Main Idea
- Black Sugar คือแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นที่เคยปรากฏตัวบนรันเวย์โลกและได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม ด้วยความแปลกต่างและโดดเด่น ฉีกตัวเองออกจากความเรียบง่ายของสีขาว-ดำได้เด่นชัด
- เบื้องหลังแฟชั่นสุดคูล คือผู้ประกอบการในวัย 60+ ผู้เริ่มความฝันเมื่อวันที่อายุเข้าใกล้วัยเกษียณ และวันนี้ก็ยังคงสนุกที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ด้วยเชื่อว่า ต้องไม่รอช้าที่จะลงมือทำ ถ้าทำผิดก็แค่ทำใหม่
คุณจะทำอะไรในวัย 60+ สำหรับ “เมธาวี อ่างทอง” เธอเลือกปลุกปั้นแบรนด์ Black Sugar แฟชั่นคูลๆ ของคนที่หลงใหลสีขาว-ดำ จนมีสาวกเป็นเหล่าสาวเท่ มีสไตล์ ที่คอยติดตามคอนเล็กชั่นใหม่ๆ อย่างใกล้ชิด ที่สำคัญคือสามารถนำพาแบรนด์ไปอวดโฉมในรันเวย์ Vienna Fashion Week งานแฟชั่นวีคที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มาแล้ว และแน่นอนว่า เมธาวี คือดีไซเนอร์ที่สูงวัยที่สุดในเวทีวันนั้น แต่ผลงานของเธอก็ได้รับเสียงปรบมือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครเช่นกัน
ชีวิตไม่ต้องปูด้วยกลีบกุหลาบก็ย่ำไปสู่ความสำเร็จได้
หลายคนเริ่มต้นทำธุรกิจในวันที่อายุมากขึ้น ด้วยความพร้อมของเงินทุน ประสบการณ์ และความสามารถในการรับความเสี่ยงที่ดีในระดับหนึ่ง แต่กับเมธาวี เธอเพิ่งผ่านความล้มเหลวอย่างสาหัสสากรรจ์มาด้วยซ้ำ และยังคงล้มแล้วลุกอยู่หลายครั้งกับธุรกิจที่ทำมาก่อนหน้านี้ ด้วยหัวใจที่ต้องเข้มแข็งอย่างยิ่งถ้าเทียบกับคนในวัยเดียวกัน
เธอเริ่มต้นด้วยการเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งที่มีความฝันว่าอยากเรียนศิลปะ และอยากทำงานสร้างสรรค์ ด้วยเหตุผลสุดคลาสสิกนั่นคือ ราชการเป็นอาชีพที่มั่นคง โดยมีเงินเดือนในตอนนั้นแค่พันกว่าบาท ระหว่างนั้นก็ใช้วันหยุดมาเรียนตัดเย็บเสื้อผ้าตามล่าฝัน แล้วสะสมเงินที่พอมีจนซื้อจักรได้หนึ่งตัว เส้นทางสายแฟชั่นของเธอเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ตรงนั้น
“หลังจากได้จักรมาก็เลยไปคุยกับเพื่อนที่ทำส่งออกเสื้อผ้าเด็กไปต่างประเทศ เห็นว่าจักรที่ซื้อมาเขาสอนให้ทำพวกถุงมือจับกระทะอะไรอย่างนี้ ก็เลยขอเขาส่งออกด้วย เพื่อนบอกว่าอย่างนั้นอย่าทำเล่นๆ เลย มาทำจริงจังดีกว่า เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยไปช่วยเขาออกแบบเล็กๆ น้อยๆ โดยที่เรายังไม่ได้เรียนไม่ได้มีความรู้ด้านการออกแบบอะไรเลย อาศัยเพียงความชอบ เพื่อนคงพอเห็นฝีมือ เลยชวนมาทำจริงจัง ระหว่างนั้นก็รับราชการไปด้วย จนเริ่มทำสองอย่างไม่ไหว เลยลาออกจากราชการมาทำเสื้อผ้าเด็กเต็มตัว”
กิจการเสื้อผ้าเด็กถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดี แต่ถนนสายนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอเล่าว่า ทำมาเรื่อยๆ จนปี 2540 เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ถามว่ากระทบกับธุรกิจหนักแค่ไหน เธอตอบว่าก็แค่... “ล้มละลาย”
“จากคนไม่เคยมีอะไรเลย เพราะเคยยากจนมาก่อนในตอนเด็ก จนถึงวันหนึ่งชีวิตก็พุ่งสูง แต่แล้วมันก็ล้มแบบหมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง เพราะตอนนั้นเหมือนหลงระเริงไป จับทั้งธุรกิจเสื้อผ้าเด็ก และอสังหาริมทรัพย์ด้วย พอเกิดวิกฤติ ปรากฎถูกยึดหมดทุกสิ่งอย่าง สิ่งที่สร้างมามันจากเราไปหมด”
ถ้าไม่ท้อ..ชีวิตก็เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
ถ้าต้องล้มในวันที่เรายังเป็นคนหนุ่มสาว ก็คงไม่ยากนักที่จะทำใจแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แต่ถ้าความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นในวันที่เราอายุมาก คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะรับมือ แต่กับเมธาวีเธอบอกเราว่า
“ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลย เมื่อก่อนเคยจนยังอยู่มาได้ จะจนใหม่อีกครั้งก็ไม่เห็นเป็นไร เริ่มใหม่ได้”
ความคิดนั้นทำให้เธอตั้งหลักได้ แม้สิ่งที่เหลืออยู่คือ สถานะล้มละลาย และต้องแยกย้ายกับหุ้นส่วน สิ่งเดียวที่พอมีคือ ลูกค้ายังสนใจสินค้า และยังให้กำลังใจ เธอจึงตั้งต้นใหม่โดยเริ่มใส่ความเป็นตัวเองลงไปในงานเสื้อผ้าเด็กมากขึ้น จากจักร 1 ตัว เป็น 2 เป็น 3 ตัว ทีละเล็กละน้อย แล้วความสำเร็จก็กลับมาเยือนอีกครั้ง และสำเร็จชนิดที่เธอบอกว่ามากกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่ทว่าก็ดีใจได้ไม่นาน เมื่อธุรกิจต้องล้มไม่เป็นท่าอีกครั้ง
“ตอนนั้นเราจับลูกค้าไม่หลากหลาย เน้นเฉพาะรายใหญ่ๆ เป็นลูกค้าจากรัสเซีย ยูเครน และตะวันออกกลาง ซึ่งทั้งหมดเจอปัญหาสงคราม ง่ายๆ คือ ประเทศที่เป็นคู่ค้าของเราเกิดวิกฤติทั้งหมด สุดท้ายก็ต้องล้มไม่เป็นท่าอีกรอบหนึ่งต้องแบกรับทั้งสะต๊อกสินค้าที่กองเต็มบ้านจนไม่มีที่เก็บ และลูกน้องก็เยอะด้วย สุดท้ายไปต่อไม่ไหวก็ต้องหยุด แต่ก่อนที่จะหยุดมันหมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง เงินที่เก็บไว้ก็ไปลงทุนกับการเลี้ยงลูกน้องและสะต๊อกของจนหมด” เธอเล่าเรื่องหนักที่เข้ามากระแทกชีวิตอีกรอบ
ย้ำอีกครั้งว่า คนที่เจอสถานการณ์นี้ไม่ใช่คนรุ่นใหม่ที่หัวใจยังแข็งแรง แต่เป็นคนรุ่นเดอะที่ต้องผ่านการล้มมาครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้า Mindset ไม่ได้ ใจไม่เข้มแข็งพอ ก็คงผ่านเหตุการณ์แต่ละครั้งมาไม่ได้
“ล้มทุกครั้งก็คิดนะ แต่เป็นคนไม่คิดนาน ไม่คิดซ้ำซากจำเจ ในเมื่อมันผิดพลาดไปแล้ว ล้มไปแล้ว ถ้าเรามัวไปหมกมุ่นอยู่กับมัน ก็คงทุกข์อยู่นาน เพราะฉะนั้นไม่เป็นไร เราเคยล้มมาแล้ว เจอมาแล้ว เรายังทำใหม่ได้เลย นี่ก็ต้องผ่านไปได้”
ทุกวิกฤติมีโอกาส ทุกความพลาดมีความสำเร็จรออยู่เสมอ
เจออะไรมาหนักขนาดนี้ แถมยังอายุมากขึ้นทุกวัน ถ้าเป็นคนอื่นคงเลือกเกษียณตัวเองมาใช้ชีวิตนิ่งๆ เหมือนคนทั่วไปกันแล้ว แต่เมธาวี เธอเลือกใช้จุดนี้เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยขอกลับมาทำแฟชั่นเสื้อผ้าในแบบที่ชอบ คือเสื้อผ้าสีขาว-ดำ ดีไซน์แปลกต่างในสไตล์ของตัวเธอเอง และนั่นคือที่มาของ แบรนด์ Black Sugar สะท้อนความเป็นเสื้อผ้าเท่ๆ สีขาวดำ ที่เพิ่มความหวานของความเป็นผู้หญิงด้วยน้ำตาล จนกลายเป็น Black Sugar ซึ่งเริ่มเมื่อปี 2557 ในวัยใกล้เกษียณ
ปัจจุบันเมธาวีอายุ 60+ เธอมีแบรนด์แฟชั่นที่เธอออกแบบเอง วางขายอยู่ในห้างฯ ดังอย่าง เอ็มโพเรียม พารากอน และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และเคยถูกคัดเลือกไปขึ้นเวทีอย่าง Vienna Fashion Week งานแฟชั่นวีคที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มาแล้ว ซึ่งได้รับเสียงปรบมืออย่างเกรียวกราว จากผลงานที่แตกต่าง มีดีเทลน่าสนใจ ไม่ซ้ำแบบใคร
ถึงวันนี้เธอก็ยังสนุกที่จะสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ และบอกเราว่าพยายามที่จะนำพาแบรนด์ไปปรากฏตัวในเวทีโลกให้ได้อีกครั้ง โดยไม่เคยหมดไฟกับการออกแบบและขับเคลื่อนโลกแฟชั่นที่เธอรักในวันนี้ เวลาเดียวกันก็ยังสนุกที่จะทำอะไรใหม่ๆ ไปเรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยรู้ และออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อไปหาแรงบันดาลใจอยู่เสมอ ล่าสุดก็เพิ่งไปพูดสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรุ่นเก๋าที่เข้าโครงการ “60+ ค้าออนไลน์ขายทั่วโลก" ซึ่งจัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กระทรวงพาณิชย์ มาสดๆ ร้อนๆ ไม่เคยหมดไฟไปตามตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้น
“ยังสนุกกับการทำธุรกิจเพราะไม่ชอบอยู่เฉยๆ ยังอยากเที่ยวและชอบแต่งตัว เพราะฉะนั้นเราก็ต้องไม่หยุดทำธุรกิจนี้ หลายคนบอกว่าทำงานแล้วเครียด แต่พี่ไม่เคยคิดว่ามันเครียดนะ เพราะปัญหามันมีทุกวัน ทำธุรกิจก็เป็นอย่างนี้ วันนี้อาจโชคไม่ดีขายไม่ได้เลย แต่เดี๋ยวรอพรุ่งนี้อาจขายดีก็ได้ ทุกสิ่งมันมีขึ้นมีลง ฉะนั้นไม่ต้องไปเครียด พี่เป็นคนไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ชักช้ายืดยาด พิรี้พิไร อยากทำก็ทำเลย ถ้าตรงนี้ไม่สำเร็จ เดี๋ยวไปลองอย่างใหม่ คิดอย่างใหม่ ทำอย่างใหม่ จะไม่หยุดนิ่ง เพราะฉะนั้นวัยเกษียณคืออะไรไม่เคยมีอยู่ในความคิด จะทำแบบนี้ไปจนถึงวันที่หมดแรงและทำไม่ไหวแล้ว แต่ไม่คิดเกษียณ” เธอย้ำในตอนท้าย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี