Photo : เจษฎา ยอดสุรางค์
Main Idea
- อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทยเคยถูกมองว่าเป็นธุรกิจ Sunset เป็นอุตสาหกรรมดาวร่วงที่หมดความหอมหวานไปนานแล้ว แต่วันนี้กลับมีผู้ประกอบการหลายรายที่ยังคงอยู่รอดและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
- ไทยยังเป็นประเทศที่ผลิตเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอป้อนตลาดโลก ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ทั้งการผลิตเส้นใย ถักทอผืนผ้า ไปจนถึงการออกแบบ ตัดเย็บ ตกแต่ง และวางตลาด คาดกันว่ามูลค่าของอุตสาหกรรมนี้อาจเติบโตสูงถึง 2 แสนล้านบาท ในปี 2567
- แต่ด้วยการแข่งขันที่เปลี่ยนไป การทำธุรกิจในยุคใหม่ยากลำบากขึ้น และมีปัจจัยท้าทายขึ้นเรื่อยๆ ทำอย่างไรสิ่งทอไทยถึงจะกลับมาเป็นดาวรุ่งได้อีกครั้ง ติดตาม 5 ยุทธวิธีที่จะพลิกชะตาสิ่งทอไทยในวันนี้
อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทยเคยถูกมองว่าเป็นธุรกิจ Sunset เป็นอุตสาหกรรมดาวร่วงที่หมดความหอมหวานไปนานแล้ว แต่วันนี้กลับมีผู้ประกอบการหลายรายที่ยังคงอยู่รอดได้อย่างแข็งแกร่ง และสร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง จนคาดการณ์กันว่ามูลค่าของอุตสาหกรรมอาจเติบโตสูงถึง 2 แสนล้านบาท ในปี 2567
อย่างไรก็ตามสนามธุรกิจนี้ยังส่งความท้าทายให้กับผู้ประกอบการมากขึ้นเรื่อยๆ และการทำธุรกิจในยุคนี้ก็แตกต่างจากยุคก่อน เรียกว่ายากลำบากมากขึ้น แล้วจะทำอย่างไรที่อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย จะกลับมาโดดเด่นเป็นดาวรุ่งได้อีกครั้ง
“อิทธิชัย ยศศรี” รองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวระหว่างเปิดงาน GFT and GMS 2019 งานแสดงเครื่องจักรและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอครบวงจร โดยบอกถึง 5 ยุทธวิธีที่จะสร้างความสำเร็จให้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย เพื่อกลับมาเป็นดาวรุ่งได้อีกครั้ง
- มี Productivity เพิ่มผลิตภาพ
แม้จะเป็นคำที่อาจได้ยินมาจนเบื่อ แต่อิทธิชัยย้ำว่า Productivity จะเป็นตัวบอกถึงความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม โดยผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และผลิตในต้นทุนที่ต่ำที่สุด
2.คุณภาพต้องมาก่อน
นอกจากมีผลิตภาพ ยังต้องให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าคุณภาพ ซึ่งไม่ใช่การผลิตสินค้าราคาถูกอีกต่อไป โดยประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อาจสามารถผลิตสินค้าราคาถูกหรือไม่สนใจคุณภาพมากมายได้ แต่สำหรับประเทศไทยจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง
3.มีความสามารถทางการตลาด และรู้รสนิยม หรือความต้องการของผู้บริโภค
เขาบอกว่าสินค้าหลายตัวบนโลกเป็นสินค้าที่ดีแต่ไม่สามารถอยู่รอดได้เพราะปัญหาเรื่องการทำตลาด การตลาดจึงมีส่วนสำคัญต่อการอยู่รอดและรุ่งของอุตสาหกรรมสิ่งทอนับจากนี้ รวมถึงผู้ประกอบการยังต้องรู้รสนิยม และรู้ถึงความต้องการของผู้บริโภคด้วย
“ต่อให้จะผลิตสินค้าที่ดีเลิศอย่างไร แต่ถ้าตลาดไม่ได้ต้องการสิ่งนั้นก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งแต่ละตลาดมีความต้องการสินค้าไม่เหมือนกัน เซ็กเมนต์(Segment) ของตลาดไม่เหมือนกัน ประเทศที่พัฒนามากๆ อย่าง อิสราเอล เขาจะแบ่งกลุ่มตลาดก่อนว่าจะเจาะที่ตลาดไหน อยู่ในอุตสาหกรรมไหน แล้วค่อยไปผลิต ไม่ใช่ผลิตเสร็จแล้วค่อยไปหาตลาด” เขาย้ำ
4.มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
การทำอุตสาหกรรมยุคนี้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นเรื่องสำคัญ โดยจะเข้ามาช่วยเรื่อง Productivity ในเครื่องจักรใหม่ ใช้คนน้อยลง มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก อุตสาหกรรมยุคนี้ต้องนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ ทั้งในเครื่องจักร กระบวนการผลิต และตัวผลิตภัณฑ์
“นวัตกรรมคือการนำเทคโนโลยีมาคิดสิ่งใหม่ เช่น มีเทคโนโลยีนาโน ก็นำมาใช้ในการทำเสื้อนาโนที่ใส่แล้วกันยุง กันแบคทีเรียได้ นี่คือนวัตกรรม เป็นวิทยาศาสตร์ และเป็นเรื่องที่ประเทศเรายังอ่อนอยู่พอสมควร”
5.มีมาตรฐาน
มาตรฐานที่พูดถึงไม่เพียงการรับประกันคุณภาพหรือมาตรฐานของตัวสินค้าเท่านั้น แต่เป็นการรับประกันความพึงพอใจของผู้บริโภคด้วย
“นี่เป็นความใส่ใจของผู้ผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่แค่เรื่องของมาตรฐานทางกายภาพเท่านั้น แต่เป็นความพึงพอใจในเรื่องของการดีไซน์ การใส่ทุกอย่างเข้าไปในตัวโปรดักต์ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถที่จะมั่นใจได้ว่าซื้อสินค้านี้ได้ไม่ผิดหวัง เหล่านี้มองว่าเป็นสิ่งที่ภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจำเป็นต้องมี เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยก้าวไปสู่อุตสหากรรมที่ยกระดับขึ้นในอนาคต และเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่มีวันตัน” อิทธิชัย สรุปในตอนท้าย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี