เมื่อโลกของอีคอมเมิร์ซนับวันยิ่งขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญในอุตสาหกรรมดังกล่าวจำเป็นต้องพัฒนาและปรับตัวตาม เพื่อให้ก้าวทันกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่เกิดขึ้น โดยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการปรับตัวและยกระดับธุรกิจ นั่นคือ นวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งนับเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า เช่นเดียวกับยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ที่สร้างการเป็นผู้นำทางธุรกิจด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นใบเบิกทาง ซึ่งจากการเปิดเผยของ เควิน เบอร์เรล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย และ สุนนท์ หัตถสิงห์ รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย จะทำให้คุณเห็นว่าวันนี้ดีเอชแอล ซัพพลายเชน เดินหน้าไปพร้อมๆ กับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเข้ามาช่วสร้างการเติบโตให้ธุรกิจโลจิสติกส์
อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ต้องปรับตัว
เควิน: พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและมีความหลากหลายในแบบเฉพาะตัวมากขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่เข้ามากำหนดรูปแบบการให้บริการต่อลูกค้า เราจะเห็นว่าในอดีตผู้ให้บริการในอุตสาหกรรมการขนส่งหรือโลจิสติกส์นั้นจะเป็นไปในลักษณะผลักดันสินค้าที่มีอยู่ในมือให้กับผู้บริโภค แต่ในปัจจุบันผู้บริโภคจะเป็นคนบอกเองว่าต้องการสินค้านี้ ต้องการบริการแบบนี้ เพราะฉะนั้นลูกค้าของดีเอชแอลต้องมีการปรับตัวเช่นเดียวกันกับทางบริษัทที่ต้องมีการปรับบริการต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีมากขึ้นได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ
แล้วอะไรคือตัวช่วยที่จะขาดไม่ได้เลย หากจะก้าวเป็นผู้นำของวงการ
เควิน: เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นผู้ช่วยสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของบริษัท ทุกวันนี้ความท้าทายของซัพพลายเชนที่ให้บริการส่งของในระบบโลจิสติกส์นั้นอยู่ที่จะทำยังไงให้สามารถบริการได้อย่างรวดเร็ว ส่งของได้อย่างไม่ผิดพลาด มีบริการขนของหลากหลายแบบ หลายชนิดและมีน้ำหนักมากได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะทำอย่างได้นั้นก็ต้องอาศัยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วย
มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีอะไรบ้างที่ดีเอชแอล ซัพพลายเชน นำมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
Ring Scanner
เควิน: บริษัทได้มีการนำเอา Ring Scanner เครื่องสแกนระบบบลูทูธแบบสวมนิ้วเข้ามาใช้ ซึ่งช่วยให้สแกนบาร์โค้ดได้อย่างรวดเร็วโดยที่พนักงานยังมีมือว่างสำหรับทำงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้ในเวลาเดียวกันต่างจากในสมัยก่อนที่คนทำหน้าที่ตรงนี้จะต้องแบกเอกสารเป็นชุดๆเพื่อทำการตรวจสอบสินค้าทำให้ไม่มีมือในการที่จะทำงานอื่นๆได้
Vision Picking
นอกจากนี้ยังมีการใช้ Vision Picking เทคโนโลยีแว่นอัจฉริยะคุณภาพสูงที่สามารถแสดงข้อมูลที่ชัดเจนในการสร้างภาพเสมือนจริง (Augmented reality) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในคลังสินค้า เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้พนักงานสแกนบาร์โค้ดผ่านทางการใช้แว่นตาซึ่งจะช่วยบอกตำแหน่งของสินค้านั้นๆได้
Automated Order Picking
รวมไปถึงการใช้ Automated Order Picking รถหยิบของอัตโนมัติที่จะเดินตามพนักงานไปทุกที่โดยที่พนักงานไม่ต้องเข็นเอง โดยตัวรถจะมีระบบเซ็นเซอร์ที่จะสั่งหยุดเดินทันทีเมื่อเห็นคนเพื่อป้องกันการชนเข้ากับพนักงานอื่นและเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน
Collaborative Robots
และการใช้ Collaborative Robots หุ่นยนต์ที่สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย เพื่อรองรับงานที่ซับซ้อนและต้องทำซ้ำๆกันตลอดเวลาและลดความผิดพลาดในการทำงานที่อาจเกิดขึ้นได้ในพนักงานที่เป็นคนซึ่งต้องทำงานแบบซ้ำๆ
แล้วยังมีอะไรอีกบ้าง
Vision Picking Robots
เควิน: นอกจากนี้เรายังใช้ Autostore เครื่องหยิบสินค้าและนำไปวางในตำแหน่งที่ต้องการแบบอัตโนมัติช่วยให้พนักงานไม่ต้องเดินไปหยิบสินค้าเอง หรือจะเป็น Vision Picking Robots หุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ในการไปหยิบสินค้าบนชั้นวางและนำสินค้านั้นมาให้พนักงาน รวมไปถึง Telematics อุปกรณ์ติดตั้งบนรถขนส่งทุกคันของดีเอชแอลเพื่อทำการเก็บข้อมูลและนำมาใช้ในการวางแผนการเดินรถและควบคุมพฤติกรรมของพนักงานขับรถซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานให้มีมากขึ้น รวมถึง Internet of Things การใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาช่วยในการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ที่จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมองไปที่การทดลองใช้โดรนในการตรวจสอบสินค้าในที่สูงภายในคลังสินค้าแทนพนักงานอีกด้วย
เทรนด์อนาคตของโลจิสติกส์ที่ควรจับตานั้นมีอะไรบ้าง
เควิน: แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องของการใช้ Automation หรือการนำเอาเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีมาทำงานต่างๆแทนมนุษย์ การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการดำเนินงาน รวมไปถึงรูปแบบการให้บริการขนส่งที่ต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบถึงบ้านมากขึ้นหรือแม้กระทั่งการส่งของไปยังท้ายรถของลูกค้า ซึ่งเรื่องของราคา ประสิทธิภาพและการให้บริการได้ตามที่ลูกค้าต้องการถือเป็นปัจจัยสำคัญที่พวกเขาจะเลือกใช้บริการของบริษัทที่ทำเรื่องนี้
สิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยสำหรับลูกค้าสมัยนี้คืออะไร
สุนนท์: สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการคือ เรื่องของความถูกต้องในการขนส่งที่ต้องส่งของให้ถูกต้องตามออเดอร์ที่สั่ง ไปส่งยังสถานที่ที่ระบุไว้ได้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่ลูกค้าบอกว่าให้ไปส่งที่บ้านแต่ไปส่งที่ทำงาน รวมถึงต้องมีความรวดเร็วในการขนส่ง ถ้าเรานัดหมายเขาแล้วเราจะต้องไปส่งตามเวลานัดหมายที่ได้บอกเอาไว้ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักที่ลูกค้าต้องการจากผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์
เมื่อโลกดิจิตอลมีบทบาทมากขึ้นส่งผลให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
สุนนท์: สิ่งที่เห็นได้อย่างหนึ่งเมื่อโลกอยู่ในยุคดิจิตอลคือ การเพิ่มขึ้นของซัพพลายเออร์เพราะในปัจจุบันไม่ว่าใครก็สามารถที่จะขายของได้แค่เข้าไปในอินเทอร์เน็ต เข้าไปในมาร์เก็ตเพลสหรือคลังสินค้าบนโลกออนไลน์เพื่อนำสินค้าเข้าไปอยู่ในที่นั้นๆ และขายไปยังลูกค้า ส่งผลให้ธุรกิจ E-commerce มีการเติบโตมากขึ้น ซึ่งคนทั่วไปสามารถที่จะผลิตของหรือสั่งสินค้าจากต่างประเทศแล้วเอามาทำเป็นแบรนด์ของตัวเองและนำไปขายในมาร์เก็ตเพลสของบริษัท E-commerce ต่างๆ เป็นการเพิ่มช่องทางการขายได้อย่างหนึ่ง ดังนั้นเรื่องของเทคโนโลยี ความทันสมัยและระบบต่างๆ จึงมีความสำคัญมากในการนำมาใช้เก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นเพื่อนำเอามาวิเคราะห์ปรับใช้สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการจัดเก็บและการขนส่งไปยังลูกค้า
อย่างที่เห็นว่าวันนี้เทรนด์รักษ์โลกมาแรง มีการปรับกลยุทธ์รับกับเทรนด์นี้ยังไงบ้าง
สุนนท์: อย่างแรกที่เราทำแล้วก็คือตัว LED Lighting ระบบไฟฟ้าที่สามารถเปิด-ปิดได้อัตโนมัติ เมื่อมีคนเดินผ่านไฟก็จะติด เมื่อไม่มีคนมันก็จะดับ โดยวางแผนที่จะทำให้ครอบคลุมทุกคลังสินค้าที่เรามี รวมไปถึงการใช้แผงโซลาร์สำหรับเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าในคลังสินค้าเพื่อลดค่าใช้จ่ายและประหยัดพลังงาน และการติดตั้งแผงโซลาร์ที่รถขนส่งเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานให้กับตัวรถและลดความร้อนภายในรถซึ่งจะทำให้โปรดักต์ที่เราส่งอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์นั่นเอง
ทั้งหมดนี้ คือนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจโลจิสติกส์ยุคใหม่
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี