“เล้งเส็งกรุ๊ป” ค้าส่งภูธรเมืองสกลที่มีเครือข่ายกว่า 8 พันร้านค้า ด้วยการรวมตัวสู้แบบปิรันย่า




Main Idea
 
  • “เล้งเส็งกรุ๊ป” ค้าส่งในเมืองเล็กๆ อย่างสกลนคร มีเครือข่ายร้านค้าปลีกถึงกว่า 8 พันร้านค้า ครอบคลุม 8 จังหวัด และยังคงอยู่อย่างสตรองท่ามกลางการแข่งขันของยักษ์ค้าปลีกเต็มสนามในยุคนี้
 
  • พวกเขาเลือกสร้างเครือข่ายร้านค้าปลีกท้องถิ่นที่เข้มแข็งเหมือนฝูงปลาปิรันย่า และทำธุรกิจด้วยแนวคิด “อยู่รอด อยู่ร่วม อยู่อย่างมีความหมาย”



     เซเว่น อีเลฟเว่น มีกว่าหมื่นสาขาทั่วประเทศ  แต่ “เล้งเส็งกรุ๊ป” ค้าส่งในเมืองเล็กๆ อย่างสกลนคร มีเครือข่ายร้านค้าปลีกถึงกว่า 8 พันร้านค้า ครอบคลุม 8 จังหวัด และยังคงอยู่อย่างสตรองท่ามกลางการแข่งขันของยักษ์ค้าปลีกเต็มสนามในยุคนี้
                        

     พวกเขาทำได้อย่างไร?


               

     “สมหวัง เดชศิริอุดม” กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท เล้งเส็งกรุ๊ป เล่าถึงธุรกิจครอบครัวที่พัฒนามาจากร้านค้าเล็กๆ ในสมัยคุณปู่ จนมาเป็นร้านค้าไฮบริดในยุคคุณพ่อ ที่มีทั้งค้าปลีกและค้าส่ง ซึ่งสามารถยกระดับขึ้นมาเป็นค้าส่งรายใหญ่แห่งจังหวัดสกลนครในปัจจุบัน
               

     ทว่าในยุคที่เขามาสืบทอดกิจการ กลับเป็นยุคที่ธุรกิจถูกรุกฆาตจากร้านค้าปลีกสมัยใหม่ หรือแม้แต่ค้าส่งแบรนด์ดัง และร้านค้าออนไลน์  อยู่ในห้วงเวลาที่ทุกคนบอกว่า..โชห่วยกำลังจะตาย


     สมหวังเชื่อว่า ร้านค้าปลีกรายเล็กก็ไม่ต่างจาก ฝูงปลาในมหาสมุทร ซึ่งหากสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองขึ้นมาได้ ก็จะกลายเป็น “ฝูงปลาปิรันย่า”  ที่แม้จะตัวเล็กแต่แข็งแกร่ง เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ และความเร็ว สามารถต่อสู้กับฉลามในสนามการค้าได้


     นั่นคือปฐมบทของการสร้างเครือข่ายร้านค้าปลีกที่เข้มแข็งเหมือนฝูงปลาปิรันย่าของเล้งเส็งกรุ๊ป เพื่อให้เกิดพลังเครือข่าย ของร้านค้าท้องถิ่นที่สตรอง โดยพวกเขาเข้าไปแบ่งปันองค์ความรู้ พัฒนาและยกระดับร้านค้าปลีกภูธรให้แข็งแกร่งและยั่งยืน วิธีนี้ไม่เพียงช่วยให้โชห่วยรายเล็กอยู่ได้ในโลกยุคนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยให้ผู้ผลิตสินค้ามีช่องทางขายได้มากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาโมเดิร์นเทรดเพียงอย่างเดียว


     เขาเชื่อว่ายิ่งทำให้ลูกค้าเข้มแข็งได้มากเท่าไหร่ เล้งเส็งก็ยิ่งเข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายก็จะเกิดการ “อยู่ร่วม” และเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะกับ ลูกค้า คู่ค้า หรือแม้แต่ธุรกิของพวกเขา




     เล้งเส็งกรุ๊ปเชื่อในแนวคิด “อยู่รอด อยู่ร่วม อยู่อย่างมีความหมาย” เริ่มจาก “อยู่รอด” คือการทำตัวเองให้เข้มแข็งจากภายใน สร้างระบบ ปรับกระบวนการให้ธุรกิจอยู่รอดได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง


     “อยู่ร่วม” คือการสร้างความเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกันทั้ง ธุรกิจ ลูกค้า และคู่ค้า


     สุดท้าย “อยู่อย่างมีความหมาย” คือการแบ่งปัน ช่วยเหลือ เกื้อกูล เชื่อมโยงให้เกิดการพัฒนาร่วมกัน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นกับสังคมและอุตสาหกรรมโดยภาพรวม เพื่อให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน


     นี่คือแนวคิดของธุรกิจภูธรอย่างพวกเขา


     ในขณะที่ทุกคนเจอปัญหาแล้วยอมแพ้ แต่กับเล้งเส็งกรุ๊ปพวกเขาเชื่อว่า ปัญหาคือโอกาส และยิ่งมีการแข่งขันมากเท่าไหร่ ธุรกิจก็จะเห็นโอกาสและเข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น เหมือนที่พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นด้วยการสร้างเครือข่ายฝูงปลาปิรันย่าที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้แล้วในวันนี้


     ทุกความสำเร็จมีที่มา แค่เปลี่ยนวิธีคิดและการมองปัญหา จากปลาตัวเล็กๆ ก็กลายเป็นฝูงปลาปิรันย่าที่จะล่าฉลามได้
 
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย

วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน