเสร็จ ธุรกิจกำลังไปได้ดีและมีแววขยับขยาย ทว่าต้องมาล้มไม่เป็นท่าเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ซึ่งรู้กันดีว่าธุรกิจก่อสร้างเจอก็ศึกหนักไม่ต่างจากสถาบันการเงิน
               

     ในยามที่เกิดวิกฤตทุกคนต่างแสวงหาหนทางที่จะลดต้นทุน และนั่นเองที่ทำให้สุรพลเริ่มคิดหาวัตถุดิบที่จะมาใช้ทดแทนปูนซีเมนต์ ด้วยประสบการณ์ที่เคยร่ำเรียนและทำงานในต่างประเทศมา เคยอยู่แล็บวิจัย และเคยไปดูงานโรงไฟฟ้า จึงเห็นโอกาสจาก “เถ้าลอย” หรือเถ้าที่เกิดจากกระบวนการเผาถ่านหินในโรงไฟฟ้า ซึ่งสามารถทดแทนปูนซีเมนต์ได้ แต่ ณ เวลานั้นที่บ้านเรายังไม่มีใครเอามาใช้ ส่วนใหญ่ก็ฝังกลบอย่างเดียว ปล่อยให้เถ้าลอยหลายล้านตันปลิวว่อนเป็นฝุ่นผง และมีมูลค่าเท่ากับ “ศูนย์”
               





     พวกเขาจึงพลิกวิกฤตเป็นโอกาส โดยนำสิ่งที่ทุกคนมองข้ามมาสร้างให้เกิดประโยชน์ และเป็นรายแรกในประเทศไทยที่นำเถ้าลอยมาใช้ในเชิงอุตสาหกรรมการผลิต  ก่อนก่อตั้งบริษัท ทอรัส พอซโซลานซ์ จำกัด  ขึ้นในปี 2542 ยุคที่วิกฤตยังไม่ผ่านพ้น แต่ธุรกิจใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
               

     ยุคเริ่มต้น เถ้าลอยเป็นของฟรี ต้นทุนในธุรกิจหลักๆ จึงมาจากค่าขนส่ง   แต่วันนี้เถ้าลอยเป็นของที่ใครๆ ก็ต้องการ รายใหญ่เข้ามาแข่งขันกันมากขึ้น และซื้อขายกันในระบบประมูล  ของที่เคยฟรีกลับมีราคาสูงขึ้นทุกปี คุณภาพและปริมาณก็น้อยลงเรื่อยๆ แต้มต่อที่เคยมีในยุคเริ่มต้นวันนี้ต้องนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง
               




     ถามว่าพวกเขาทำยังไง?
               

     สุรพล เริ่มหาโอกาสในวิกฤตอีกครั้งโดยนำเถ้าลอยคุณภาพต่ำที่นำมาใช้ไม่ได้ มาศึกษาวิจัย ใส่สารปรับคุณภาพ  เข้าเครื่องจักร ปรับกระบวนการเพื่อทำให้คุณภาพดีขึ้นเพื่อขายต่อ เริ่มขยายจากเถ้าถ่านหิน ไปสู่เถ้าอื่นๆ เช่น เถ้าจากการเผาปาล์ม เผาแกลบ ที่ยังไม่มีใครทำเพื่อต่อสายป่านธุรกิจให้ยาวขึ้น
               

     แต่เท่านั้นยังไม่พอ ในยุคที่เถ้าลอยมีปริมาณน้อยลง เรื่องสิ่งแวดล้อมถูกให้ความสำคัญมากขึ้น  พวกเขามาเริ่มพัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรม จนนำมาสู่ K Block เทคโนโลยีผลิตภัณฑ์มวลเบา ภายใต้ บริษัท เค บล็อค เทคโนโลยี จำกัด ส่งขายไปทั้งในและต่างประเทศ


      แต่โอกาสใหม่ก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อวันหนึ่งมีข่าวยักษ์ใหญ่เทคโอเวอร์ผู้ผลิตนวัตกรรมอิฐมวลเบา ซึ่งด้วยศักยภาพสามารถสนองตลาดได้ทั้งประเทศด้วยซ้ำ แถมยังมีคู่แข่งรายอื่นตามมาไม่หยุดหย่อน จนของใหม่กลายเป็นตลาดที่ “โอเวอร์ซัพพลาย” คนที่เก่งผลิตไม่เก่งการตลาด ซ้ำยังตัวเล็กกว่ารายใหญ่หลายเท่า จึงต้องเปลี่ยนเกมรุก


     วันนี้อดีตคนขายฝุ่นเลิกขายอิฐบล็อก แต่หันมามุ่งด้านงานวิจัยและพัฒนาอย่างเต็มตัว จนสามารถพัฒนาเทคโนโลยีมวลเบาให้ความแข็งแรงอยู่ในระดับที่เป็นโครงสร้างได้ และเริ่มนำไปใช้ที่หน้าไซต์งานก่อสร้าง สร้างโอกาสในตลาดที่ยังไม่มีใครทำ


     ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อเก่งผลิต เก่งนวัตกรรม พวกเขาจึงขยายธุรกิจมาสู่การขายโนว์ฮาว และโรงงาน เพราะมีน้ำยาที่ใช้ในการทำบล็อกมวลเบาที่วิจัยขึ้นมาเอง มีเครื่องจักรที่พัฒนาเอง มีโรงงานมวลเบาที่ทันสมัยที่สุด มีระบบเซ็นเซอร์ควบคุมการทำงาน โดยทั้งโรงงานใช้คนแค่ไม่ถึง 10 คน ซึ่งธุรกิจใหม่ขายในราคาตั้งแต่ โรงงานขนาดเล็กที่ประมาณ 5 ล้านบาท ขนาดกลางที่ 10-20 ล้านบาท ไปจนขนาดใหญ่ที่หลัก 100 ล้านบาท! และปัจจุบันก็ขายไปได้แล้วในต่างประเทศ




     นี่คือเรื่องราวความสำเร็จของคนธรรมดาที่สุดแสนจะโลว์โพรไฟล์ และเริ่มทำธุรกิจโดยการหยิบจับสิ่งที่ผู้คนมองข้ามมาสร้างมูลค่า มองวิกฤตเป็นโอกาส และเลือกที่จะพัฒนาตัวเองไม่หยุดนิ่ง ไม่ยอมยกธงขาวให้กับปัญหา เลยก่อเกิดธุรกิจขึ้นมาได้แม้ในช่วงเวลาที่ทุกคนเรียกว่า “วิกฤต”  
               
 




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย