เบื้องหลังช่องโทรทัศน์ชื่อดังแห่งสปป.ลาว ใครจะไปรู้ว่า 1 ในผู้ก่อตั้งคือคนไทยที่ไปอยู่ที่ลาวกว่า 23 ปี จนได้คลุกคลีกับวัฒนธรรมลาว ผ่านการทำธุรกิจมากมาย จนสุดท้ายก็ได้บุกเบิก LAO Star ซึ่งเป็นช่องทีวีของเอกชนรายแรกในสปป.ลาว จากเดิมที่เคยมีแต่ช่องของรัฐบาล ที่สำคัญยังโด่งดังจนเรตติ้งขึ้นอันดับ 1 ทั่วประเทศ
ปราสิทธิ์ พงษ์นุเคราะห์ศิริ ชายหนุ่มสัญชาติไทยหัวใจลาวคนนี้ได้พูดถึงตัวเองสั้นๆ ว่านิสัยเขาเองเป็นคนที่ชอบคิดอะไร ทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน ที่สำคัญเป็นคนชอบเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ เพราะเป็นคนแบบนี้ จึงทำให้เขาเป็นชายหนุ่มที่บุกเบิกอะไรใหม่ๆ ในสปป.ลาวมากมาย ลองไปย้อนดุจุดเริ่มต้นของการเข้าไปทำธุรกิจที่ลาวกันว่ากว่าจะมาทำช่องทีวี Lao Star นั้น ต้องผ่านอะไรมาบ้าง
เข้าไปทำธุรกิจในสปป. ลาวได้ยังไง?
“ก่อนหน้านี้คุณพ่อทำบริษัทนำเข้าเครื่องมือการเกษตร เครื่องยนต์ต่างๆ ที่ไทย เราเป็นคนนำเข้าจากจีนรายแรกในไทยชื่อคงศิริกลการ ทำมานาน หลังๆ เริ่มอิ่มตัว ประจวบเหมาะกับที่รัฐบาลเราส่งเสริมการลงทุน มีญี่ปุ่นมาเปิดโรงงานในไทย ลาวเปิดประเทศพอดี เรามีโอกาสได้ติดตามคุณพ่อไปงานประมูลเครื่องมือการเกษตรเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน พอเราได้ยื่นซองประมูล จากนั้นก็มีงานต่อเนื่องๆ แล้วก็ไม่ใช่แค่ภาครัฐต้องการแต่ประชาชนก็ต้องการ เราเลยยื่นจดทะเบียนช่วงปี 1991 เราถือหุ้นเอกชน 100% ไม่มีคนลาวร่วมด้วย จากนั้นก็ตั้งโรงงาน มีทีมเซอร์วิสหลังการขาย พี่เลยพาครอบครัวและลูกย้ายมาอยู่ที่ลาว”
ปราสิทธิ์เล่าให้ฟังต่อว่าด้วยความที่เป็นบริษัทรายแรกๆ ที่เข้าไปทำการผลิต เลยสามารถครองใจคนลาวได้ไม่ยาก โดยชื่อของโรงงานเครื่องมือการเกษตรท่าง่อนนั้นดังกระฉ่อน ไม่มีใครไม่รู้จัก หลังจากที่ทำไปได้จนใกล้ครบอายุสัมปทานก็เป็นช่วงที่มีโรงงานจากจีนเข้ามาในสปป.ลาวมากขึ้น ทำให้เครื่องมือการเกษตร เครื่องยนต์จากจีนไหลเข้ามา จนในที่สุดปราสิทธิ์ก็ได้ตัดสินใจถอยจากธุรกิจนี้
ผู้บุกเบิกห้างติดแอร์แห่งแรกในเวียงจันทร์
“ช่วงก่อนที่เราจะหมดสัมปทานและคิดว่าจะไม่ต่อ เราเลยเริ่มคิดว่าจะทำธุรกิจอะไรใหม่ๆ เราก็อยากจะเปลี่ยนอาชีพ เราเลยสร้างศูนย์การค้าติดแอร์แห่งแรกในเวียงจันทร์ชื่อ Planet Center เริ่มสร้างประมาณ 2002 เปิดตัวจริงๆ คือ 2004 พอเราทำไปได้สักปีที่ 3 ก็เริ่มมีนายทุนที่เงินหนากว่าเราเข้ามาทำห้างสรรพสินค้าเหมือนกัน แล้วเขาสร้างใหญ่กว่า เราเลยต้องถอยอีกแล้ว ถ้าดันทุรังเราก็จะเจ็บตัว ระหว่างที่เราทำศูนย์การค้า เรามีสตูดิโอเล็กๆ อยู่ในนั้นด้วย เอาไว้ทำรายการทีวีส่งให้เคเบิ้ลของอเมริกาเพื่อให้คนลาวที่นู่นดู ทำไปสักระยะหนึ่งก็มีผู้ใหญ่มาเห็นแล้วก็บอกว่า เอ้า ทำไมไม่ทำให้คนลาวดูด้วย ทำไมทำให้แต่คนต่างประเทศดู เลยกลายเป็นที่มาของ Lao Star ในปัจจุบัน”
ช่องทีวีเอกชนรายแรกของสปป. ลาว
ก่อนหน้าที่ Lao Star จะแจ้งเกิด ช่องโทรทัศน์ของสปป. ลาวในก่อนหน้านี้จะเป็นของรัฐบาลทั้งหมด โดยปราสิทธิ์และเพื่อนนับว่าเป็นผู้ก่อตั้งช่องโทรทัศน์เอกชนรายแรกของสปป.ลาว
“เราเป็นเอกชนรายแรกที่ขอช่องได้ นอกนั้นเป็นของรัฐบาลหมดเลย แต่เราเข้าใจว่าความทันสมัยของมุมมองรัฐบลมันจะเป็นรูปแบบหนึ่ง ของเอกชนจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง พอเขาเห็นตัวอย่างรายการที่เราส่งช่องเคเบิ้ลไปอเมริกาแล้วมันเวิร์คไง ตอนนั้นพี่เป็นคนทำรายการ ดูฝ่ายโปรดักส์ชั่น ส่วนเพื่อนจะอยู่ฝ่ายบริหาร เราอยู่ลาวมานาน รู้ภาษาลาว รู้วัฒนธรรมลาว รู้ว่าจะขายอะไร พี่ก็แต่งเพลงเยอะมากเลยที่ใช้ในรายการ จนทุกวันยังมี 6-7 รายการที่ใช้เพลงที่พี่แต่งอยู่ แรกๆ ที่เราทำ บุคลากรก็ยังไม่มีความรู้ด้านนี้มากนัก แต่ตัวเราเองชอบมาก ใฝ่ฝันอยากทำทีวี อาศัยความชอบกับลูกบ้า พอมาทำแล้วมันมีความสุข ทำงานได้ทั้งวันทั้งคืน พอเห็นรายการที่เราทำมันออกอากาศแล้วมีคนชอบ มันมีความสุข”
โดยในช่อง Laos Star ก็มีครบครันทุกประเภทรายการ ตั้งแต่ข่าว รายการทำอาหาร รายการเพลง รายการรถ ซึ่งมี 3 รายการที่ปราสิทธิ์รับผิดชอบในปัจจุบันคือ รายการทำอาหารชื่อ อิ่มแซบแคมทาง รายการวาไรตี้ สัมภาษณ์ดารา ศิลปินชื่อ ซูมซูมวาไรตี้และรายการเพลงชื่อ Music onsen
กว่าจะทำให้คนรู้จัก Lao Star ทั้งประเทศ
ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของการทำ Lao Star คือกลยุทธ์การทำตลาดให้คนทั่วทั้งประเทศได้รู้จักช่อง Lao Star ในยุคที่ออนไลน์ยังไม่มี ต้องใช้การบอกปากต่อไปเท่านั้นถึงจะได้ผล
“ตอนที่เราทำ Lao Star ใหม่ๆ ยังไม่มีใครรู้จักเรา วิธีทำตลาดของเราคือใช้ช่างทีวี เป็นคนไปจูนเสา เวลาเขาไปก็จะไปจูนเสาตามที่ต่างๆ ใครอยากดูช่อง Lao Start บ้าง มีทีวีลาวเพิ่งเปิดช่อง อะไรแบบนี้ แล้วทุกคนดูได้หมด อยู่หุบเขาไหนก็ดูได้เพราะเรายิงขึ้นดาวเทียม ขนาดผู้อำนวยการแต่ละคนไปกินข้าวที่ร้านไหน ก็จะถามว่ามี Lao Star รึยัง ถ้ายังเราก็ไปจูนให้เลย ใช้วิธีนี้ จนประมาณปีหนึ่ง Lao Star ก็ได้เรตติ้งอันดับหนึ่งของประเทศเลย”
ต่อยอดจากทีวีด้วยบริษัทเอเจนซี่ในลาว
หลังจากที่ช่องทีวีเริ่มอยู่ตัว ปราสิทธิ์ได้บุกเบิกอีกหนึ่งธุรกิจใหม่คือบริษัทเอเจนซี่ชื่อ Infinity เพื่อดูแลเรื่องการตลาด ทำโฆษณาให้ลูกค้าได้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้คนสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ลึกขึ้นแบบ Below the line เลยทีเดียว
นอกจากนี้ Infinity ยังได้จัดงาน Event ต่างๆ ที่ทำให้สปป. ลาวมีความคึกคัก ในปีที่เปิดตัว 2009 ได้จัดงานสงกรานต์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นครั้งแรกที่เวียงจันทร์ มีการถ่ายทอดสดด้วยและยังมีการจัดงานมอบรางวัลชื่อนากทองคำหรือนาคาอวอร์ด มอบรางวัลให้คนในวงการบันเทิงเหมือนของประเทศไทยอีกทั้งยังมีการเชิญดาราจากเมืองไทยไปด้วย
โดยกว่าที่จะมายืนได้ในจุดนี้ ปราสิทธิ์ได้ผ่านมรสุมมาหลายช่วง เช่น ช่วงค่าเงินตก กระทบกับธุรกิจ แต่สุดท้ายปัญหาทุกอย่างก็ผ่านไป ปราสิทธิ์ได้เล่าถึงสิ่งที่ทำให้เขาทำธุรกิจในสปป.ลาวมาได้จนถึงทุกวันนี้แม้ว่าในตอนนี้เขาจะกลับมาทำธุรกิจที่ประเทศไทย แต่ภรรยาและลูกก็ยังคงดูแล Lao Star อยู่
“ผมอยู่ที่ลาวมา 23 ปี ตอนแรกเราก็คิดว่าจะอยู่ที่นั่นตลอดชีวิต ผมชอบความมีอัธยาศัยของคนลาว ชอบความจริงใจ อย่างเวลาเราขายของหน้าร้าน คนลาวมาซื้อ เขาพูดขอบคุณเราเร็วกว่าที่เราต้องพูดขอบคุณเขาอีก เขาถูกปลูกฝังว่าจะต้องพึ่งพาศัยกัน มีอัธยาศัยที่ดี เป็นวิถีชีวิตของเขา เราติดใจเสน่ห์คนลาวที่ไม่เสแสร้ง ตรงไปตรงมา ตั้งแต่ผมทำมา เจอมรสุมมาก็หลายช่วง ค่าเงินอ่อน เราก็ขาดทุนแล้ว แต่สุดท้าย เราก็อยู่ได้”
และนี่ก็เป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค แม้จะต้องถอยมาจากหลายธุรกิจและต้องเริ่มใหม่อยู่หลายครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็ได้ทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงคือการทำรายการทีวี มีช่องโทรทัศน์เป็นของตัวเอง ทุกอย่างเกิดจากความคิดริเริ่ม ลูกบ้าและความกล้าที่ไปพร้อมๆ กัน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี