Main Idea
- หลายสำนักออกมาแสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2020 ขณะที่ยอดขายสินค้าปลายปีก็ลดระดับความคึกคักลงทั้งที่เป็นฤดูกาลแห่งการจับจ่ายใช้สอย ช่วงเวลารับทรัพย์ของ SME ไทยแท้ๆ
- โจทย์หนักในวันนี้คือ SME จะรับมือกับความท้าทายนี้อย่างไร จะเดินหน้าต่อแบบไหน จะอยู่อย่างไรให้สตรอง และยังคงเติบโตได้ ท่ามกลางความหวังที่ริบหรี่ในวันนี้
- ลองมาฟังไอเดียจาก SME ที่มีวิธีค้นหาโอกาสใหม่ๆ ให้ธุรกิจของตัวเองอยู่เสมอ พวกเขาไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะเชื่อว่า การปรับตัวเป็นเรื่องรูทีนที่ SME ต้องทำ และถ้าปรับตัวได้ทันก็จะคว้าโอกาสในการทำธุรกิจอยู่เสมอ
“เราไม่ควรเรียกว่าการปรับตัวด้วยซ้ำ เพราะการปรับตัวเป็นรูทีน คือสิ่งที่ธุรกิจต้องทำเป็นชีวิตประจำวัน คุณตื่นมาคุณก็ต้องปรับตัวตามลูกค้า ปรับตัวตามเทรนด์ ปรับตัวตามทุกอย่างที่เปลี่ยนไปอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่ปรับตัวแล้วคุณจะอยู่ยังไง ในเมื่อทุกวันนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปตลอดเวลา”
นี่คือคำกล่าวของ “ปรีชญา ชวลิตธำรง” ผู้ก่อตั้งบริษัท เทนดีเค จำกัด (10DK) ผู้นำศาสตร์และนวัตกรรมใหม่ Fit-in และเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว มาให้บริการตกแต่งคอนโดมิเนียมหรูแบบ Total Decoration Package รายแรกของเมืองไทย
ในวันที่เราได้คุยกัน เป็นเวลาที่ใกล้สิ้นปี 2562 เข้ามาทุกที ขณะที่หลายธุรกิจเริ่มรับรู้ประมาณการรายได้ทั้งปี 2562 ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เสมอตัวก็อยู่ในช่วงขาลง แต่ผู้บริหาร 10DK กลับบอกเราว่า ปีนี้ธุรกิจยังคงเติบโตอยู่ที่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ และเป็นการเติบโตต่อเนื่อง โดยยังไม่มีปีไหนเลยที่ธุรกิจไม่โต
“เวลาเราทำธุรกิจ สิ่งที่เราดูคือเป้าหมาย (Goal) ของเราเป็นหลัก โดยดูว่าเราจะมุ่งไปทางไหนก็แค่เดินตามไปโดยไม่ได้ดูเท่าไรว่าคนอื่นเขากำลังทำอะไรอยู่ รู้แค่ว่านี่คือทิศทางที่เราจะไป และดูเทรนด์ของโลกเป็นหลัก ตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจมาเราเลือกทำในสิ่งที่ท้าทายมาโดยตลอด อย่างเราไม่ทำเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน (Built-in) แต่มาทำเฟอร์นิเจอร์ฟิตอิน (Fit-in) เราเลือกทำสิ่งที่ท้าทายและยินดีที่จะเป็นคนที่ลองตลาดนั้นไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม นี่เป็นวิธีคิดที่ทำให้เราเติบโตมา” ปรีชญาบอก
ปรับตัวก่อนความคาดหวังของลูกค้าและโลก
ในวันเริ่มต้นพวกเขาเลือกคิดนวัตกรรมใหม่มาตอบสนองความต้องการของตลาด โดยเริ่มจากเป็นผู้ให้บริการตกแต่งคอนโดมิเนียมหรูแบบ Total Decoration Package รายแรกของเมืองไทยที่ตกแต่งภายในด้วยเฟอร์นิเจอร์ฟิตอินและเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว เพื่อแก้ปัญหาการฝากชีวิตไว้กับช่างหรือผู้รับเหมาเพียงรายเดียว โดยออกแบบเฟอร์นิเจอร์ขึ้นมาใหม่ตามขนาดพื้นที่ใช้งานจริงแล้วทำตัวเองเป็นออแกไนเซอร์กระจายการผลิตให้กับช่างเกรดเอที่เก่งในแต่ละด้าน จึงได้งานคุณภาพในราคาที่สมเหตุสมผล ให้บริการที่เน้นความเร็วสามารถส่งงานให้ลูกค้าได้ภายใน 10 วันหลังออกแบบเสร็จ มี Personal Assistant ดูแลลูกค้า คิดแบบทดสอบความชอบและรสนิยม หรือ Style Quiz บนแอปพลิเคชันพื่อเข้าถึงสไตล์ที่ใช่ที่โดนของลูกค้า และให้บริการหลายอย่างบนออนไลน์ แม้แต่ขั้นตอนการเซ็นสัญญาออนไลน์เพื่อเริ่มงานติดตั้งและจัดพร็อพ ลูกค้าจะตรวจเช็คสถานะการทำงาน และคุยกับทีมงานได้ตลอดเวลา เมื่อเสร็จงานจะมีการแจ้งเตือนให้ลูกค้านัดมาตรวจหน้างานจริง เรียกว่าเป็นการให้บริการแบบ ครบ จบในที่เดียว
พวกเขาคิดธุรกิจโดยมองที่การแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าแบบ One-Stop Service มากไปกว่าบริการหลักที่ทำอยู่เพื่อให้บริการการตกแต่งห้องคอนโดเป็นไปอย่างสะดวกที่สุด
ในวันที่เทรนด์โลกให้ความสำคัญกับเฟอร์นิเจอร์ปลอดภัย และใส่ใจเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น 10DK เป็นผู้บุกเบิกรายแรกๆ ที่หันมาใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายต่ำ (Low VOCs : Low Volatile Organic Compounds ) เป้าหมายก็เพื่อการสร้างซัพพลายเชนที่ปลอดภัยทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทางการผลิตจนกระทั่งสินค้าถึงมือลูกค้า ตอบโจทย์ทั้ง คน โลก และธุรกิจ ตามจุดยืนของพวกเขา
“เทรนด์ในตลาดโลกตอนนี้ให้ความสำคัญกับเฟอร์นิเจอร์ปลอดภัย ปลอดสารพิษ และเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่
ทำลายสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งมองว่า ตัวที่รุนแรงสุดก็คือ VOCs ซึ่งเป็นสารระเหยชนิดหนึ่งที่ทั้งทำลายระบบโอโซน และเนื้อเยื่อปอด เป็นกลุ่มเดียวกับพวกทินเนอร์ โดยส่วนตัวสนใจเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว แต่สมัยก่อนผลิตภัณฑ์ VOCs ต่ำในบ้านเรายังมีน้อย จนปัจจุบันเริ่มมีบริษัทที่ขายสารหรือวัสดุกลุ่มนี้เยอะขึ้น ทำให้เจ้าเล็กๆ อย่างเรามีโอกาสใช้มากขึ้น จึงเริ่มนำพวกนี้มาใช้ในผลิตภัณฑ์ของเรา ซึ่งมองว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่แค่เทรนด์แต่เป็นสิ่งที่เราต้องทำ และคงไม่ใช่หน้าที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือเราทุกคน โดยเฉพาะในฐานะคนทำธุรกิจก็ควรจะต้องรับผิดชอบต่อสังคมด้วย” เธอบอก
เป้าหมายใหม่ มาพร้อมกระบวนการทำงานใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการจัดซื้อวัตถุดิบที่เปลี่ยนสีย้อมไม้แบบเดิมมาเป็นสีย้อมไม้ Low VOCs เปลี่ยนกาวติดผิวไม้มาเป็น Low VOCs เปลี่ยนสีทาผนังภายในทั้งหมดเป็น Low VOCs เพื่อให้มั่นใจว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตออกมาแทบจะไม่มีสารผสม VOCs ปนเปื้อนในทุกขั้นตอนนั่นเอง
ให้ก่อนได้ เลิกมองแค่ตัวเอง ธุรกิจก็โตได้
ปรีชญา บอกเราว่า การมาถึงของพันธกิจรักษ์โลก ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น งานผลิตเฟอร์นิเจอร์ล่าช้ากว่าเดิมประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากสาร Low VOCs มักจะเป็นสารสูตรน้ำ จึงทำให้แห้งช้ากว่าสารผสมทินเนอร์ แต่สิ่งที่10DK เลือกทำคือ รับผิดชอบต้นทุนที่สูงขึ้นแทนลูกค้า เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการใช้เฟอร์นิเจอร์ ที่ปลอดภัยต่อตัวเอง คนทำ และโลกใบนี้มากขึ้น
“เราเชื่อว่าถ้าเลือกได้ คงไม่มีใครอยากทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งเรายินดีรับต้นทุนที่สูงขึ้น โดยไม่ไปคิดเพิ่มกับลูกค้า เพื่อให้เขาหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น สำหรับเรามองว่า ในการทำธุรกิจสิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องเลิกมองที่ตัวเพียงอย่างเดียว เวลาทำธุรกิจมาถึงจุดหนึ่งเป้าหมายมันคงไม่ใช่แค่เรื่องเงินแล้ว แต่เชื่อว่าคนเรายังต้องการอะไรที่มากกว่านั้น ต้องการทำสิ่งที่มีประโยชน์ มีคุณค่าบางอย่าง เพราฉะนั้นควรเริ่มจากการมองตัวเองให้น้อยลง มองคนอื่นหรือสิ่งรอบตัวให้มากขึ้น อย่างการทำธุรกิจเราจะมอง 3 ด้านเสมอ นั่นคือ Profit (กำไร) –People (ผู้คน) –Planet (โลก)”
ใครจะคิดว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจบนหลัก 3P คือ ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จะเป็นแกนหลักที่ทำให้ธุรกิจของ 10DK ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องจนถึงวันนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายธุรกิจอยู่ในช่วงขาลง แม้แต่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เธออยู่ก็ไม่ได้เติบโตฟู่ฟ่าเหมือนยุคก่อนหน้านี้อีกแล้ว แต่ 10DK ยังโตสวนกระแสได้
“เชื่อว่าถ้าธุรกิจสามารถรักษาสมดุลทั้ง 3 เรื่องนี้ได้ ก็จะเติบโตได้ ซึ่งการทำเรื่องสิ่งแวดล้อมสุดท้ายมันก็ไปตอบธุรกิจอยู่ดี เพราะเมื่อเราทำแบบนี้ก็ทำให้คนสนใจธุรกิจของเรามากขึ้น มีลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่เข้าใจเรื่องนี้เข้ามาหาเรามากขึ้น เราก็จะมีวอลุ่มที่เพิ่มขึ้นด้วย อย่างคนรุ่นใหม่วันนี้เขาตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมมาก ต่างชาติเองอย่างฮ่องกงเขาจะถามเลยว่า มีเฟอร์นิเจอร์แบบ Low VOCs ไหม เชื่อว่านี่เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไทยเองก็ต้องปรับตัว เพราะถ้าเราไม่ปรับก็จะต้องถูกบีบโดยกลุ่มผู้บริโภคที่เขาอยากได้อะไรที่ดีขึ้น และวันนั้นธุรกิจก็จะอยู่ยากขึ้น” เธอบอก
นอกจากการปรับตัวสู่ Low VOCs ในอนาคตพวกเขายังพยายามไปสู่การเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ และพัฒนาตัวเองสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ธุรกิจเติบโตอยู่ที่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ในปีหน้าเธอบอกว่าคาดว่าจะยังคงเติบโต แม้หลายคนจะบอกว่าเศรษฐกิจไม่ดีให้เตรียมตัวรับมือ แต่เธอก็ยังเชื่อว่าธุรกิจจะเติบโตได้ตามวิถีของ 10DK
“โดยส่วนตัวมองว่า แค่ทำให้มันดีที่สุด เราดูแลลูกค้าของเราให้ดีที่สุด ทำโพรดักต์ที่ดีที่สุด พัฒนาตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของมัน เชื่อว่าถ้าเรายังซื่อสัตย์กับตัวเอง ซื่อสัตย์กับลูกค้า ซื่อสัตย์กับสิ่งที่เราทำ ก็จะรับมือกับทุกสถานการณ์ได้
สำหรับเราการปรับตัวเป็นหนึ่งในรูทีนของธุรกิจ เป็นงานประจำที่ต้องทำ เพราะทุกวันนี้กลุ่มลูกค้าเราเปลี่ยนไปเรื่อยๆ วันนี้พลิกไปทางซ้าย พรุ่งนี้พลิกไปทางขวา นั่นเป็นสิ่งที่คุณต้องปรับตัว เช่นเดียวกับคนในองค์กร เราต้องพยายามบอกเขาว่า การปรับตัวเป็นหนึ่งใน Job Description เป็นหน้าที่ที่คุณต้องทำ คุณต้องปรับตัว และการปรับตัวคือรูทีน”
ปรีชญาสรุปในตอนท้าย สะท้อนหัวใจของการทำธุรกิจยุคนี้ ที่ SME จะเติบโตได้ ก็ต้องมองโอกาสและการปรับตัวเป็นเรื่องรูทีนที่ SME ต้องทำ เพื่ออยู่รอดและยังคงเติบโตได้ในโลกยุคนี้
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี