ผู้ประกอบการยุคนี้ชอบและสนใจในธุรกิจที่หลากหลาย ชอบทำอะไรพร้อมๆ กัน หลายๆ อย่าง ด้วยไอเดียสุดบรรเจิดเกินกว่าที่จะหยุดอยู่กับแค่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง ทั้งยังมีพลังชีวิตและความคิดพร้อมที่จะใส่ไปกับทุกสิ่งที่สนใจอย่างเต็มที่ด้วย โลกจึงให้นิยามผู้ประกอบการกลุ่มนี้ว่า Multipreneur คือ ผู้ประกอบการเจ้าโปรเจกต์ที่ชอบทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน ซึ่งนับวันก็มีแต่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเหล่านี้ไม่เพียงเข้ามาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับโลกธุรกิจ ทว่ายังเปลี่ยนนิยามการทำธุรกิจแบบเก่าๆ ให้ออกจากขีดจำกัด เพื่อไปสร้างโอกาสใหม่ๆ ได้อย่างไม่รู้จบอีกด้วย
โอกาสทำเงินด้วยธุรกิจที่สอง
ในยุคดิจิทัล เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนโลกการทำงาน ทำลายล้างธุรกิจเดิมๆ ให้หายไป ก่อเกิดเป็นธุรกิจใหม่เข้ามาแทนที่ แต่ขณะเดียวกันยังมอบโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการยุคนี้ที่จะได้คิดและสร้างสรรค์ธุรกิจของตัวเองได้ง่ายและหลากหลายขึ้น ที่สำคัญไม่ใช่แค่ธุรกิจเดียว แต่อาจเป็นธุรกิจที่ 2-3-4 ที่อาจไม่มีรูปแบบตายตัวว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลเหมือนในอดีต เพราะโลกออนไลน์เปิดกว้างมากมายสำหรับคนยุคนี้
Cr : Jaidee Shop
ยกตัวอย่าง ประณพ อินประเสริฐ หรือ ครูเอฟ จาก Jaidee Shop ผู้ที่เริ่มธุรกิจแรกด้วยการเปิดร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองในออนไลน์ ก่อนต่อยอดมาสู่อาชีพที่ 2 คือ เปิดคอร์สสอนทำสปากระเป๋า หรือการทำความสะอาดและบำรุงรักษากระเป๋าและเครื่องหนัง ที่นอกจากจะเป็นการต่อยอดให้กับตัวเองแล้ว ยังช่วยสร้างอาชีพ 2 ให้กับผู้อื่นได้อีกมากด้วย
“ก่อนจะมาเป็น Jaidee Shop เริ่มคิดทำธุรกิจมาตั้งแต่อายุ 20 ปี ตอนนั้นชอบกระเป๋าแบรนด์เนมมาก เริ่มจากไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองมาใช้แล้วอยากจะเปลี่ยนใบใหม่เลยไปประกาศขายในเว็บสยามแบรนด์เนม ปรากฏว่าขายได้และได้กำไร จึงคิดว่าน่าจะทำเป็นธุรกิจได้เลยขอเงินก้อนแม่มาประมาณ 300,000 บาท แล้วมาเริ่มธุรกิจนี้อย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันนอกจาก Jaidee Shop ยังต่อยอดมาทำธุรกิจสอนทำสปากระเป๋าและเครื่องหนังด้วย ไอเดียการทำธุรกิจที่ 2 นี้เริ่มจากศึกษาด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ จนเห็นโอกาสว่าการทำสปากระเป๋าใช้เงินลงทุนที่ไม่สูงมากนัก น่าจะเป็นโอกาสธุรกิจได้ จากนั้นจึงเริ่มหาความรู้เพิ่มเติมด้วยการไปอบรมการทำสปากระเป๋าในต่างประเทศ ซึ่งเป็นคอร์สระยะสั้น เพื่อศึกษาถึงวิธีการบำรุงรักษากระเป๋าที่ยากขึ้น จนนำความรู้มาต่อยอดเป็นการเปิดคอร์สสอนทำสปากระเป๋าในที่สุด”
กรณีศึกษาของครูเอฟบอกเราได้ว่า การเป็นผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องทำธุรกิจแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่สามารถต่อยอดไอเดียแล้วหาโอกาสใหม่ๆ ให้กับตัวเองได้เสมอ ที่สำคัญยุคนี้ความรู้มีให้ศึกษากันได้ง่ายๆ ในโลกออนไลน์ ตลาด และโอกาสก็เกิดขึ้นง่ายๆ ในโลกออนไลน์ด้วยเช่นเดียวกัน โดยครูเอฟยังแนะนำเทคนิคการขายของออนไลน์ให้ปังด้วยว่า มี 3 เรื่องที่สำคัญ คือ 1.การลงรูปภาพในออนไลน์ที่ต้องสวยงาม 2.การทำคอนเทนต์ให้โดนและกินใจที่สุดใน 3 บรรทัดแรก และสุดท้าย 3.รู้จักปิดการขายให้เร็ว โดยใช้กลยุทธ์และเทคนิคกระตุ้นความอยากซื้อ และการตัดสินใจของลูกค้าภายในเวลาจำกัด เพราะลูกค้าที่จะซื้อสินค้าออนไลน์นั้นส่วนใหญ่จะซื้อเพราะอารมณ์ หากปล่อยระยะเวลาออกไปอาจจะเปลี่ยนใจได้
ทำธุรกิจได้หลากหลาย ถ้าไม่เวิร์กก็ “เลิก” ได้
เช่นเดียวกับ ธนาพล ประสงค์ทรัพย์ เภสัชกร เจ้าของโรงงานรับจ้างผลิตเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สปา วัย 26 ปีเป็นอีกตัวอย่างของผู้ประกอบการสายพันธุ์ Multipreneur เพราะนอกจากจะควบตำแหน่งเจ้าของธุรกิจโรงงานโออีเอ็ม วันนี้ยังต่อยอดมาสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์เวชสำอางของตัวเอง ในชื่อ ZEA โดยมีผลิตภัณฑ์ตัวแรกคือ เจลล้างหน้า
“ผมเรียนมาทางด้านเภสัชที่อังกฤษ เริ่มต้นเคยทำงานบริษัทยาอยู่พักหนึ่งแต่รู้สึกว่าไม่ใช่เลยออกมาทำโรงงานผลิตเครื่องสำอาง (โออีเอ็ม) ของตัวเอง เพื่อตอบสนองความต้องการของ Startup ที่อยากทำแบรนด์สกินแคร์เพิ่มขึ้น สุดท้ายคิดว่าถึงเวลาที่ต้องทำแบรนด์ของตัวเองดูบ้าง เลยเกิดเป็นแบรนด์ ZEA ขึ้นมา”
Cr: ZEA
การเริ่มต้นธุรกิจที่หลากหลายของธนาพลไม่ได้ใช้เงินลงทุนมากนัก โดยเขาเลือกที่จะทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ที่สำคัญไม่เน้นการจ้างพรีเซนเตอร์ที่เป็นดาราหรือคนดัง แต่เลือกที่จะใช้ตัวเองเป็นพรีเซนเตอร์แทน และใช้การศึกษาวิธีการทำตลาดออนไลน์ด้วยตนเองก่อน เช่น เริ่มเรียนรู้การทำภาพถ่ายผลิตภัณฑ์ให้สวยและดึงดูดลูกค้าด้วยตัวเขาเองไม่ต้องพึ่งใครตั้งแต่ต้น
ใครที่คิดว่าทำธุรกิจแค่นี้เรียกเยอะแล้ว ลองย้อนไปดูชีวิตของคนหนุ่มก่อนหน้านี้ เขาบอกเราว่า ก่อนจะมีแบรนด์เวชสำอางเป็นของตัวเอง เขาเคยลองทำธุรกิจรับจัดเลี้ยง(Catering) มาก่อน เพราะเป็นคนชอบทำอาหารและทำอร่อยจนหลายๆ คนติดใจ แต่เจ้าตัวยอมรับว่าไม่ประสบผลสำเร็จนัก เพราะไม่มีความรู้ด้านการจัดการธุรกิจอาหารมาก่อน นั่นสะท้อนว่า ถ้าทำแล้วไม่เวิร์ก ชาว Multipreneur ก็พร้อมเปลี่ยนแปลง และไปเริ่มธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสมากกว่าได้ โดยไม่ยึดติดกับอะไรที่ไม่ใช่ ถ้าไม่เวิร์กก็เลิกได้
“การจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม สิ่งแรกที่ต้องลงทุนก็คือ ความรู้ ความรักอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความรู้ด้วย โดยเราจะต้องรู้จริงในสิ่งที่ทำ ถัดมาถ้าทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เราต้องทำสื่อให้สวยงาม โดยเฉพาะเรื่องรูปถ่ายสินค้าถือว่าสำคัญมาก เพราะคนไทยชอบดูรูปสวยๆ เมื่อรูปสวยแล้ว มีคนเข้ามาดูมากขึ้นก็จะมีโอกาสต่อยอดได้เพิ่มขึ้น สุดท้ายคือ การเริ่มที่ละนิด ลงทุนแบบน้อยๆ โดยต้องย้อนกลับไปดูด้วยว่าเราต้องการจะขายสินค้าให้กับใคร เพราะของที่เราทำมานั้นไม่ได้มีไว้ขายคนทั้งโลก ขอแค่ส่วนแบ่งเค้กชิ้นเล็กๆ ก่อนเพราะถ้าไม่เวิร์ก เราก็ยังสามารถแก้ไข หรือเลิกได้” ธนาพล กล่าวทิ้งท้าย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี