เพ็ญศรี ธรรมเสนา ‘จน เจ๊ง ถูกโกง’ พลิกสู่เจ้าของธุรกิจได้ด้วยใจสู้




Main Idea
 
  • เกิดมายากจน เรียนน้อย ทำธุรกิจเจ๊ง เคยถูกโกงจนหมดตัว แต่เพราะไม่เคยบัญญัติคำว่าแพ้ไว้ในพจนานุกรมชีวิต และไม่เคยคิดทำร้ายตัวเอง วันนี้จึงพลิกให้เธอคนนี้กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เจ้าของธุรกิจผ้าม่านครบวงจรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
 
  • ในความเป็นผู้ประกอบการสู้ชีวิต ทำให้เธอเรียนรู้ทุกตำแหน่งในองค์กรทั้ง คนออกแบบ พนักงานขาย   นักบัญชี  ช่างตัดเย็บ กระทั่งช่างติดตั้ง ฯลฯ เพราะเชื่อว่าธุรกิจจะสำเร็จได้เจ้าของควรทำเป็นทุกหน้าที่ ไม่ใช่พึ่งพาแต่ลูกจ้างเพียงอย่างเดียว 




     มีรายชื่อของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จสักกี่คน ที่ชีวิตโรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุกคนล้วนผ่านความยากลำบากและเรื่องหนักๆ ในชีวิตมาแล้วทั้งนั้น


     เช่นเดียวกับ เพ็ญศรี ธรรมเสนา หรือพี่โรสที่ใครหลายคนขนานนามถึง วันนี้ผู้คนรู้จักเธอในฐานะเจ้าของ บริษัท เอส.พี.โฮม แอนด์ เดคอร์ จำกัด ธุรกิจผ้าม่านครบวงจร ที่ทำตั้งแต่รับออกแบบ  ตกแต่งภายในและจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งครบวงจร และยังมีแบรนด์ตัวเองในชื่อ RORIA..แต่จุดเริ่มต้นชีวิต สาหัสสากรรจ์กว่าที่คิด





     เพ็ญศรี เกิดมาในครอบครัวยากจน เธอต้องสู้ชีวิตส่งตัวเองเรียนตั้งแต่สิบกว่าขวบ โดยรับจ้างทำงานบ้านทุกอย่าง ชีวิตยิ่งลำบากก็ยิ่งขยัน ส่งผลให้สอบได้ที่ 1 ทุกชั้นปี แต่ก็เรียนได้แค่ชั้นประถม 6 เพราะไม่มีเงิน ต้องเปลี่ยนโหมดมาเป็นสาวโรงงานเย็บผ้าหลังจากนั้น


     ทำงานได้ 3 ปี ก็เก็บเงินมาเรียนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ระหว่างนั้นก็นำความรู้และประสบการณ์ในการเย็บผ้ามาเปิดบริษัท โรส ผ้าม่าน ในปีพ.ศ. 2538  แต่แทนที่จะได้เป็นเถ้าแก่เนี้ย นอนนับเงินสบาย กลับถูกโกง ลูกค้าเบี้ยว หุ้นส่วนทิ้ง ต้องเป็นหนี้ ตอกย้ำมรสุมชีวิตให้หนักเข้าไปอีกเมื่อต้องเผชิญกับวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 สุดท้ายก็ต้องปิดกิจการลง


     ธุรกิจเจ๊งว่าหนักแล้ว เพ็ญศรี ยังต้องรับมือกับมรสุมที่โถมใส่อีกสารพัด   ตั้งแต่สูญเสียคุณแม่ ตามมาด้วยคุณยาย พี่สาวก็แยกกันอยู่ พอเจอปัญหาก็ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร แต่เธอทนทุกข์มาได้แค่ 15 วัน หลังจากนั้นก็มาตั้งสติใหม่ เธอบอกว่า เจอขนาดนี้แต่ยังไม่ตายก็หาทางสู้กันใหม่


     เธอเริ่มวางแผนจัดการปัญหา โดยเดินไปประนอมหนี้กับธนาคาร ไปขอผ่อนผันกับเจ้าหนี้ทุกรายที่มีอยู่ จากนั้นก็มาเริ่มนับหนึ่งใหม่ หาเช่าที่ถูกๆ และเริ่มหาลูกค้าใหม่ จนค่อยๆ ฟื้นตัวได้ในปี 2547   




     สิ่งหนึ่งที่ติดตัวเธอมา ไม่เพียงการมีเลือดนักสู้ แต่คือการแสวงหาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ โดยทุกครั้งที่มีเวลาเธอก็จะไปลงเรียนทั้งหลักสูตรระยะสั้นและระยะยาว เพื่อหามุมมองใหม่ๆ  วิสัยทัศน์ใหม่  มาใช้ในการทำธุรกิจ จนนำมาสู่การจดทะเบียนบริษัทในชื่อ  เอส.พี.โฮม แอนด์ เดคอร์ จำกัด  รับออกแบบ  ตกแต่งภายในและจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งภายในทุกชนิดครบวงจรในปี 2551


     และยังคงพัฒนาตัวเองไม่หยุดนิ่งทั้งด้านสินค้าและบริการ เพราะมองเห็นว่าทุกวันนี้ลูกค้าเปลี่ยนไป คู่แข่งหน้าใหม่ก็เพิ่มขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งทางรอดเดียวที่จะทำให้ธุรกิจอยู่ได้ในยุคนี้คือ “ต้องคิดต่าง”  โดยต้องค้นหาจุดแข็งและ Value ของสินค้าให้เจอ ต้องเติมเต็มมูลค่าสินค้า พัฒนาความรวดเร็วในการบริการ  ตรงต่อเวลา  รับผิดชอบ มีนวัตกรรม และต้องสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง  นั่นคือที่มาของแบรนด์  RORIA (โรเรีย)  นวัตกรรมผ้าม่านที่สามารถควบคุมด้วยรีโมทหรือสมาร์ทโฟนได้สำเร็จ


     เพ็ญศรี ย้ำว่า อย่าไปมองว่าการล้มทำให้เราเหนื่อยหรือเจ็บ แต่ให้มองว่าเป็นประสบการณ์ เธอบอกว่าการทำงานทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนมีปัญหาด้วยกันหมด อยู่ที่ว่าเมื่อเจอปัญหาใครจะดึงสติหรือแก้ไขปัญหาได้เร็วแค่ไหน ที่สำคัญต้องคิดบวก ห้ามคิดลบ เพราะทุกอย่างอยู่ที่ใจและวิธีคิด เหมือนที่เธอเลือกบอกตัวเองเสมอว่า


     “ฉันต้องเดินหน้าต่อให้ได้ และสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น”
               
 
 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย