PHOTO : สรรค์ภพ จิรวรรณธร
Main Idea
- ท่ามกลางอุตสาหกรรมสุขภัณฑ์ที่มีคู่แข่งเป็นบริษัทต่างชาติไม่ก็ลูกผสม แต่ สตาร์ ซานิทารีแวร์ คือธุรกิจสัญชาติไทยแท้ที่ได้รับมาตรฐานระดับสากลรายเดียวซึ่งยังทำตลาดอยู่ในไทยและส่งออกไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก
- พวกเขายืนหยัดในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่จดอนุสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้วถึง 3 ตัว และยังเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ประหยัดน้ำที่สุดในโลกอีกด้วย
ท่ามกลางอุตสาหกรรมสุขภัณฑ์ที่มีคู่แข่งเป็นบริษัทต่างชาติเสียส่วนใหญ่ไม่ก็ลูกผสม แต่ บริษัท สตาร์ ซานิทารีแวร์ (ประเทศไทย) จำกัด คือธุรกิจสัญชาติไทยแท้ที่ได้รับมาตรฐานระดับสากลรายเดียวซึ่งยังทำตลาดอยู่ในไทยและส่งออกไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก พวกเขาไม่ใช่แค่คงอยู่แต่ยืนหยัดในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่จดอนุสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้วถึง 3 ตัว ซึ่งนั่นเป็นจำนวนสิทธิบัตรเกี่ยวกับสุขภัณฑ์ทั้งหมดที่มีในประเทศไทย พฤฒิพงศ์ ว่องอรุณ ทายาทรุ่นที่ 2 ของสตาร์ ซานิทารีแวร์ ยืนยันว่า พวกเขาจะยังสร้างสรรค์นวัตกรรมออกมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนิ่งอยู่แค่นี้
เติบโตด้วยสูตรสร้างสรรค์สุขภัณฑ์ ดี+ดี+ดี=ดี
สตาร์ ซานิทารีแวร์ อยู่ในธุรกิจมา 3 ทศวรรษ พฤฒิพงศ์ เล่าให้ฟังว่า โรงงานผลิตสุขภัณฑ์เป็นโรงงานที่ทุกๆ อย่างต้องดีถึงจะผลิตงานออกมาดีได้ นั่นคือ วัตถุดิบต้องดี เครื่องจักรต้องดี การวางระบบงานต้องดี ดีในทุกจุด ถึงจะได้ผลงานที่ดี ฉะนั้นองค์ประกอบสำคัญของการทำธุรกิจนี้คือ “ดี+ดี+ดี = ดี” ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้
“ตอนเริ่มต้นธุรกิจเราก่อตั้งโรงงานนานถึง 2 ปี เพราะเรามีความคิดตั้งต้นว่าอยากจะทำโรงงานที่มีคุณภาพที่ดี ผลิตของที่ดี มีการวางระบบที่ดี นั่นคือเหตุผลที่โรงงานเราดำเนินมาได้อย่างราบรื่นจนถึงวันนี้” เขาบอก
สตาร์นำเข้าหนึ่งในเตาเผาเซรามิกที่ดีที่สุดจากเยอรมนี ซึ่งมีราคาสูงมาก นั่นนับเป็นความยากอย่างแรกในการตัดสินใจของพวกเขา และด้วยต้องใช้ต้นทุนสูงตั้งแต่ต้นจึงมีผู้ผลิตน้อยรายที่จะยอมลงทุน ประการต่อมาคือวัตถุดิบที่คัดสรรจากแหล่งที่ดีที่สุด อย่างสีที่ใช้ก็นำเข้าจากอังกฤษ ทำให้สุขภัณฑ์ใช้อย่างไรก็ไม่เหลือง รวมถึงใช้ประสบการณ์จากเหล่าคนงานมีฝีมือ และยังเป็นโรงงานเดียวในไทยที่ QC 100 เปอร์เซ็นต์กับสินค้าทุกตัว เพื่อวัดผลิตภัณฑ์ว่ามีน้ำรั่วหรือไม่
“เวลาเราทำงานผมจะบอกทีมงานเสมอว่า เสนอมาได้ทุกอย่าง ขออย่างเดียวคือผ่านการคิดที่ครบมาแล้ว เขาจะทำงานอย่างไรก็ได้แต่อย่าให้ใครมาตำหนิได้ทีหลัง นี่เป็นสิ่งที่คุณพ่อ (ดร.สมชัย ว่องอรุณ) ท่านสอนผมมา ถ้าไม่อยากให้ใครตำหนิเราจะต้องทำงานดีที่สุดด้วยตัวเราเอง ถ้าเราทำเต็มที่แล้ว ดีที่สุดแล้วแต่ถ้ายังมีคนมาตำหนิอยู่ อย่างนี้เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้” เขาบอก
Turning Point สู่ตลาดโลกก่อนวกกลับบ้านเกิด
เมื่อดูสัดส่วนตลาดของสตาร์ ซานิทารีแวร์ จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นการส่งออกไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยมีตลาดหลักอยู่ที่ยุโรป ญี่ปุ่น และฮ่องกง ซึ่งพฤฒิพงศ์บอกเราว่า พวกเขาไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก
“เราไม่ได้ตั้งใจว่าเราจะส่งออกตั้งแต่ต้น ต้องบอกว่า 5 ปีแรกของสตาร์ ยอดขายในประเทศของเราเยอะมาก แต่พอถึงจุดหนึ่งในช่วงวิกฤตปี 2540 เป็นจุดเปลี่ยนของเรา ตอนนั้นทุกคนต้องดิ้นรนกันหมด ซึ่งก่อนหน้านั้นเรามีตลาดต่างประเทศอยู่บ้าง แต่สัดส่วนในประเทศมากกว่า ทำตลาดง่ายกว่าเพราะฐานการผลิตเราอยู่ที่นี่อยู่แล้ว แต่พอถึงจุดหนึ่งเราก็ตัดสินใจว่าจะต้องส่งออกให้มากขึ้น เพราะหนึ่งในประเทศมีความต้องการลดลง แต่ว่าจะให้โรงงานเราหยุดทำงานไม่ได้ เราก็ต้องหาตลาดใหม่ เลยเป็นที่มาของการรุกตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น”
ในช่วงแรกสตาร์มีสัดส่วนตลาดในประเทศประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ในปีที่เกิดวิกฤตเรียกได้ว่าตัวเลขพลิกกลับด้าน จนมาปัจจุบันพวกเขาพยายามกลับมาทำตลาดในประเทศมากขึ้น กระทั่งสัดส่วนทั้ง 2 ตลาดใกล้เคียงกัน คือต่างประเทศประมาณ 60 ที่เหลือคือตลาดไทย
การกลับมาทำตลาดในไทยอีกครั้งนับเป็นเรื่องยาก แบบที่พฤติพงศ์พูดออกมาได้เต็มปากว่าตลาดต่างประเทศอาจจะง่ายกว่า เพราะคนไทยยังติดแบรนด์ที่คุ้นเคยและติดกับดักราคา ซึ่งปัจจุบันตลาดบ้านเรามีสินค้าจากจีนเข้ามาจำนวนมาก ถึงคุณภาพต่างกันแต่ราคาที่ลดลงมาก็ล่อตาล่อใจผู้บริโภคอยู่ดี
แต่อย่างไรอาวุธสำคัญที่พวกเขาจะใช้สู้กับสินค้าเหล่านั้นก็คือ ความคุ้มค่า ทั้งในแง่ของคุณภาพ การใช้งาน การรับประกัน และราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งปัจจุบันยังเป็นแบรนด์เดียวในตลาดที่รับประกันชั่วชีวิต
ปรับสู่องค์กรแห่งนวัตกรรมสุขภัณฑ์
สตาร์ ซานิทารีแวร์ เป็นองค์กรนวัตกรรมผู้กำอนุสิทธิบัตรเกี่ยวกับสุขภัณฑ์เพียงรายเดียวในไทย โดยสิทธิบัตรแรกมาจากอ่างที่มีที่แขวนผ้าในตัว เป็นการรวมเอาฟังก์ชันและดีไซน์ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
สิทธิบัตรที่ 2-3 ก็คือ นวัตกรรมสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำรุ่น Novita 2.4 ลิตร และ Gravity 2.5 ลิตร ซึ่งประหยัดน้ำได้มากที่สุดในโลก โดยออกแบบมาให้ใช้น้ำน้อยแต่ความสะอาดเท่าเดิม โดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์เพิ่มเติม นวัตกรรมนี้ทำให้ผู้ใช้งานประหยัดใน 4 มุม คือ ค่าน้ำลดลงซึ่งเป็นผลโดยตรง ค่าไฟลดเพราะปั๊มน้ำทำงานน้อยลง อายุการใช้งานปั๊มน้ำยาวนานขึ้น และสุดท้ายก็จะเรียกช่างมาซ่อมบำรุงน้อยลง เมื่อคำนวณเฉลี่ยต่อครัวเรือนน่าจะประหยัดไปได้ปีละประมาณ 3,500 บาท
“เราเป็นบริษัทที่เป็นผู้นำด้านประหยัดน้ำมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในขณะที่คนอื่นทำรุ่น 12 ลิตรเราก็ทำรุ่น 10 ลิตรขึ้นมา จนกระทั่งมีการตื่นตัวเรื่องปัญหาโลกร้อน (Global Warming) เราจึงมาคิดกันว่าจะทำผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยโลกได้มากที่สุดเพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้และร่วมตื่นตัวกับเรื่องนี้ โดยสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำไม่ใช่แค่ลดการใช้น้ำ แต่ยังลดการใช้ไฟและประหยัดเงินให้กับผู้บริโภคอีกด้วย
ในอีกแง่หนึ่ง เราเป็นโรงงานในไทย เมื่อเราสามารถทำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ก็เป็นความภาคภูมิใจของทีมงานเราที่เป็นคนไทยทั้งหมด เหมือนประเทศไทยกำลังไปสร้างชื่อเสียงในเวทีโลก”
ผลิตภัณฑ์ที่จดอนุสิทธิบัตรเป็นเพียงผลลัพธ์ส่วนหนึ่ง สตาร์ ซานิทารีแวร์ ยังมีผลิตภัณฑ์อีกหลายอย่างที่โดดเด่นทั้งดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งาน เขาบอกหลักคิดที่เป็นจุดยืนในการทำธุรกิจของพวกเขามาจนถึงวันนี้ ที่มีอยู่ 4 ข้อ คือ
“ 1. เลยคือของทุกอย่างต้องมีคุณภาพตามมาตรฐานอุตสาหกรรมในประเทศไทย และในประเทศที่เราไปเปิดตลาด เพราะถ้าทำของไม่ดีก็คงอยู่ได้ไม่นาน 2.ดีไซน์ต้องสวย เพราะต่อให้ทำของดีออกมาแต่ถ้าดีไซน์ไม่สวยคนก็ไม่ใช้อยู่ดี 3.ต้องมีฟังก์ชันเพิ่มเติมให้กับลูกค้าอยู่เสมอ อย่างเช่น สุขภัณฑ์ที่มาตรฐานรายอื่นใช้น้ำ 6 ลิตร เราก็ผลิตให้ใช้น้ำ 5 ลิตรในราคาที่ใกล้เคียงกันหรืออาจจะถูกกว่า แต่ประหยัดน้ำได้มากกว่า 4.ราคาต้องเหมาะสม คุ้มค่า โดยเราจะไม่ใช่ แบรนด์ที่ถูกที่สุด แต่คือราคาที่สมเหตุสมผลและจับต้องได้ คุ้มค่ากับเงินที่ลูกค้าต้องจ่ายไป”
นี่คือ 4 หัวใจหลักในการทำงานแบบ สตาร์ ซานิทารีแวร์ ที่ทำให้ได้รางวัล SME Thailand Inno Awards 2018 สาขารางวัลโดดเด่นด้านผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ในปีที่ผ่านมาได้อย่างไร้ข้อกังขา
นวัตกรรมสร้างความสำเร็จให้กับ สตาร์ ซานิทารีแวร์ ได้ คุณเองก็ทำได้เช่นเดียวกัน หากมั่นใจว่าสินค้าหรือบริการของคุณ มีนวัตกรรมไม่ซ้ำแบบใคร ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดได้ที่ โครงการ SME Thailand Inno Awards 2019 ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2562 ติดตามรายละเอียดและสมัครออนไลน์ได้ที่ www.smethailandclub.com/innoawards2019 เพื่อชิงรางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ใน 9 สาขานวัตกรรม และโอกาสในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ มาประกาศความสำเร็จของธุรกิจคุณไปด้วยกัน!!
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี