VR Toys โรงงานของเล่นร้อยล้านที่เริ่มต้นจากรอยยิ้มของพนักงาน

Text / Photo : Yuwadi.s & จุดตัดเก้าช่อง





Main idea
 
  • เมื่อของเล่นเป็นสิ่งที่คลุกคลีกับเด็กๆ ทุกคน การผลิตของเล่นจึงต้องเริ่มต้นด้วยรอยยิ้มและความสดใสของพนักงาน
 
  • V.R. Toys แบรนด์ของเล่นไทยที่ใช้แนวคิดการบริหารด้วยใจ ทำให้พนักงานมีความสุขและสามารถส่งต่อความสุขผ่านของเล่นสู่เด็กๆ ทั่วประเทศ
 
  • จากจุดเริ่มต้นส่งขายร้านเซเว่น 600 สาขา วันนี้ธุรกิจ V.R. Toys  กระจายความสุขไปสู่ 11,000 สาขา และสามารถส่งออกไปขายต่างประเทศได้อย่างงดงาม  ขยับสู่ยอดขายร้อยล้านไปพร้อมรอยยิ้มของพนักงานทุกคน




      ‘ของเล่น’ สิ่งที่คลุกคลีกับเด็กตั้งแต่เล็กจบเติบใหญ่ ของเล่นหนึ่งชิ้นจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ของเล่นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนคลายเหงา ผู้เสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ อีกทั้งยังสร้างรอยยิ้มให้แก่เด็กๆ ทุกคนด้วย หากการผลิตของเล่น เริ่มต้นด้วยความขุ่นมัวของจิตใจ ความเครียด ความกดดัน ของเล่นชิ้นนั้นก็จะออกมาไม่สดใส


     ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ พงศ์ธร พานิชสาส์น ผู้ก่อตั้งบริษัท วี.อาร์.ทอยส์ จำกัด (V.R. Toys) จึงได้ใช้แนวคิดการบริหารทีมด้วยความสุขและเน้นเรื่องของทีมเวิร์คเป็นสิ่งสำคัญ จนทำให้โรงงานของเล่นแห่งนี้ประสบความสำเร็จ พาแบรนด์ของเล่นไทยไปไกลถึงต่างประเทศอีกทั้งยังมียอดขายหลักร้อยล้านบาทอีกด้วย





      พงศ์ธรได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจจากตึกแถวสองคูหาสู่โรงงานผลิตของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในนครปฐม โดยเขาเล่าว่าเติบโตมาจากครอบครัวธรรมดา หลังจบปริญญาตรีที่เมืองไทยก็ได้ไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ จากนั้นได้เริ่มทำงานธนาคารและโลจิสติกส์ ก่อนที่จะกลับมาช่วยที่บ้านสานต่อธุรกิจค้าขายผ้าที่สำเพ็งพร้อมกับคำถามในใจว่าธุรกิจครอบครัวในยุคของเขาจะยังสู้ประเทศจีนได้ไหม?
 




     “สิ่งที่สงสัยตั้งแต่วันแรกคือเราจะสู้จีนได้เหรอ? จนเมื่อทำไปสักพักผมมีโอกาสได้ตั้งแผนกนำเข้าผ้าจากต่างประเทศ ในตอนนั้นได้เห็นอะไรเยอะมาก ของจีนถูกจริงๆ ผมมองสินค้าหลายอย่างที่อยากจะทำนอกจากผ้า จนสุดท้ายมาสรุปที่ของเล่นเพราะว่ามีคนขายให้เรา เลยลองทำดูจนโรงงานเติบโตมาเรื่อยๆ”





     หลังจากเริ่มต้นธุรกิจของเล่นไปสักพัก พงศ์ธรได้มองหาช่องทางในการขยายธุรกิจ จึงติดต่อไปยังร้าน 7-11 และ 24 Shopping ซึ่งในช่วงแรกเขายังมีความไม่พร้อมในธุรกิจอยู่มาก จึงกลับมาพัฒนาจนในที่สุดก็สามารถเข้าไปขายในช่องทางดังกล่าวได้ ของเล่นจาก V.R. Toys จึงกลายเป็นสินค้าที่รู้จักในวงกว้างและเข้าถึงเด็กๆ ได้อย่างแพร่หลายหลังจากนั้น





     “ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราพยายามพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ จนปี 2551 ก็เริ่มมาคุยกันว่าพร้อมที่จะนำสินค้าจำหน่ายที่เซเว่นฯ แล้ว จึงเริ่มต้นลองขายดูจาก 600 สาขา ปรากฎว่าไปได้ดี จนทุกวันนี้ส่งขายอยู่ที่ 11,000 สาขา นอกจากนี้ยังมีส่งขายต่างประเทศด้วย ซึ่งเราต้องผลิตตามเทรนด์ในแต่ละปี โดยจะดูว่าปีนี้กลุ่มลูกค้าต้องการอะไร เราจะจับทิศทางตลาดและทำการรีเซิร์ช  ของเล่นที่ผลิตขึ้นมาแต่ละชนิดจะมีทีมการตลาดคอยศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า และทีมออกแบบคนรุ่นใหม่ที่มีความเข้าใจลูกค้าว่าชื่นชอบของเล่นแบบไหน นอกจากนี้เรายังมุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดี ปลอดภัย ไร้สารพิษ ราคาประหยัด แถมยังช่วยพัฒนาทักษะและเสริมพัฒนาการของเด็กๆด้วย” เขาบอกจุดขาย


       

     ของเล่นจาก V.R. Toys มีความหลากหลาย อย่าง  D-no Dough ชุดอุปกรณ์ทำแป้งปั้น D-no Block ชุดตัวต่อ ซึ่งจะมีการดีไซน์ให้มีคาแร็กเตอร์แบบไทยๆ มีทั้งเซ็ตตัวละครในวรรณคดีไทยไปจนถึงเซ็ต Street Food นอกจากนี้ยังมี “น้องรักดี” ซึ่งเป็นช้างพูดได้ สามารถเล่านิทาน ร้องเพลงและสื่อสารกับเด็กๆ ได้อย่างสนุกสนาน
การหาข้อมูลเพื่อที่จะเข้าใจพฤติกรรมของผู้ซื้อนับเป็นหัวใจสำคัญ การผลิตสินค้าให้มีคุณภาพก็สำคัญยิ่ง หากแต่สิ่งที่ V.R. Toys ยกให้เป็นความสำคัญที่สุดคือเรื่องของ ‘ทีมเวิร์ค’





     “จุดเด่นของเราคือทีมเวิร์ค ผมไม่ได้มองที่สินค้าอย่างเดียวเพราะสินค้าต้องมีคุณภาพอยู่แล้ว แต่ทีมเวิร์คจะทำให้เราคิดได้เร็วและโดดเด่นกว่าแบรนด์อื่นอยู่เสมอ เพราะของเล่นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก การทำของเล่น เราต้องเข้าใจ อย่าพยายามอารมณ์เสีย ถ้าเราอารมณ์ดี ทีมงานทั้งหมดจะคุยกันสบายๆ ทำให้บรรยากาศของการทำงานดีตามไปด้วย สินค้าที่ออกมาก็จะเป็นเชิงบวก (Positive) อย่างทีมออกแบบของโรงงานเราจะเล่นกันทั้งวัน คุยเล่น เฮฮา หน้าที่เขาคือเล่นของเล่นอยู่แล้ว แต่ถ้าไปกดดันเขา สินค้าและบรรยากาศการทำงานจะออกมาอีกแบบอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นต้องทำให้ทุกคนไม่เครียด” เขาย้ำในตอนท้าย




     การคิดค้นหรือการผลิตสินค้าว่ายากแล้วแต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่าคือการดูแลคน ดูแลพนักงานให้มีความสุขกับการทำงาน บางครั้งการทำธุรกิจให้สำเร็จต้องมีการเอาใจเขามาใส่ใจเรา สร้างบรรยากาศการทำงานให้เสมือนบ้านที่น่าอยู่ เมื่ออารมณ์และความคิดเป็นบวก ผลิตผลที่ได้มาย่อมมีคุณภาพและไม่ใช่แค่การมอบสินค้าส่งตรงถึงมือลูกค้าเท่านั้นแต่คุณยังได้มอบใจให้พวกเขาอีกด้วย
 

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย

วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน