Mark Zuckerberge เริ่มต้น Facebook ในหอพักตั้งแต่ปี 2004 ตอนนั้นเขามีอายุแค่ 20 ปีเท่านั้น หรือ Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Twitter ก็ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นกัน แหม! ทำไมคนยุคใหม่เริ่มต้นทำธุรกิจดูง่ายดายแบบนี้ แล้วคนอายุ 30+ 40+ อย่างเราที่ยังเพิ่งเริ่มทำธุรกิจแบบเตาะแตะๆ หรือแม้แต่คนที่เริ่มเข้าสู่วัยกลางคนก็เริ่มถอดใจว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบการกับเขาสักครั้ง เริ่มต้นตอนนี้คงช้าเกินไป ไม่ทันเด็กๆ รุ่นใหม่เขาหรอก ต้องขอให้ทุกคนโยนความคิดอันนั้นทิ้งไปก่อน! เพราะมีผลสำรวจมาว่า ยิ่งคุณเริ่มต้นธุรกิจช้าเท่าไหร่ ยิ่งมีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จมากเท่านั้น
โดยผลสำรวจจาก Kauffman Foundation ได้บอกว่า 3/4 ของผู้ประกอบการหน้าใหม่ในปี 2014 เป็นคนอายุระหว่าง 35 – 64 ปี โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 45 ปีหรืออายุมากกว่านั้น สอดคล้องกับบทความที่ตีพิมพ์ใน Harvard Business Review จาก MIT Sloan School of Management ที่สำรวจผู้ประกอบการในสหรัฐอเมริกาพบว่ากลุ่มผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จจะมีอายุเฉลี่ยที่ประมาณ 45 ปี
‘ช้าแต่ชัวร์’ นิยามของผู้ประกอบการหน้าใหม่วัยเก๋า
คุณอาจจะเห็นเด็กยุคใหม่ มีความฝันที่อยากเป็นนายตัวเอง เรียนจบปุ้ป ขอเงินพ่อแม่ทำธุรกิจปั้ป หลายคนอาจจะเริ่มต้นสร้างตัวทีละนิดแต่มีอีกหลายคนที่ลงเงินตู้มเดียว เล่นใหญ่ ทำธุรกิจใหญ่แต่สุดท้ายด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อยก็อาจจะทำให้ต้องล่าถอยในเกมธุรกิจ
แต่สำหรับคนรุ่นเก่า ที่ยังคงเน้นเรื่องของความชัวร์ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการทำงานหลายแห่งสัก 5 - 10 ปี เขาเรียนรู้ประสบการณ์ทำงานจากองค์กรต่างๆ สั่งสม Connection เรียนรู้วิธีแก้ปัญหาจากเจ้านายหรือบางคนก็ไต่ระดับจนกลายเป็นเจ้านายคนอื่นในที่สุด บุคคลเหล่านี้เมื่อตัดสินใจสร้างธุรกิจในช่วงเวลาที่ชัวร์แล้ว จึงมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จได้มากกว่าเด็กรุ่นใหม่ ที่มีไฟแต่ไร้ประสบการณ์ นี่แหละคือจุดที่ต่างกัน
เงินพร้อม ใจพร้อม เราทำได้
นอกเหนือจากเรื่องของประสบการณ์ที่เหนือกว่าของผู้ประกอบการที่เริ่มต้นช้าแต่ชัวร์ อีกเรื่องที่ทำให้คนกลุ่มนี้มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จมากกว่าคือเรื่องความพร้อมทางการเงิน เพราะคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น ส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นด้วยการกู้เงินเพื่อมาลงทุนในธุรกิจ แต่สำหรับคนที่อายุมากกว่าจะมีเงินเก็บ มีเครดิตที่ดีกว่า หลายคนอาจจะออมเงินตั้งแต่อายุยังน้อย ลงทุนกับหุ้นหรือกองทุน จนทำให้พวกเขาสามารถนำเงินเหล่านี้มาเริ่มต้นธุรกิจโดยที่ไม่ต้องกู้ยืมเงินในช่วงเริ่มต้น
อีกทั้งคนที่อายุมากขึ้นมักจะเข้าสู่ภาวะปลอดหนี้ ผ่อนบ้านผ่อนรถหมดแล้ว ไม่ต้องกังวลกับการสร้างเนื้อสร้างตัวเพราะชีวิตพวกเขาพร้อมแล้ว มีทั้งประสบการณ์ มีทั้งเงิน มีมุมมองที่กว้างกว่าเด็กรุ่นใหม่ แม้เรื่องเทคโนโลยีอาจจะสู้ไม่ได้แต่ใจพร้อมสุด นอกจากคำว่าเกษียร เลิกทำงานที่อายุ 60 ปี อาจจะเป็นแนวคิดแบบเก่าไปแล้ว เพราะผู้ใหญ่ในยุคนี้ไม่ว่าจะอายุมากแค่ไหนก็ไม่เป็นปัญหาในการทำงาน ยิ่งเก๋ายิ่งเก่งยิ่งสนุกกับการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ไม่ต่างจากเด็กๆ เลยล่ะ
Cr: unsplash
อายุเยอะแบบนี้แล้วจะเริ่มยังไง
สำหรับคนที่อยากจะเริ่มทำธุรกิจ อายุเท่าไหร่ไม่ใช่ปัญหา เด็กๆ ที่อายุน้อย เริ่มต้นไวก็ได้เปรียบแถมยังมีต้นทุนเรื่องเทคโนโลยีที่เชี่ยวชาญกว่าคนอายุ 30+ ส่วนคนที่อายุเยอะยิ่งเป็นเรื่องดีที่จะเริ่มต้นธุรกิจเพราะคุณมีต้นทุนในชีวิตที่เหนือกว่า ประสบการณ์มากกว่า เงินพร้อมกว่า ใจยิ่งพร้อมเข้าไปใหญ่ เพียงแต่คุณอาจจะต้องนำประสบการณ์ในชีวิตในประมวลผลดูว่าคุณเก่งด้านไหน เชี่ยวชาญด้านในหรืออยากจะแก้ไขปัญหาเรื่องอะไรที่เคยเจอมาในชีวิต ก็จะทำให้คุณจับทางได้ว่าควรจะต้องเริ่มต้นทำธุรกิจอะไร
นอกจากนี้อย่าลืมดูตลาด ศึกษาว่าตลาดที่คุณจะลงเล่นคุณถนัดไหม ถ้าคุณไปแข่งด้านที่ไม่ถนัดกับเด็กรุ่นใหม่ก็อาจจะทำให้คุณเสียเปรียบ ลองมองหาช่องว่างในตลาดที่ยังไม่มีใครเล่น ก็อาจจะทำให้คุณเข้าไปถมช่องว่างตรงนั้นได้ ที่สำคัญที่สุดเลยคือพยายามทำความเข้าใจการทำธุรกิจยุคใหม่ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เช่น การใช้ Social Media หรือการทำตลาดออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของคุณ เพราะเดี๋ยวไม่ว่าจะผู้บริโภค Gen ไหน ก็หันมาใช้ Social ในชีวิตประจำวันกันหมดแล้ว หากว่าคุณไม่ถนัดก็อาจจะต้องหาผู้ช่วยสักคนหนึ่งเพื่อทำให้ธุรกิจของคุณครบเครื่องยิ่งขึ้น
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี