Photo : Pae Yodsupang
Main Idea
- เมื่อกระแสสุขภาพกำลังมาแรง มีหลายธุรกิจที่แจ้งเกิดในไม่กี่ปีที่ผ่านมาตามกระแสร้อน แต่บางธุรกิจก็มองการณ์ไกลมาตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว นั่นคือ Dever Energy Gel เจลพลังงานแบรนด์แรกของไทย
- ธุรกิจไอเดียใหม่เกิดจากความต้องการทำเจลพลังงานให้นักกีฬาทีมชาติใช้แต่ด้วยเสียงตอบรับที่ล้นหลามจึงกลายเป็นสินค้าออกมาตีตลาดนักกีฬา
___________________________________________________________________________________________
กระแสสุขภาพกำลังมาแรงแซงทางโค้ง หลายคนหยิบรองเท้าแล้วออกวิ่งตั้งแต่ที่พี่ตูนปลุกพลังใจให้คนส่วนใหญ่ลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆ ให้แก่ตัวเองและสังคม มีหลายธุรกิจที่เกาะกระแสสุขภาพจนแจ้งเกิดมากมาย แต่บางธุรกิจก็มองการณ์ไกลมาตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว เรากำลังพูดถึง ‘Dever Energy Gel’ เจลให้พลังงานเจ้าแรกของไทยที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ที่เทรนด์สุขภาพยังไม่เกิดด้วยซ้ำ
‘อนนต์ อดิโรจนานนท์’ เจ้าของแบรนด์ Dever เล่าให้เราฟังว่าอดีตเขาเคยเป็นนักโภชนาการให้แก่นักกีฬาทีมชาติและพบว่าปัญหาหลักของนักกีฬาคือการหมดแรงกลางคัน เลยมองหาทางแก้ไขจุดบอดนั้นแต่กลับไม่พบทางที่ดีที่สุด เขาจึงเริ่มต้นทำเจลให้พลังงานที่เหมาะกับคนไทยให้นักกีฬากินเพื่อเพิ่มพลังงานในการแข่งขัน
“นักกีฬาไทยแรงมักจะหมดช่วงปลายๆ เรามองว่าโภชนาการเป็นปัจจัยหนึ่งในความสำเร็จของนักกีฬา เวลาที่นักกีฬาแข่ง สิ่งที่เขามักพกคือ กล้วยหอม ขนมปัง แต่อาหารเหล่านี้เสียง่าย พกพาลำบาก และยังต้องใช้เวลาในการย่อย นี่คือโจทย์ที่เราต้องนำมาแก้ เราเลยดูว่าสินค้าในตลาดมีอะไรบ้าง พบว่าในต่างประเทศมีเจลให้พลังงาน แต่มันทานยาก หนืดคอ นักกีฬาก็ไม่ค่อยกิน เราเลยพัฒนาเจลให้พลังงานที่คนเอเชียกินง่าย รสชาติต้องมาก่อน ตอนที่ทำออกมาครั้งแรกก็ไม่ได้ตั้งใจออกสู่ตลาด แต่พอทำแล้วผลตอบรับดี มีคนยุให้ทำ เลยลองขายจริง”
ด้วยความที่อนนต์เองเคยเป็นนักกีฬาเทนนิสมาก่อน ในช่วงแรกเขาจึงเริ่มต้นขายให้กับนักกีฬาเทนนิส ก่อนขยับมาเป็นนักกีฬากลุ่มอื่น หลังจากที่ผู้ใช้งานทดลองแล้วเห็นผล จึงเกิดเป็นการบอกปากต่อปาก ค่อยๆ ขยายตลาดให้เติบโตขึ้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของ Dever เป็นนักวิ่งประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มนักกีฬาอื่นรวมถึงลูกค้าทั่วไปอีก 30 เปอร์เซ็นต์
อนนต์ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงตัวเจลให้พลังงานของ Dever ว่ามีแนวคิดเหมือนการรับประทานอาหารหนึ่งจาน แต่เป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการย่อยเรียบร้อยแล้ว ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้งานเป็นพลังงานได้เลย
“เราจะเน้นตัวคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานอย่างเดียว ไม่ได้ใส่ฟังชั่นอื่นๆ ลงไปด้วย ถามว่าเน้นอะไร เราเน้นการซัพพอร์ทเพื่อให้เล่นกีฬาได้นานขึ้น เหมือนทานข้าวเป็นจาน แต่ทานข้าวต้องผ่านปาก เคี้ยว ผ่านกระบวนการย่อยให้เวลาหลายชั่วโมง ถ้าขนมปัง กล้วยก็ครึ่งชั่วโมง แต่นักกีฬาที่เวลากระชั้นชิด กำลังแข่งขันอยู่เขาต้องการพลังงานเร็วๆ ตัวนี้เหมือนเป็นการย่อยข้างนอกมาแล้ว ทานแล้วสามารถดูดซึมใช้ได้ทันที นอกจากนี้ยังใช้ได้กับกลุ่มผู้ป่วย ผู้สูงอายุที่รับประทานอาหารยากหรือคนที่กำลังพักฟื้นจากการผ่าตัด เรียกว่าสามารถตอบสนองความต้องการได้กับหลายกลุ่ม”
Dever Energy Gel มีสินค้า 3 รูปแบบด้วยกัน คือ ไซส์ใหญ่ 100 มล. ให้พลังงาน 330 แคลอรี่ ไซส์เล็ก 40 มล. ให้พลังงาน 120 แคลอรี่ และเยลลี่เคี้ยวหนึบ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากทานแบบเจล อีกทั้งยังมีให้เลือกหลายรสชาติ เช่น รสโคล่า รสส้ม รสลิ้นจี่ รสแอปเปิ้ล เป็นต้น อนนต์กล่าวว่าเหตุผลที่ต้องแบ่งแยกซองใหญ่ ซองเล็กเนื่องจากใช้การคำนวณตามหลักทฤษฎีเข้ามาช่วยเพื่อให้เหมาะสมแก่การใช้งานของลูกค้าและความต้องการที่แตกต่างกันไป
“ซองใหญ่จะเหมาะเอาไว้ทานก่อนออกกำลังกาย ทานแล้วจะมีพลังงานใช้ได้ 1-1.30 ชั่วโมง ส่วนซองเล็กจะเหมาะสำหรับพกพาระหว่างออกกำลังกายเพราะร่างกายจะดูดซึมได้ช้า เราจึงย่อให้มันเป็นช็อตเล็กๆ ถ้าเยอะกว่านี้ร่างกายจะดูดซึมไปใช้ไม่หมดในเวลาอันสั้น เราคำนวณปริมาณมาแล้ว ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องใช้ทฤษฎีเข้ามาช่วยว่าต้องใช้พลังงานเท่าไหร่ กี่กรัม”
อนนต์ได้พูดถึงโอกาสของเทรนด์สุขภาพที่กำลังครองเมืองอยู่ในขณะนี้ว่าผู้คนหันมาใส่ใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องก็ยังคงโตได้อีกไกล
“7-8 ปีที่แล้วที่เราเริ่มทำ ตลาดสุขภาพยังไม่บูม เราทำตั้งแต่ตอนยังมองไม่เห็นอนาคต แต่เราก็ทำไปก่อนเพราะเราชอบและเรามองว่ามันมีแวว ต้องโตได้ ตอนนี้เทรนด์สุขภาพผมว่ายังไปได้อีกไกลเพราะมันเพิ่งบูมแค่ไม่กี่ปี ทำแล้วเกิดผลดีต่อตัวเอง อีกอย่างคือคนที่ออกกำลังกาย ออกแล้วออกเลย หนึ่งคือเรื่องฮอร์โมน ออกแล้วมันติด ก็จะกระตุ้นให้คนไปออก สอง เวลาออกแล้วหุ่นดีขึ้น ก็ทำให้เขาอยากออกกำลังกายไปเรื่อยๆ”
สำหรับจุดพีคที่สุดที่ทำให้ Dever กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างนั่นคือการส่งเจลให้พลังงานไปช่วยทีมหมูป่าติดถ้ำจำนวนกว่า 3,000 ชุด Dever Energy Gel เลยกลายเป็นที่รู้จักในฐานะอาหารมื้อแรกของเด็กๆ ทีมหมูป่า
อนนต์ปิดท้ายว่าธุรกิจของเขาเดินมาไกลเกินจุดที่ตนเองคาดหวังแล้ว จากที่เคยทำขึ้นเพื่อให้นักกีฬาใช้งานต่อยอดเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมจากนักวิ่ง
“เราไม่ได้หวังว่าจะมาถึงจุดนี้แต่เมื่อมาถึงแล้วเราก็ต้องตั้งเป้าหมายต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือ การทำในสิ่งที่เราถนัด เลือกอะไรที่เป็นจุดแข็งที่สุดของเรามาทำและต้องเลือกธุรกิจที่มีช่องว่างในตลาด หากคุณเป็นธุรกิจเจ้าแรกอาจจะต้องใช้ความพยายามสูงมากกว่าในการดันตัวเองขึ้น แต่หากทำได้แล้วจะไปได้ไกลกว่า”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
