​ไอเดียธุรกิจความหอม จับใจลูกค้าด้วยกลยุทธ์แห่งกลิ่น





 
               
     ธุรกิจเครื่องหอมในบ้านเรานั้น มีให้เห็นมากมายหลากหลายแบรนด์ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่มีการแข่งขันไม่น้อยเลย ทำให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของแบรนด์ต้องพยายามสร้างสรรค์รูปแบบธุรกิจ หรือตัวสินค้าให้มีความแตกต่าง เพื่อสร้างโอกาสและตัวตนให้ชัดเจน เช่นเดียวกับ 2 แบรนด์ความหอมนี้ HERBPINESS  และ Yugen ที่ได้ครีเอทธุรกิจความหอมในแบบของตัวเอง เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่
 

HERBPINESS ครีเอทความหอมจากสวนในบ้าน  


      “ความเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยที่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยพืชพรรณที่ปลูกอยู่ในบ้าน ทำให้เห็นโอกาสและความเป็นไปได้ของการต่อยอด” ประภาวี ศิวเวทกุล เจ้าของแบรนด์ HERBPINESS กล่าวถึงที่มาของการเก็บดอกไม้และสมุนไพรที่ปลูกเองกับมือ มาสร้างสรรค์เป็นโปรดักต์ที่ทั้งหอมและช่วยผ่อนคลายให้กับคนยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดจากรูปแบบการใช้ชีวิตในปัจจุบัน




     
     “การครีเอทกลิ่นหอมให้กลายเป็นของคู่ใจนั้น เริ่มมาจากสิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวันตั้งแต่สมัยยังเด็ก เรียกได้ว่าได้รับอิทธิพลและการปลูกฝังมาจากคุณแม่ที่เป็นทั้งนักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ ที่หยิบเอาสมุนไพร ต้นไม้หรือดอกไม้ภายในบ้าน มาใช้รักษาอาการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆแทนการใช้ยา เราเลยรู้สึกว่าการรักษาด้วยพืชพรรณนั้นเป็นสิ่งที่สามารถเป็นไปได้และต่อยอดได้”  


     โดยผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นั้นเป็นพวกเครื่องหอม ตั้งแต่ยาดมสมุนไพรที่รักษาอาการวิงเวียนอย่างง่ายๆ สมุนไพรน้ำ บาล์ม สเปรย์หอมกลิ่นธรรมชาติ ไปจนถึงตัวล่าสุดอย่าง Botanical Aroma Roller ที่เป็นการคัดสรรพืชพรรณดอกไม้ตามฤดูกาล นำมาหมักในน้ำมันสมุนไพรสูตรเฉพาะผสมผสานกับน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ จนสรรพคุณที่อยู่ภายในดอกไม้แทรกซึมเข้าไปในตัวน้ำมันสมุนไพร  


     “โปรดักต์ตัวใหม่นี้ทำออกมาเพื่อช่วยบรรเทาความเครียด เนื่องมาจากสภาพสังคมในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยมลภาวะ และด้วยศิลปะของการใช้กลิ่นแบบอโรม่าจะสามารถช่วยเปลี่ยนอารมณ์และความรู้สึกที่ตึงเครียดให้ผ่อนคลายลงได้ Botanical Aroma Roller จึงทำออกมาเพื่อเป็นการรักษาซึ่งเราตั้งใจว่า อยากให้เป็นสุนทรีย์ทั้งจากกลิ่นที่มาจากดอกไม้ และสุนทรีย์ทางด้านตาด้วย โดยเราเปรียบขวดแพ็กเกจจิ้งที่ใส่เสมือนกับเป็นแจกันดอกไม้อันหนึ่งที่จะช่วยรักษาความสวยงามของดอกไม้ไม่ให้เหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลา”





     เมื่อกลิ่นดอกไม้ที่ได้นั้นมาจากน้ำมันของดอกไม้ที่ไม่ใช่น้ำหอม จึงส่งผลให้คนใช้รู้สึกได้ถึงการบำบัดจากธรรมชาติ โดยลองจินตนาการว่าคนที่ใช้เป็นผีเสื้อ พอได้ดอมดมดอกไม้หลังจากที่ต้องเจอกับมลภาวะและสถานการณ์ต่างๆแล้วจะช่วยให้ผ่อนคลายและรู้สึกดีขึ้นได้ ซึ่งการออกแบบและครีเอทนั้นต้องอาศัยทั้งการใช้สีและกลิ่นของดอกไม้ เพื่อดึงสรรพคุณที่มีออกมาได้อย่างโดดเด่น


     “โดยตัว KRAM CALM จะเป็นดอกไม้สีคราม เช่น อัญชันและลาเวนเดอร์ ซึ่งจะช่วยให้จิตใจสงบ หลับสบาย ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน ลดอาการปวดเมื่อย อักเสบและฟกช้ำ เหมาะกับวันที่ต้องการความสงบและต้องการการพักผ่อน PINK PRINK จะเป็นดอกไม้ในโทนสีชมพูอย่างกุหลาบมอญและพวงชมพู ซึ่งจะช่วยให้จิตใจเบิกบาน สร้างบรรยากาศโรแมนติก บรรเทาความวิตกกังวลและซึมเศร้า รวมถึงลดอาการอักเสบ เหมาะสำหรับวันที่มีอารมณ์อ่อนไหว ซึ่งกลิ่นที่ได้จะช่วยสร้างสุนทรีย์ในการใช้ชีวิตให้กลับคืนมา และ GOLD GLOW จะเป็นดอกไม้สีเหลืองทองอย่างดอกดาวเรือง กระดังงา ประยง ประดู่ ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลย์ทางอารมณ์ มีฤทธิ์สงบประสาท บำบัดอาการซึมเศร้า มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย และบรรเทาอาการระคายเคืองผิวหนัง เหมาะกับวันที่รู้สึกซึมเศร้าและต้องการความสดชื่น”





     และด้วยรูปทรงที่แตกต่างกันไปของดอกไม้แต่ละอย่าง ทำให้ทางแบรนด์สามารถหยิบมาสร้างลวดลายให้กับแพ็กเกจจิ้งได้ โดยทำการจัดวางหรือบรรจุลงในขวดแก้วใส ก็จะทำให้ได้ลายกราฟฟิกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว


     “เรามองว่าตัวดอกไม้เองนี่แหละที่เป็นตัวกราฟฟิกของตัวบรรจุภัณฑ์ ไม่ต้องมานั่งเพ้นท์ลาย เพราะเราสามารถใช้ดอกไม้ของจริงเป็นลวดลายได้เลย เนื่องจากดอกไม้นั้นมีรูปทรงที่แตกต่างกันเลยทำให้ผลิตภัณฑ์แต่ละขวดที่ได้จะไม่เหมือนกันเลย นอกจากนี้สีของดอกไม้ที่แสดงให้เห็น ยังจะช่วยให้ลูกค้ารู้ได้ว่ากลิ่นข้างในนั้นจะเป็นกลิ่นแบบไหนแม้จะไม่ทันได้ลองหรือดมดูก็ตาม เช่น ถ้าเห็นว่าเป็นดอกกุหลาบจะรู้ว่ากลิ่นที่ได้ก็จะต้องมาทางกุหลาบ ดังนั้น การออกแบบแพ็กเกจจิ้งของเราคือ ดูแล้วรู้ ดมแล้วเข้าใจนั่นเอง อีกทั้งวิธีใช้โปรดักต์นี้ก็ง่ายๆ แค่เพียงแต้มตามจุดชีพจร ต้นคอ ขมับ ข้อมือและจมูกเท่านั้นเอง” ประภาวี กล่าวทิ้งท้าย
 

Yugen เครื่องหอมทางเลือกของสายรักษ์โลก
               

     เมื่อความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่มีความสนใจใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้หลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างหันมาใส่ใจผลิตสินค้าที่เป็นมิตรและปลอดภัยกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องหอมที่เข้ามาเติมเต็มความสุข ผ่อนคลายความตึงเครียด และความเร่งรีบที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน Yugen ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมอโรม่าที่ตอบโจทย์ทุกโมเมนต์การใช้ชีวิตประจำวันก็เป็นหนึ่งในนั้น





     “พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคนี้ คือ หันมาให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น เขาไม่ได้ต้องการแค่ค้นหากลิ่นหอมที่ชื่นชอบอย่างเดียวแล้ว แต่ยังต้องการผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรทั้งกับตัวเองและสิ่งรอบตัวเพิ่มเข้ามาด้วย เราจึงเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าในกลุ่ม Eco Friendly ขึ้นมา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่นอกจากจะเป็นการเติมเต็มความสุขให้กับตัวเองแล้ว ยังได้ใช้สินค้าที่ไม่ย้อนกลับมาส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมในภายหลังด้วย”ปฐมพงษ์ เจริญวุฒิ เจ้าของแบรนด์ Yugen ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ Diffuser ครีมอาบน้ำ บอดี้โลชั่น ฯลฯ กล่าว


     โดยรูปแบบของสินค้า Eco Friendly ที่ทาง Yugen เลือกนำมาตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้ารักษ์โลกนั้น เริ่มต้นจากสินค้าในกลุ่ม Diffuser เช่น ก้านไม้หอมปรับอากาศก่อน ซึ่งตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ หมึกพิมพ์ ไปจนถึงขวดที่ใช้บรรจุน้ำหอมนั้นล้วนผลิตมาจากวัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น


     “สิ่งที่เรานำมาเพิ่มเติมให้ลูกค้าในกลุ่มสินค้า Eco Friendly นอกจากตัวน้ำหอมที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสถาบันระดับโลกแล้ว เรายังหันมาให้ความสำคัญกับตัวบรรจุภัณฑ์ด้วย โดยกล่องกระดาษที่ใช้เราผลิตมาจากกระดาษรีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์ หมึกพิมพ์สีที่ใช้ก็ผลิตจาก Soy Ink เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่หมึกจากสารเคมี ไปจนถึงการเลือกใช้ขวดแก้วแทนขวดพลาสติกในการบรรจุน้ำหอม เพื่อให้สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ใหม่ โดยจะมีคำเขียนอธิบายสั้นๆ เล่าให้ลูกค้าฟังว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยังไงบ้าง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้เกิดความภูมิใจที่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะเริ่มเปิดตัวขายอย่างเป็นทางการในต้นปี 2019 นี้”





     นอกจากการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีการออกแบบให้ดูเรียบง่ายเข้ากับธีม อย่างก้านกระจายกลิ่นที่ใช้จากที่เคยใช้เป็นก้านหวายหงิกงอ ก็เลือกใช้เป็นก้านกระจูดำที่ตรงๆ แทน ไปจนถึงกลิ่นที่เลือกนำเสนอออกมาก็เป็นกลิ่นที่เข้าใจได้ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แค่ได้กลิ่นก็รู้ได้ทันทีว่า คือ กลิ่นหอมจากอะไร มีให้เลือกทั้งหมด 5 กลิ่น ได้แก่ Darjeeling Tea, Jasmise, Melon, Rose และ Aquatica


     แน่นอนว่าเมื่อมีความพิเศษเพิ่มเติมขึ้นมา แม้จะช่วยตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่ก็ทำให้สินค้ามีราคาเพิ่มสูงขึ้นกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไปอยู่ดี


     “โดยทั่วไปลูกค้าในกลุ่มนี้มีมูลค่าการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว เพราะมักมองหาสิ่งดีๆ ให้กับตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งการที่เขาหันมาเลือกใช้สินค้าในกลุ่ม Eco Friendly ก็เป็นการเขยิบขึ้นมาอีกก้าวหนึ่ง คือ แทนที่จะมอบสิ่งดีๆ ให้กับตัวเอง แต่ยังมอบให้กับโลกและสิ่งรอบข้างด้วย ซึ่งเขายินดีจ่ายเพิ่ม ฉะนั้นเราเองก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์ ความซื่อสัตย์กับลูกค้ากลุ่มนี้”


     สำหรับในเมืองไทยเองในกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องหอม ปฐมพงษ์มองว่ายังไม่ค่อยมีการนำเสนอออกมาชัดเจนมากสักเท่าไหร่นัก





     “ในบ้านเราสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องหอม ผมมองว่าปัจจุบันยังไม่ค่อยมีแบรนด์ใดออกมาประกาศชัดเจนในเรื่องของ Eco Friendly ส่วนใหญ่ทำเพื่อเป็นการตลาด หรือทำเพื่อเกาะกระแสบ้าง แต่ไม่ใช่ 80 - 90% เหมือนที่เรากำลังทำอยู่ อาจเป็นเพราะยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับผู้บริโภคชาวไทย แต่สำหรับลูกค้าในแถบยุโรปหรือประเทศฝั่งตะวันตกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เราเองถึงจะเป็นแบรนด์ที่มีอายุได้เพียง 2 ปี แต่ผมอยู่ในวงการนี้มานานกว่า 8 ปี จึงทำให้มองเห็นเทรนด์โลก ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารอย่างเดียวแล้วที่หันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่เป็นทุกๆ สิ่งรอบตัวเรา ทุกๆ วงการต่างหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจกลายเป็นความจำเป็นพื้นฐานของการผลิตสินค้าไปแล้วก็ได้ เพราะสุดท้ายต่อให้เราสนใจหรือไม่สนใจทุกอย่างก็จะย้อนกลับมาหาเรา ส่งผลกระทบต่อชีวิตของอยู่ดี ผมว่า นี่คือ มุมมองการใช้ชีวิตของผู้คนในยุคนี้”


     สุดท้ายนี้ ปฐมพงษ์ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของเรื่องกลิ่นให้ฟังอีกว่า กลิ่น คือ สิ่งที่มองไม่เห็น แต่ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญในชีวิต ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจจะมองข้าม แต่จริงๆ แล้วกลิ่นเป็นเหมือนสิ่งที่ไปเติมให้ทุกโสตประสาท ทุกประสบการณ์ในชีวิตของคนเราให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น กลิ่นจึงเหมือนกับลมหายใจ มองไม่เห็น แต่เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ ซึ่งชีวิตของคนเราทุกวันนี้ต่างเร่งรีบกันมากขึ้น แต่สามารถใช้กลิ่นเพื่อบำบัด ผ่อนคลายความตึงเครียดให้กับชีวิตได้


     นี่เป็นเพียงแค่ 2 ไอเดียที่ใช้เรื่องของกลิ่นมาสร้างโอกาสทางธุรกิจ เชื่อว่ายังมีไอเดียอีกมากมายในการสร้างสรรค์ธุรกิจแห่งความหอมนี้ เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ได้
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย

วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน