เศรษฐกิจชะลอตัวแล้วไง! เรียนวิธีโตก้าวกระโดดในทุกสภาวะแบบ “เอ็น-สแควร์”

Text : จุดตัดเก้าช่อง
 




Main Idea
 
  • ทำความรู้จักธุรกิจ “เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ” ผู้จัดจำหน่ายและบริหารช่องทางการขายอีคอมเมิร์ซครบวงจรในประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับจากแบรนด์ชั้นนำมากกว่า 60 แบรนด์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
 
  • ปัจจุบันได้กลายเป็นผู้จัดจำหน่ายอีคอมเมิร์ซครบวงจรชั้นนำของประเทศไทยแบบก้าวกระโดด ด้วยยอดขายสินค้ารวมของกลุ่มบริษัท ปี 2561 พุ่งสูงถึง 735 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึง 246 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 พร้อมกับการก้าวไปอีกขั้นด้วยการบุกตลาดอาเซียน

___________________________________________________________________________________________
 


     แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจตอนนี้จะอยู่ในภาวะชะลอตัว ไม่เพียงแค่ผู้ประกอบการขนาดใหญ่จะได้รับผลกระทบ ผู้ประกอบการขนาดเล็กหรือรายย่อยก็เหนื่อยหืดขึ้นคอไม่ต่างกัน แต่ธุรกิจ เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ กลับมาแรงจนสามารถสร้างกำไรสุทธิถึง 37 ล้านบาทในปีที่ผ่านมาได้อย่างยอดเยี่ยมสวนทางกับเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน





     เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ เป็นผู้จัดจำหน่ายและบริหารช่องทางการขายอีคอมเมิร์ซครบวงจรของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยดำเนินกิจการการให้บริการธุรกิจแบบเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การจัดการคลังสินค้า การจัดสินค้าเพื่อการจัดส่ง การนำเข้าสินค้า และจำหน่ายออกสู่ตลาด หรือแม้กระทั่งการวางแผนกลยุทธ์ทางการค้า การให้บริการลูกค้า การจัดการตลาดในเชิงผลประกอบการ ก็มีให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ


     นัฐพล บุญภินนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ จำกัด ได้กล่าวถึงการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซว่า “ตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยส่วนแบ่งของยอดขายเมื่อเทียบกับค้าปลีกโดยรวมยังอยู่เพียง 3 เปอร์เซ็นต์ซึ่งยังต่ำ ถ้าเทียบกับประเทศจีนที่อยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์และประเทศสหรัฐอเมริกาที่อยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ปัจจัยที่ผลักดันให้ตลาดเติบโตส่วนหนึ่งมาจากการขยายตัวของอีมาร์เก็ตเพลสที่รวดเร็วในช่วงสามปีที่ผ่านมา และยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง”


     โอกาสทางธุรกิจคงไม่เกิด หากขาดการดูแลและพัฒนา แน่นอนว่า เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ มองเห็นและให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น โดยการนำระบบการจัดคำสั่งซื้อผ่านอีมาร์เก็ทเพลสและโซเชียลมีเดียแบบเรียลไทม์มาทำให้การจัดสต๊อกสินค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการใช้ประโยชน์จากระบบ Big Data เพื่อที่จะเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค และนำข้อมูลเหล่านั้นไปปรับปรุงและพัฒนารูปแบบการจัดวางสินค้าบนพื้นที่ออนไลน์ การเพิ่มโปรโมชั่นและราคาให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคอีกด้วย





     อีกทั้งยังมี บอท ปัญญาประดิษฐ์ (A.I) ที่เกิดจากเทรนด์การสั่งซื้อของลูกค้าที่มักมาจากโซเชียลมีเดียมากกว่าครึ่งของการสั่งซื้อออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งบอทจะช่วยทำงานตั้งแต่การสนทนากับลูกค้า รับคำสั่งซื้อ จนถึงการเชื่อมต่อสินค้าและบริษัทขนส่งในระบบเดียว ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก


     นอกจากจะดำเนินงานในประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ แล้วยังวางแผนเปิดตลาดไปยังเวียดนามและอินโดนีเซียภายในสิ้นปี 2562 โดยนัฐพลเล่าว่าการบริหารแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นด้านภูมิศาสตร์ที่ส่งผลต่อการขนส่ง ไปจนถึงพฤติกรรมของคนก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย ดังนั้นการบุกไปยังต่างประเทศจะต้องทำความเข้าใจ และเก็บข้อมูลก่อนการลงทุนเปิดตลาด





     ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำแค่ไหน แต่การพัฒนาต้องไม่หยุดยั้งและปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย รวมถึงต้องรู้เท่าทัน ความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้นการเก็บข้อมูลจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อที่จะสามารถเติบโตไปได้ไกลเช่นเดียวกับเอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซในปัจจุบัน
 




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

พลิกตำรายา 150 ปี สู่อาณาจักรสุขภาพแห่งอนาคต ทายาทขุนอภิบาลบ่อพลับ ร่วมสร้างธุรกิจครอบครัว

เป้าหมายการทำธุรกิจของหลายคนอาจเป็นเรื่องรายได้ แต่สำหรับ ต๊อก-ปีรัชด์ อนันตพันธ์ และ แต๊ก-ปานชาติ มิตรกูล มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ "อภิบาลบ่อพลับ" เพื่อให้ทุกคนได้ระลึกถึงตำรายาไทย 150 ปี จากบรรพบุรุษของเขาที่ชื่อ ขุนอภิบาลบ่อพลับ

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย