ย่ำ ‘สวนลุงไสว’ ชมอัศจรรย์พันธุ์ไม้ ฝีมือ Smart Farmer วัยเก๋า

Text: yuwadi.s

Photo: Pae Yodsurang





Main Idea
 
 
  • นครนายก จังหวัดเล็กๆ ใกล้เมืองกรุงฯ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ เหมาะแก่การตัวเองไปพักผ่อนหย่อนใจ หนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจคือสวนผลไม้ของลุงไสว ปราชญ์ชาวบ้านที่ทำเกษตรด้วยแนวคิดแบบพอเพียง
 
  • สวนผลไม้ของลุงไสวเน้นการปลูกแบบผสมผสานอีกทั้งยังสร้างสรรค์สิ่งใหม่จากองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่ จนต้นไม้ในสวนออกผลผลิตแบบน่าทึ่ง มีทั้งต้นไม้ที่ปลูกและโตในขวดหรือต้นลางสาดที่ออกลูกเป็นลองกอง



     ชีวิตเมืองกรุงฯ ที่ยุ่งเหยิงชวนให้เราอยากพาตัวเองไปหลบพักความวุ่นวายในจังหวัดไม่ใกล้ ไม่ไกลอย่างนครนายก จังหวัดเล็กๆ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติแห่งหนึ่งของไทย จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ไม่ใช่เขื่อนหรือน้ำตก แต่เป็นสวนผลไม้เล็กๆ ของคุณลุงคนหนึ่งที่ใช้เวลาทั้งชีวิตคลุกคลีกับโลกเกษตรจนเรียกได้ว่าเป็นปราญช์ชาวบ้านที่สร้างความหวือหวาให้แก่วงการได้ไม่น้อย ทั้งการปลูกฝรั่งแนวใหม่ที่ให้ฝรั่งโตในขวดหรือจะเป็นปลูกต้นไม้ที่ออกลูกไม่ซ้ำกัน 10 กว่าชนิดในต้นเดียว





     ลุงคนนี้มีชื่อว่า ลุงไสว ศรียา เกษตรกรชื่อดังที่ใช้แนวคิดการทำเกษตรแบบพอเพียงมาต่อยอดสวนผลไม้ของตนเอง โดยลุงได้ศึกษาโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้วนำมาใส่ไอเดียจนกลายเป็น Smart Famer ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิตได้มากขึ้น





     ต้นไม้ต้นแรกที่คุณลุงไสวพาเราไปชมนั่นคือ ต้นฝรั่งที่ออกผลแบบไม่ธรรมดา เพราะเป็นต้นฝรั่งที่มีผลอยู่ในขวด ซึ่งสามารถเพิ่มมูลค่าให้ลุงได้หลายเท่าตัว จากที่เคยขายได้กิโลกรัมละ 10 บาท กลายเป็นลูกละ 100 บาท ภายในสวนขนาด 4 ไร่ของลุงยังมีการปลูกแบบผสมผสาน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุเรียน ต้นขนุน ต้นมะม่วง ต้นส้มโอไปจนถึงพืชผักสวนครัว อย่างต้นพริกที่คุณลุงไสวใช้วิธีปลูกพริกแบบแกล้งพริก ทำให้ต้นพริกออกผลอย่างงอกงาม


     คุณลุงเล่าให้ฟังว่าดัดแปลงมาจากวิธีของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านมีทฤษฎีที่เรียกว่า ‘แกล้งดิน’ ที่ปรับสภาพดินจากดินที่มีความเปรี้ยว ปลูกอะไรไม่ขึ้นก็เปลี่ยนสภาพดินด้วยปูนขาวจนดินดีสามารถเพาะปลูกได้ ส่วนวิธีการแกล้งพริกของลุงไสวคือการปลูกต้นพริกกลับหัว เริ่มจากเอาดินใส่กระถาง ปลูกพริกแล้วรดน้ำติดต่อกัน 7 วัน จากนั้นจับกระถางคว่ำลงกลับหัว ลุงไสวบอกว่าจะทำให้ต้นพริกเวียนหัว ในที่สุดก็โตขึ้นทั้งที่กลับหัวอย่างนั้น ออกดอกออกผลกลายเป็นต้นพริกที่งอกเงยสวยงาม
 



     
     นอกจากนี้ในสวนของลุงไสวยังเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ออกผลแปลกๆ และน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นต้นลางสาดที่ออกผลเป็นลองกอง ต้นไม้แฟนซี ที่มีรากเป็นต้นมะสังแต่ตัวต้นออกผลได้ 17 ชนิด อาทิ ส้มจี้ด ส้มโอ ส้มเขียวหวาน มะนาวแป้น มะนาวด่านเกรียน มะนาวไร้เม็ด มะกรูด เป็นต้น
               

     เหตุผลที่คุณลุงไสวทำสวนได้เก่งขนาดนี้พร้อมทั้งยังเป็นปราชญ์ชาวบ้านที่ใช้ภูมิปัญญามาเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตของตัวเองจนประสบความสำเร็จเป็นเพราะลุงไสวใช้การสังเกต หมั่นศึกษา ทดลองและทำจนชำนาญ ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรก็ไม่ย่อท้อ
              

 

     “การทำเกษตรมันไม่ยากหรอก มันง่ายหมดแหละ แค่ต้องทำบ่อยๆ มันจะเกิดความชำนาญ ต้นไม้จะสอนเราเองว่าต้องทำอย่างไร เราต้องหมั่นสังเกต อย่าขี้เกียจ อยู่กับต้นไม้แบบนี้ก็จะทำให้เราสดชื่นไปด้วย เดี๋ยวสุดท้ายก็จะออกดอกออกผลให้เราเอง เรื่องของปัญหาก็มีให้เจอร้อยแปดพันอย่าง เพียงแค่เราต้องทำไปเรื่อยๆ อย่าล้มเลิกกับมัน ตอนนี้ลุงหลับตาก็ปลูกต้นไม้ได้แล้ว”


     และนี่คือตัวอย่างของคนที่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย พอเพียงก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชีวิตของเรามีความสุข ไม่จำเป็นต้องเบียดเบียนใคร ไม่ต้องใช้สินค้าราคาแพงเกินตัว แค่ได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก ได้ทำสิ่งนั้นทุกวัน มีความสุขเวลาเห็นมันออกดอกออกผล เหมือนคุณลุงไสวที่ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มเสมอ

 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย

วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน