ในแต่ละชุมชนของประเทศเรา เต็มไปด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น วัตถุดิบชั้นดี ชาวบ้านที่มีศักยภาพแต่สินค้าระดับชุมชนนั้นกลับขายไม่ได้ราคา บางคนขายสินค้าเดิมๆ เป็น 10 ปีก็ยังไปไหนไม่ได้สักที นั้นเป็นเพราะอุปสรรคหลายด้าน เช่น แพ็คเกจจิ้ง สินค้าไม่มีอย. ผู้คนยังเข้าไม่ถึงตัวสินค้า เป็นต้น ท้ายที่สุดสินค้าของชุมชนก็ไปได้ไกลแค่ร้านขายของฝากหรือขายกันเองในชุมชนเท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว สินค้าของชุมชนหากถูกพัฒนาให้ถูกทางจะ
สามารถกลายเป็นสินค้าระดับประเทศหรือระดับโลกได้เลยทีเดียว
สามารถกลายเป็นสินค้าระดับประเทศหรือระดับโลกได้เลยทีเดียว
"ธรรมศาสตร์โมเดล" เป็นโครงการธุรกิจเพื่อชุมชน อยู่ในหลักสูตรบริหารควบปริญญาตรี-โท ทางบัญชีและบริหารธุรกิจของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยธรรมศาสตร์โมเดลทำหน้าที่เป็นสะพานทอดระหว่างชุมชน นักศึกษารวมถึงเหล่า Corporate ที่จะช่วยเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจระดับชุมชนให้เติบโตไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืนด้วยการให้นักศึกษาเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาสินค้าชุมชน ปั้นแบรนด์ ให้สามารถขายได้จริง โดยองค์กรต่างๆ จะเข้ามาสนับสนุนเรื่องของ Knowhow เป็นพาร์ทเนอร์ในการพัฒนาสินค้าชุมชน
รองศาสตราจารย์ ดร.พิภพ อุดร คณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธรรมศาสตร์โมเดลได้บอกว่าธรรมศาสตร์โมเดลเปรียบเสมือนพื้นที่ห้องเรียนของนักศึกษาที่จะสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมและชุมชนได้จริง
“พื้นที่ของชุมชนเปรียบเสมือนห้องเรียนของนักศึกษา สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ผลลัพธ์แต่มันคือสำนึกที่ทุกคนมีร่วมกันในการสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมและชุมชน ผลักดันให้ชุมชนก้าวไปข้างหน้า ผมตั้งความหวังว่าสถานศึกษาในประเทศไทย จะมีโมเดลแบบนี้เช่นกัน คือสถานศึกษาเลือกชุมชนให้นักศึกษาลงพื้นที่ จับมือกับ Corporate เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ 3 ฝ่ายจับมือกันเราเรียกว่าธรรมศาสตร์โมเดล ช่วยกันคิดค้นพัฒนาอะไรใหม่ๆ ผมจะไม่พูดว่าธรรมศาสตร์โมเดลเป็นของธรรมศาสตร์ แต่ธรรมศาสตร์โมเดลเป็นของทุกคน ทุกคนสามารถช่วยกัน นำโมเดลของเราไปใช้ ไม่ต้องเอาชื่อเราไปก็ได้ ทำให้เกิดขึ้นกับทุกชุมชนในประเทศไทย ช่วยพัฒนาชุมชนให้ดีขึ้น”
ลองมาดูตัวอย่างแบรนด์เก๋ๆ จากชุมชนที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นจากธรรมศาสตร์โมเดล กันดีกว่า
1.Rice Me @วิสาหกิจชุมชนเกาะกก
จากข้าวไรซ์เบอร์รี่ได้ถูกแปรรูปกลายมาเป็น Snack Bar ในแบรนด์ Rice Me ที่นำข้าวไรซ์เบอร์รี่มาอัดเป็นแท่ง ปรุงรสอร่อย ใส่ธัญพืช ทำให้กินง่ายขึ้น รสชาติอร่อยถูกใจ ที่สำคัญยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ชอบอาหารสุขภาพ คนออกกำลังกายและคุมน้ำหนัก แท่งหนึ่งอิ่มอร่อยอยู่ที่ 220 แคลอรี่เท่านั้นเอง
1.Rice Me @วิสาหกิจชุมชนเกาะกก
จากข้าวไรซ์เบอร์รี่ได้ถูกแปรรูปกลายมาเป็น Snack Bar ในแบรนด์ Rice Me ที่นำข้าวไรซ์เบอร์รี่มาอัดเป็นแท่ง ปรุงรสอร่อย ใส่ธัญพืช ทำให้กินง่ายขึ้น รสชาติอร่อยถูกใจ ที่สำคัญยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ชอบอาหารสุขภาพ คนออกกำลังกายและคุมน้ำหนัก แท่งหนึ่งอิ่มอร่อยอยู่ที่ 220 แคลอรี่เท่านั้นเอง
2.Horm Herb @วิสาหกิจชุมชนเกาะกก
Horm Herb อีกหนึ่งแบรนด์น่าสนใจที่แปลงโฉมจากลูกประคบสมุนไพรราคาไม่ถึงหนึ่งร้อยบาทให้กลายเป็นหมอนรองคอสมุนไพร ราคา 400 บาท ในรูปลักษณ์ที่ดูดี สามารถเพิ่มมูลค่าได้หลายเท่าตัวเลยทีเดียว ที่สำคัญยังใช้งานง่าย หอมสมุนไพรเต็มๆ
3.Cassy Chips @ศพก.บ้านฉาง
มันสำปะหลังปกติราคาขายอยู่ที่ 1-2 บาทต่อกิโลกรัม แต่ Cassy Chips สามารถเพิ่มมูลค่าให้มันสำปะหลังได้ที่ 10 บาท/ 1 กิโลกรัม ช่วยชาวบ้านในชุมชนที่ปลูกมันสำปะหลังให้มีชีวิตที่ดีขึ้น โดยมันสำปะหลังที่นำมาใช้ในการทำ Cassy Chips คือมัน 5 นาทีซึ่งเป็นพันธุ์ที่ชาวบ้านปลูกกัน หลังจากที่นำมัน 5 นาทีมาสไลด์และทอดเสร็จแล้วก็ปรุงรสด้วยน้ำพริกเผาหรือสมุนไพร นำใส่แพ็คเกจจิ้งที่ดูดี มีคุณภาพ ขายได้ในราคาซองละ 35 บาท สร้างมูลค่าเพิ่มได้ถึง 11 เท่าเลยทีเดียว
4.Chalud @ชุมชนมาบชลูด
แบรนด์ Chalud ช่วย Makeover จากกระเป๋าผ้าธรรมดาของชุมชนมาบชะลูดให้กลายเป็นกระเป๋าเก๋ไก๋มีดีไซน์ สามารถขายได้ถึงใบละ 200 – 300 บาท จากที่เคยขายได้แค่ใบละ 100 บาทเท่านั้น ซึ่ง Chalud นั้นเปลี่ยนทั้งลวดลายของผ้าให้ดูทันสมัย มีรูปแบบที่หลากหลายและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่มากยิ่งขึ้น
5.รสชะมวง @ชุมชนตำบลเนินพระ
จากใบชะมวงที่หลายคนรู้จักการนำมาทำแกงหมูชะมวง ก็ได้ถูกแปรรูปอย่างสร้างสรรค์ให้กลายเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรใบชะมวง โดยความยากคือการทำให้น้ำชะมวงมีรสชาติที่คงที่เหมือนกันทุกขวดรวมถึงการยืดอายุให้ยาวนานขึ้น จนสุดท้ายก็ได้ออกมาเป็นน้ำชะมวงรสชาติอร่อย ดื่มแล้วชื่นใจ ดีต่อสุขภาพอีกด้วย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี