แจ่วฮ้อน คล้ายเป็นสุกี้สไตล์อีสานที่รสชาติแซ่บนัว จัดจ้าน หอมกลิ่นสมุนไพร ที่ใครได้ลองชิมสักครั้งต้องติดใจ โดยการกินแจ่วฮ้อนจะต้องมีน้ำแจ่วต้มลงไปในน้ำซุปร้อนๆ เติมผัก ใส่เนื้อ เมื่อทุกอย่างกลมกล่อมได้ที่ก็ถึงเวลาอร่อย แต่ในบางครั้งการจะหาร้านแจ่วฮ้อนอร่อยๆ ถูกใจกินนั้นก็อาจจะยากไปสักหน่อย หรือถ้าทำเองก็คงจะยุ่งยากจนเกินไป จิราภรณ์ สงคราม (เจนนี่) จึงได้คิดทำน้ำซุปแจ่วฮ้อนเข้มข้นสำเร็จรูป ฉีกซอง ต้มน้ำ ก็อร่อยเหมือนนั่งกินแจ่วฮ้อนรสชาติต้นตำรับเลยล่ะกับแบรนด์ แจ่วฮ้อนยกซด โดยเธอเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้เธอเปิดร้านขายอาหารไทย – อีสาน อยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรากับแฟน จักรพรรดิ เมืองจันทร์ (หนุ่ม) โดยมีขายแจ่วฮ้อนอยู่แล้วภายใต้ชื่อเดียวกันคือร้านแจ่วฮ้อนยกซด และเมื่อขายไปได้สักพักก็เริ่มมีลูกค้าถามว่าทำไมไม่เปิดสาขาที่อื่นบ้าง ทำให้เธอเริ่มคิดว่าน่าจะทำเป็นโปรดักต์ตัวนี้ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่อยู่ไกลๆ
หลังจากนั้นเจนนี่และหนุ่ม จึงช่วยกันพัฒนาสูตรแจ่วฮ้อนสำเร็จรูปขึ้นมา โดยยังคงรสชาติเดียวกับที่ขายในร้าน แต่มีความเข้มข้นกว่า โดยเป็นสูตรดั้งเดิมจากทางมหาสารคามซึ่งเป็นบ้านของหนุ่ม
“เราก็ตั้งต้นจากสูตรของทางร้านและพัฒนาให้ดีขึ้น เราก็มีการปรับมาเรื่อยๆ ลูกค้าชิมแล้วว่ายังไงเราก็เอามาพัฒนา ตอนแรกเราทำเป็นรุ่นออริจินัลคือ จะอยู่ข้างนอกได้ 2 เดือน แช่ตู้เย็นได้ 6 เดือน เข้าช่องแช่แข็งได้ 1 ปี แต่พอเราขายไปสักพักเริ่มมีออเดอร์จากต่างประเทศ ถ้าจะส่งแบบนี้ไปกว่าจะผ่านอะไรต่างๆ มันก็ไม่ได้ เพราะอยู่ข้างนอกได้แค่ 2 เดือน เราเลยพัฒนาสูตรใหม่ ผ่านการสเตอริไรส์ ทำให้สามารถยืดอายุสินค้าและเก็บได้นานขึ้น ตัวนี้จะอยู่ข้างนอกได้ 1 ปี ไม่ต้องแช่เย็นเลย เราไม่สารกัดบูดด้วยและแพ็คเกจจิ้งเราก็ทำใหม่ให้ดูดีขึ้น”
จุดเด่นของแจ่วฮ้อนยดซดคือความเข้มข้น จัดจ้านถึงใจ แถมยังหอมสมุนไพรมากกว่าที่อื่นโดยเฉพาะตะไคร้ ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะตัวของมหาสารคาม โดยเจนนี่บอกว่าสูตรของเธอนั้นเน้นสมุนไพร เมื่อต้มออกมาแล้วจะได้ความอร่อยแบบเต็มๆ ของแจ่วฮ้อน หอมอบอวนสมุนไพร แค่ใส่ผัก ใส่เนื้อลงไปก็ได้เป็นแจ่วฮ้อนที่พร้อมรับประทานแล้ว
สำหรับช่องทางการจำหน่ายนั้น เจนนี่เน้นการกระจายไปที่ทุกช่องทางให้มากที่สุดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการออกงานแฟร์ต่างๆ การขายออนไลน์ เช่น Shopee, เพจในเฟซบุ๊ก ส่วนออฟไลน์มีขายอยู่ที่แม็คโคร นอกจากนี้ยังขายผ่านตัวแทนจำหน่าย Dealer และขายส่งให้กับร้านอาหารต่างๆ เช่น ร้านชาบูที่ต้องการหาน้ำซุปแจ่วฮ้อนอร่อยๆ
โดยเจนนี่เล่าให้ฟังต่อว่ามีลูกค้าคนไทยจากต่างประเทศเข้ามาด้วยเช่นกัน มีทั้งสหรัฐอเมริกา มาเลเชีย เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีในการส่งแจ่วฮ้อนยกซดให้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น คนไทยในต่างประเทศมักจะคิดถึงรสชาติอาหารไทยแท้และแจ่วฮ้อนยกซดก็ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
แม้ว่าเธอจะเร่งพัฒนาแบรนด์แจ่วฮ้อนยกซดแต่ก็ยังคงทำร้านอาหารไปควบคู่กัน เจนนี่บอกว่าเป็นข้อดีมากในการทำทั้งตัวร้านและโปรดักต์เนื่องจากทั้ง 2 อย่างนี้จะคอยซัพพอร์ทกัน
“การทำธุรกิจ ทำร้านอาหารและต่อยอดมาเป็นโปรดักต์แบบนี้ มันทำให้คนรู้จักทั้งร้านเรามากขึ้นและรู้จักสินค้าเรามากขึ้น อย่างเวลาเราไปสัมภาษณ์หรือออกรายการ คนก็จะตามมากินที่ร้าน เพราะว่าเราก็ใช้เดียวกันเลย นอกจากที่จะสร้างรายได้ให้เรามากขึ้นแล้วยังทำให้คนรู้จักเรามากขึ้นด้วย เป็นการสร้างแบรนด์อย่างหนึ่ง”
เจนนี่ได้ปิดท้ายถึงสิ่งสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจอาหารประสบความสำเร็จคือความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้า หมั่นรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า เพราะลูกค้าจะคอยแนะนำ ส่งเสริม การเป็นผู้ประกอบการที่ดีควรนำความคิดเห็นเหล่านี้กลับมาพัฒนาเพื่อให้สินค้าและบริการของคุณเหมาะสมกับลูกค้าของคุณมากที่สุด
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี