เมื่ออุตสาหกรรมความสวยความงามเติบโตไม่เคยหยุดนิ่ง และมีผู้กระโดดเข้ามาเล่นเป็นจำนวนมาก การสร้างความแตกต่างจึงกลายมาเป็นตัวชูโรงให้กับ วิลเลนดรอฟ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามที่ยกเอาคอนเซปต์ของการสร้างงานสร้างอาชีพมาเป็นจุดขายและจุดแข็งของแบรนด์
ทางด้าน ธนากร บุญวิจิตร ซีอีโอ บริษัท วิลเลนดรอฟ จำกัด บอกว่า ตลาดความงามมีการแข่งขันสูงและมีทิศทางการเติบโตที่ดี นอกจากการแข่งขันทางด้านผลิตภัณฑ์แล้ว การสร้างงานสร้างอาชีพให้กับตัวแทนจำหน่ายเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่เข้ามาต่อยอดความสำเร็จของการทำธุรกิจ
“ทางแบรนด์มีกลุ่มเป้าหมายและช่องทางจัดจำหน่ายชัดเจนที่มุ่งเจาะไปยังตลาดผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของร้านธุรกิจสปาและร้านเสริมสวย ด้วยอัตราการว่างงานที่สูงขึ้นไม่เฉพาะแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและอินโดนีเซีย ทำให้คอนเซปต์สร้างงานสร้างอาชีพเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทำให้บริษัทและร้านธุรกิจได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ทางเรามีการวางแผนซ้อนแผนในการตลาดทำให้บางโปรดักต์ เช่นผลิตภัณฑ์สำหรับนวดหน้าที่ลูกค้าทั่วไปต้องใช้บริการที่ร้านเท่านั้น โดยไม่สามารถซื้อไปทำเองที่บ้านได้ เป็นอีกหนึ่งวิธีผลักดันให้เกิดการจำหน่ายสินค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทางร้าน ซึ่งนอกจากการเทรนเรื่องโปรดักต์แล้วยังเราครอบคลุมไปถึงการเทรนเรื่องการตลาดอีกด้วย”
ภายใต้คอนเซปต์ดังกล่าวนั้นทางแบรนด์จะมีคอร์สอบรมให้กับผู้ประกอบการร้านเสริมสวยหรือธุรกิจสปาให้มีความสามารถในการนวดหน้าและทักษะต่างๆ ซึ่งสามารถนำไปเป็นบริการเสริมในร้านเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับทางร้านได้
“การนวดหน้าเป็นอีกศาสตร์ที่ต้องมีความรู้ เช่นเรื่องของระบบกล้ามเนื้อบนหน้า หรือโรคบางโรคไม่สามารถที่จะนวดได้ เป็นต้น ดังนั้นเราต้องให้ความรู้ที่ถูกต้องกับผู้ประกอบการที่เป็นคนจัดจำหน่ายสินค้าของเราในร้านของเขา ซึ่งอะคาเดมี่หรือโปรเจกต์ศูนย์ฝึกนี้ทำมาได้ 5 ปีและอบรมไปแล้วประมาณ 600 คนในประเทศไทย”
หากมองไปยังตลาดต่างประเทศ เวียดนามเป็นเป้าหมายที่สำคัญและเป็นตลาดหลักของธุรกิจความสวยความงามของทางบริษัท
“ธุรกิจแฟชั่นเกี่ยวกับความสวยความงามเป็นสิ่งที่เวียดนามต้องการ และเวียดนามก็เป็นตลาดหลักของแบรนด์เพราะเป็นตลาดที่โตมีเศรษฐกิจที่ดี นอกจากนี้ หากสินค้าไหนสามารถติดตลาดในเวียดนามได้แล้ว ธุรกิจนั้นมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จสูงด้วยจำนวนของประชากรที่มากและมีกำลังซื้อ ซึ่งการทำธุรกิจที่เวียดนามนั้นเราต้องมีการปรับตัว คือต้องทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็วให้ตอบโจทย์กับพฤติกรรมของชาวเวียดนามที่ทำอะไรรวดเร็ว ไม่ชักช้า”
มาถึงตรงนี้ ธนากร บอกว่า ธุรกิจความสวยความงามยังไปได้อีกไกลและต้องอาศัยการติดตามเทรนด์ต่างๆ เช่นในปัจจุบันผลิตภัณฑ์สำหรับหน้าวีเชฟยังมีความสำคัญ เพราะอยู่ในเทรนด์ของเกาหลี โดยกลุ่มผู้บริโภคจะเป็นผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไปเพราะอยู่ในช่วงวัยที่มีปัญหาเรื่องคางหย่อน หน้าเริ่มหย่อนคล้อย กล้ามเนื้อเริ่มไม่กระชับและเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
นอกจากนี้เทรนด์หน้าวีเชฟยังเป็นที่นิยมในฝั่งเอเชียมากกว่าฝั่งยุโรปซึ่งจะชื่นชอบในส่วนของโปรดักต์แบบสปา อีกทั้งตะวันออกกลาง ยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับอุตสาหกรรมความงามเพราะมีกำลังซื้อสูง ยินดีจ่าย เน้นเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของตัวผลิตภัณฑ์เป็นสำคัญ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี