Main Idea
- ว่ากันว่าใครไปจังหวัดสุรินทร์แม้ได้เจอช้างตัวเป็นๆ แต่ไม่เคยแวะร้านของฝากกุนเชียง 5 ดาวก็ถือว่ายังไปไม่ถึงเมืองสุรินทร์
- ธุรกิจกุนเชียง 5 ดาวอยู่มานานกว่า 50 ปี สามารถส่งไม้ต่อถึงคนรุ่น 3 โดยที่ธุรกิจไม่เพียงไม่ล้มหายตายจาก ทว่ายังคงเติบโตไม่หยุดนิ่ง
- สินค้าภายใต้แบรนด์ 5 ดาว ไม่ได้วางขายเฉพาะแค่ในร้านกุนเชียง 5 ดาวเท่านั้น แต่วันนี้ยังมีขายทั้งในเซ่เว่น อีเลฟเว่น และช่องทางออนไลน์อีกด้วย
ร้านของฝากในเมือง ที่จอดรถมีจำกัด และไม่ได้เป็นจุดพักรถ แต่ทำไมถึงยังมีลูกค้าไหลหลั่งเข้าร้านกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะทุกเทศกาลและวันหยุดยาว ทั้งที่ในจังหวัดเดียวกันยังมีร้านของฝากเป็นทางเลือกอีกเกือบสิบร้าน เรากำลังพูดถึง “ร้านกุนเชียง 5 ดาว” แหล่งรวมของฝากที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดสุรินทร์ ผู้สร้างตำนานมานานกว่า 50 ปี
เวลาเปลี่ยนแต่คุณภาพต้องไม่เปลี่ยน
วันที่ได้แวะเยือนสุรินทร์ เราได้พูดคุยกับ ธนวรรธน์ ประสิทธิ์ธิเม ทายาทรุ่น 3 ที่วันนี้เขาและพี่ชาย ธนะกฤษฏิ์ ประสิทธิ์ธิเม คือผู้อยู่เบื้องหลังการสานต่อและพัฒนา 5 ดาว ในทศวรรษใหม่ให้ไฉไลไปกว่ารุ่นพ่อแม่ แต่ถ้าจะต้องให้เครดิตว่าทำไม 5 ดาวถึงเป็นร้านดังที่มีลูกค้าแวะเวียนอยู่ไม่ขาด ทายาทยังยกให้เป็นคุณภาพสินค้าที่รักษากันมาตั้งแต่รุ่นแรก
“ผมมองว่าหัวใจอยู่ที่เราสามารถรักษาคุณภาพของสินค้าไว้ได้ไม่เปลี่ยนแปลง เราทำของอร่อย รับประทานง่าย คุณภาพดี ราคาถูก ทำให้ขายง่าย เวลาเดียวกันก็ปรับและพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ” เขาบอก
กุนเชียง 5 ดาว ไม่ใช่ร้านของฝากที่รับแต่ของคนอื่นมาขาย แต่โดดเด่นด้วยการมีผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ตัวเองที่สร้างชื่อมาก่อนจะมีร้านด้วยซ้ำ
“กิจการของครอบครัวเราอยู่มากว่า 50 ปี โดยเริ่มจากรุ่นอากงอาม่าที่อพยพจากเมืองจีนมาตั้งรกรากในจังหวัดสุรินทร์ ท่านเริ่มจากทำกุนเชียงขายเป็นเจ้าแรกในสุรินทร์ เดิมเราใช้ชื่อสหรส คนรุ่นเก่าจะยังจำชื่อร้านสหรสได้ จนมารุ่นคุณพ่อท่านก็เปลี่ยนมาเป็น 5 ดาว ตอนยุคของคุณพ่อก็เริ่มมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ มาวางขายมากขึ้น ทั้งที่เราทำเองและรับของคนอื่นมาขายด้วย จากร้านเล็กๆ ก็เริ่มขยับขยายใหญ่ขึ้น มีสินค้าหลากหลายขึ้นจากแค่ของกินก็เพิ่มพวกสินค้าพื้นเมือง สินค้าโอท็อป ของฝากในสุรินทร์ รวมถึงข้าวสารซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เด่นของที่นี่ด้วย”
การมีผลิตภัณฑ์อื่นมาวางขายช่วยเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้า ด้วยสินค้าราคาตั้งแต่หลักสิบไปจนหลักแสนบาท เรียกว่ามาที่เดียวได้ของครบจบทุกเรื่องของฝาก แถมยังได้ช่วยโปรโมตผลิตภัณฑ์เด่นในจังหวัดของตัวเองอีกทางด้วย
สร้างแบรนด์ตัวเองแจ้งเกิดตลาดใหม่
สินค้าของคนอื่นมีไว้เพิ่มความหลากหลาย แต่สินค้าภายใต้แบรนด์ตัวเองเป็นเหมือนการรักษาลมหายใจให้ธุรกิจยังเดินต่อไปได้แม้ในวันที่สินค้าของคนอื่นมีปัญหา เราเลยได้เห็นคนเจน 3 เข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้น จากเดิมที่มีแค่กุนเชียง หมูหย็อง หมูยอ พื้นๆ ทุกวันนี้เราได้เห็นทั้งน้ำพริก หมูแก้ว หมูสวรรค์ กะละแมรสชาติใหม่ๆ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ และถูกจริตไลฟ์สไตล์คนยุคนี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติที่แปลกใหม่ แพ็กเกจจิงที่ดูดี ขนาดคำที่พอเหมาะ แม้แต่ราคาที่ซื้อง่าย สมเหตุสมผล
ผลพลอยได้จากการพัฒนาของใหม่ๆ คือ สามารถขยายสินค้าไปขายในช่องทางที่หลากหลายขึ้น ไม่ปิดตัวเองแค่หน้าร้านของฝากจังหวัดสุรินทร์เท่านั้น
“ล่าสุดเราสามารถเข้าไปวางขายในเซเว่น อีเลฟเว่น ภาคอีสานได้แล้ว โดยเริ่มจากตัวหมูแก้วเพราะรับประทานง่าย ราคาถูกและค่อนข้างขายดี รวมถึงพวกข้าวแตนต่างๆ และเรายังพัฒนาช่องทางขายผ่านเว็บไซต์ (www.kunchiang5dao.com) เพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้นด้วย โดยตัวผมเองอยากส่งไปขายต่างประเทศด้วยซ้ำ ซึ่งกำลังหาช่องทางกันอยู่”
ชื่อเสียงที่กระจายออกไป ทำให้แบรนด์ 5 ดาวกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น ส่งเสียงสะท้อนกลับดึงคนให้แวะมาที่ร้าน 5 ดาวมากขึ้น ถ้ามาเยือนถิ่นสุรินทร์ แม้วันนี้ผู้คนจะซื้อ 5 ดาวได้ง่ายขึ้น แต่เสน่ห์ของการช้อปปิงในร้านของฝากก็ยังต่างจากออนไลน์อยู่ดี นั่นทำให้ร้าน 5 ดาวยังคงไม่เงียบเหงา ขณะเดียวกันก็ยังเพิ่มยอดขายได้มากจากช่องทางที่หลากหลายในวันนี้อีกด้วย
แก้อุปสรรคและข้อจำกัดเพิ่มโอกาสธุรกิจ
ร้าน 5 ดาวในเมืองสุรินทร์เป็นร้านที่คึกคัก และออกจะหนาแน่นในเทศกาลและวันหยุด นั่นคือที่มาของการตัดสินใจพัฒนาศูนย์ของฝากขนาดใหญ่บนพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ ซึ่งจะเปิดประมาณปลายปี 2562 เพื่อเป็นจุดพักรถรองรับนักเดินทางที่อยากแวะซื้อของฝากและท่องเที่ยวก่อนร่ำลาเมืองสุรินทร์ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาร้านเดิมที่อยู่ในตัวเมืองและมีปัญหาเรื่องที่จอดรถเป็นอุปสรรคใหญ่ และยังจะเป็นการสร้างแลนด์มาร์กแห่งใหม่ให้กับจังหวัดของพวกเขาอีกด้วย
อีกหัวใจของการทำร้านของฝากให้ขายดี คือ การศึกษาคู่แข่งอยู่ตลอดเวลา ไม่มองแต่ความสำเร็จของตัวเอง เพื่อตามให้ทันว่าใครทำอะไรไปถึงไหน และกลับมาวิเคราะห์ตัวเองเพื่อเติมเต็มจุดอ่อนให้กลายเป็นจุดแข็งเพื่ออยู่อย่างยั่งยืนมาได้จนถึงวันนี้
ร้านของฝากหลายแห่งเงียบเหงาและเฉาลงไม่เพียงเพราะการหายไปของลูกค้า แต่ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ทายาทไม่อยากมาสานต่อ และไม่ได้มาสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้กับร้านเก่าแก่ ลองถามมุมมองของธนวรรธน์ ที่มีดีกรีบริหารธุรกิจ เอกการโรงแรม มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ขณะที่พี่ชายก็เรียนมาทางด้านการออกแบบดีไซน์ แต่ทั้งคู่เลือกกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัว เขาบอกเราว่า ธุรกิจครอบครัวเป็นกิจการที่มั่นคงและมีอยู่แล้ว จึงไม่ต้องไปเสี่ยงกับการเริ่มต้นใหม่ และยังสามารถท้าทายตัวเองโดยการต่อยอดธุรกิจให้ดีขึ้นไปได้อีกด้วย
ซึ่งหากคนรุ่นก่อนสามารถให้อิสระและเปิดโอกาสให้ทายาทได้ใกล้ชิดกับธุรกิจครอบครัวมาตั้งแต่ต้น ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีใครมาสืบทอดกิจการ ตรงกันข้ามกลับจะได้คนรุ่นใหม่ๆ มาสร้างสรรค์ธุรกิจให้เติบโตได้แบบที่คุณคิดไม่ถึงอีกด้วย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี