Main Idea
- ในโลกธุรกิจยังมีหนึ่งตลาดที่น่าสนใจอย่างมากคือตลาดนักท่องเที่ยวแบบทัวร์ที่จะเป็นหน้าด่านเปิดโอกาสให้กับแบรนด์ไทยออกสู่สายตาต่างประเทศ เหมือนที่ Supreme Banana Balm ก้าวจากสินค้าโอท็อปกลายเป็นสินค้ายอดฮิตส่งออกไปประเทศจีน
- ท่ามกลางคู่แข่งใน Red Ocean ที่ผุดขึ้นมาเลียนแบบ แบรนด์ Supreme ยังพัฒนาต่อโดยไม่หยุดนิ่ง แต่ยังคงสูตรต้นตำรับและคุณภาพที่ไม่มีใครลอกเลียนได้
การเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนที่หลั่งไหลเข้ามาประเทศไทยตลอดที่ผ่านมาไม่เพียงปลุกตลาดการท่องเที่ยวให้คึกคัก ทว่ายังเกิดเม็ดเงินสะพัดจากการใช้จ่ายซื้อของฝากกลับบ้านของนักท่องเที่ยวจีน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์จากทุเรียน หมอนยางพารา เครื่องสำอางหรือกระทั่งยาหม่อง แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามีสินค้าไทยอีกหนึ่งอย่างที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจีนไม่น้อยเลย นั่นคือ บาล์มกล้วยหอม (Supreme Banana Balm) สำหรับบำรุงผิวและส้นเท้า แบรนด์สุพรีม (Supreme)
บรรจุภัณฑ์สะดุดตากับสัญลักษณ์รูปมงกุฎ กลายเป็นของที่ต้องมีในโทรศัพท์มือถือนักท่องเที่ยวจีนเพื่อใช้ยื่นให้กับพนักงานขายในไทย ขณะที่บนแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซชื่อดัง อย่าง Shopee, Taobao และ Alibaba ก็มีสินค้าของสุพรีมวางจำหน่ายพร้อมรีวิวให้ โดยที่เจ้าของแบรนด์ไม่ต้องทำการตลาดเองด้วยซ้ำ
จุฑาทิพย์ เวโรจนากรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท มายด์ เฮ็ลท์แคร์ จำกัด บอกเราว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเกินคาดอยู่มาก เพราะหากย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อนยังไม่มีใครรู้จักตลาดนักท่องเที่ยวมากนัก สิ่งที่ SME ไทยคุ้นเคยดีก็คือ โอท็อป ในตอนเริ่มต้นเธอผลิตสินค้าจากสมุนไพรหลายอย่าง เช่น ลิปบาล์มมะพร้าว สบู่ล้างหน้า การันตีความสำเร็จด้วยรางวัลโอท็อป 4 ดาว จนกระทั่งพบจุดเปลี่ยนเมื่อมีเพื่อนเอาสินค้ามาให้ลอง หนึ่งในนั้นคือบาล์มแก้ส้นเท้าแตกที่กลายมาเป็นต้นตำรับของแบรนด์สุพรีมในตอนนี้
“เราเริ่มมาพัฒนาบาล์มกล้วยหอมจากภูมิปัญญาไทยโบราณเกี่ยวกับการบำรุงผิวส้นเท้าแตกที่ใช้สรรพคุณของเปลือกกล้วยมาทาสมานรอยแตก ใช้บำรุงผิวที่แห้งแตก ส้นเท้า หน้าท้อง ปลายนิ้วมือนิ้วเท้า ข้อศอก หัวเข่า ช่วยสมานรอยแตกให้เรียบเนียน กลับมานุ่มชุ่มชื้นขึ้น ตอนนั้นเริ่มทำตลาดผ่านการออกบู๊ธตามงานแสดงสินค้าโอท็อปต่างๆ” จุฑาทิพย์เล่า
ใครจะคิดว่าจากสินค้าโอท็อปจะได้รับโอกาสก้าวเป็นสินค้าส่งออกทันทีเมื่อมีโอกาสไปนำเสนอในรายการโทรทัศน์เพียง 10 นาที ช่วงนาทีทองนั้นเองไกด์จีนที่อยู่ภูเก็ตกำลังมองหาสินค้าไปนำเสนอให้กับนักท่องเที่ยวจึงสั่งออร์เดอร์ล็อตแรก
“เมืองจีนมีอากาศหนาวแห้ง ทาครีมก็ยังไม่ช่วย แต่บาล์มของเราช่วยเขาได้ เอาอยู่ จึงกลายเป็นการบอกปากต่อปากในหมู่ไกด์และนักท่องเที่ยวจีน เขาสั่งมาเราก็ผลิตให้ เพียงแค่เดือนเดียวมียอดขายถึง 60,000 บาท นี่เป็นตลาดที่เม็ดเงินมหาศาลแต่จะเข้าไปทำไม่ง่ายเช่นกัน เราทันกระแสที่ทัวร์จีนนิยมมาเที่ยวเมืองไทยนี้พอดี เข้าไปถูกจังหวะ ก็เลยโตได้” เธอเล่า
บาล์มกล้วยหอมสุพรีมเข้าตลาดนี้ได้เป็นรายแรก โดยทำตลาดได้ดีตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีสัดส่วนลูกค้าจีนในมือถึง 90 เปอร์เซ็นต์ จนเริ่มมีคู่แข่งลงสนามตามมาถึง 20-30 เจ้า ทั้งผู้ผลิตไทยและผู้ผลิตจีนโดยใช้วิธีผลิตสินค้าลอกเลียนแบบ ซึ่ง ไพลิน เวโรจนากรณ์ ทายาทธุรกิจได้เข้ามาดูแลและปิดจุดอ่อนเรื่องนี้ โดยใช้การออกแบบแพ็กเกจจิง สร้างแบรนด์ การตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เข้ามาช่วย เพื่อต่อสู้กับคู่แข่งเหล่านี้ โดยเริ่มจากการเปลี่ยนรูปแบบขวดแก้วที่สั่งจากโรงงานผลิตภายนอกมาเป็นการขึ้นรูปพลาสติกและผลิตแพ็กเกจจิงด้วยตนเอง รวมถึงสั่งเทคโนโลยีพิมพ์ QR Code แบบโฮโลแกรม (Hologram) ลงบนฉลากเพื่อให้รายอื่นลอกเลียนแบบไม่ได้
“คนอื่นเขาไม่ได้ก๊อบปี้คุณภาพเราไปด้วย เราเลยยังอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ แม้คู่แข่งจะเอาสินค้าเขาไปวางประกบกับเราทุกที่ก็ตาม เราเป็นห่วงลูกค้าถ้าไปใช้ของปลอมไม่รู้ว่าเขาใส่วัตถุดิบอะไรบ้าง ตัวแทนจำหน่ายของเราแนะนำให้ไปตั้งโรงงานผลิตที่จีน แต่ก็เป็นห่วงเรื่องวัตถุดิบตั้งต้นที่เป็นของไทย ถ้าขนส่งไปผลิตที่โน่นจะคุ้มไหม และสุดท้ายจะกลายเป็นสินค้า Made in China ไปเลยหรือเปล่า เรายังอยากโปรโมตความเป็นสินค้าไทย และถ้าผลิตในไทยก็ยังสร้างงานให้กับคนในประเทศ สร้างรายได้ และสบายใจว่า ลูกค้าได้ของดีแน่นอนเพราะเราควบคุมคุณภาพได้”
ในส่วนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นอกจากบาล์มกล้วยหอมแล้วยังมีบาล์มกล้วยหอมมะพร้าวที่เพิ่มคุณสมบัติของน้ำมันมะพร้าวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้เป็นอย่างดี รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะได้เห็นภายในปีนี้อย่างลิปบาล์มและสบู่ล้างหน้าอีกด้วย
“เราตั้งใจจะอยู่ในไลน์ของมอยส์เจอไรเซอร์ คือเน้นความชุ่มชื้นเหมาะจะใช้ในพื้นที่อากาศหนาวแห้งหรือสำหรับคนผิวแห้ง โดยเอาปัญหาของตัวเองเป็นที่ตั้ง เพราะเป็นคนผิวแห้งผสมมัน เวลาไปต่างประเทศ เช่น จากที่อยู่เมืองไทยร้อนแต่ไปถึงฮ่องกงอากาศเย็น ผิวจะแตกและแสบทันที ซึ่งยังไม่มีโปรดักต์มาตอบโจทย์นี้มากนัก จึงอยากทำและพัฒนาไปในไลน์นี้โดยเฉพาะ”
ในตอนนี้ตลาดใหญ่ของสุพรีมยังคงเป็นจีน แต่ในอนาคตอันใกล้ พวกเขาจะขยายตลาดไปยังประเทศที่มีอากาศหนาวแห้งอื่นๆ อย่าง รัสเซีย หรืออินเดีย
นี่เป็นตัวอย่างของธุรกิจไทยที่ใช้คุณภาพสินค้าเป็นแรงขับเคลื่อนในการวิ่งข้ามพรมแดน และประสบความสำเร็จได้อย่างงดงาม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก www.facebook.com/balmbanana
KEY SUCCESS
- เข้าใจปัญหาของผู้บริโภค และผลิตสินค้าเพื่อแก้ปัญหา
- ควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ และพัฒนาให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
- มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าในแนวทางที่ตนเองเชี่ยวชาญ
ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ : ร้าน Chili la Roni
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี