กว่าที่คนคนหนึ่งจะฝ่าฟันอุปสรรคและกลายมาเป็นผู้ประกอบการที่สำเร็จนั้นไม่ง่าย คุณต้องใช้ทั้งความพยายาม ความอดทน ความขยัน ความรู้และความสามารถ เมื่อถึงจุดสูงสุดที่คุณยืนอยู่ คุณคงเต็มไปด้วยความภาคภูมิ แต่หลายคนกลับมีอีโก้ที่เพิ่มขึ้นมาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เมื่อคุณอยู่ในจุดที่สูง คุณมักจะมองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณทำ รวมทั้งคุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้แหละที่จะกลายเป็นดาบแหลมคมที่ทิ่มแทงคุณในตอนสุดท้าย ดังนั้นหากคุณอยากเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จแบบยั่งยืน ต้องหลีกเลี่ยงการทำ 7 สิ่งสุดเฟลเหล่านี้ที่อาจจะทำลายชีวิตการเป็นผู้ประกอบการของคุณได้
1. พูดอย่างเดียวแต่ไม่ทำ
ในการเป็นผู้ประกอบการโดยเฉพาะระยะเริ่มต้น คุณมักจะใช้เวลากว่า 80% ในการพูดคุยไอเดียใหม่กับทีม ใช้เวลาครุ่นคิดว่าจะต้องทำอย่างไรในการพัฒนาธุรกิจ แต่ท้ายที่สุดกลับมีแค่ไอเดียน้อยนิดที่ถูกเอามาใช้แบบจริงจัง นอกจากนี้ผู้ประกอบการหลายท่านอาจเสียเวลามากมายไปกับการประชุม พูดคุยสิ่งต่างๆ จนลืมลงมือทำ บางครั้งคุณอาจจะลืมสิ่งที่คุณเคยพูดไปทำให้คุณกลายเป็นผู้ประกอบการที่ดูไม่น่าเชื่อถือไปในที่สุด
2. ตั้งเป้าหมายที่เกินจริง
เชื่อว่าผู้ประกอบการหลายคนอยากที่จะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว บางคนใช้ทางลัด บางคนใช้วิธีการตั้งเป้าหมายสูงๆ เข้าไว้ ซึ่งการตั้งเป้าหมายเป็นอะไรที่ดีแน่นอนอยู่แล้ว แต่การตั้งเป้าหมายที่สูงเกินไปและดูท่าจะทำไม่ได้นั่นอาจทำให้คุณเจ็บหนัก เมื่อคุณตั้งเป้าหมายที่ดูจะเป็นไปไม่ได้ คุณต้องใช้ทั้งแรงกาย แรงคน แรงเงิน ทุ่มลงไปเพื่อทำให้เป้าที่คุณคิดไว้สำเร็จ แต่กว่าที่จะสำเร็จมันอาจทำให้คุณเสียทรัพยากรไปมากโดยไม่จำเป็น อย่างที่มีคนเคยบอกไว้ว่า ให้รบในสนามที่เรารู้อยู่แล้วว่าจะชนะ สิ่งที่คุณควรทำคือการวางแผน มองดูตัวเองว่าพร้อมมากแค่ไหน มีทั้งการวางแผนในระยะสั้นและระยะยาว ตั้งเป้าหมายที่ดูท้าทาย ไม่ใช่เป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้
3. ผัดวันประกันพรุ่ง
ไม่ใช่แค่คนทั่วไปเท่านั้นที่มีอารมณ์ขี้เกียจเข้าครอบงำ แต่ผู้ประกอบการบางคนก็มีอารมณ์แบบนี้เช่นกัน บางทีเวลาที่คุณต้องจัดการอะไรมากมายหลายอย่าง แล้วคุณคิดว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยทำเมื่อไหร่ก็ได้ นั่นคือการผัดวันประกันพรุ่ง ยืดเวลาออกไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายอะไรก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง คุณควรที่จะมีเป้าหมายให้ตัวเองในแต่ละวัน ว่าคุณต้องจัดการอะไรให้เสร็จบ้าง รวมทั้งการวางแผนให้ธุรกิจ คุณจะได้รู้ว่าคุณต้องทำอะไรก่อน อะไรหลัง
4. ขาดความมุ่งมั่นและอดทน
เวลาที่คุณก้าวเข้ามาสู่วงการธุรกิจแรกๆ มันอาจจะเต็มไปด้วยไฟและพลังในด้านบวก แต่เมื่อทำไปสักพัก ไฟเหล่านี้ก็มอดลงได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าเจอปัญหาและอุปสรรคแล้วล่ะก็ อาจส่งผลให้คุณถึงกับล้มเลิกการทำธุรกิจเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นความเฟลสุดๆ สำหรับการเป็นผู้ประกอบการก็คือการขาดความมุ่งมั่นและความอดทน ถ้าคุณมีสิ่งเหล่านี้ไม่พอ ชีวิตการเป็นผู้ประกอบการของคุณอาจจะสั้นแค่นิดเดียว แต่ถ้าคุณอดทนในสิ่งที่กำลังทำ เราเชื่อว่าธุรกิจของคุณจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
5. มีปัญหาเรื่องการจัดการ
ความยากอย่างหนึ่งของการทำธุรกิจนั่นคือการบริหารจัดการสิ่งต่างๆ คุณต้องบริหารทั้งคน บริหารทั้งการผลิต ดูเรื่องของการทำตลาด การขายไปจนถึงการพัฒนาธุรกิจในอนาคต ทำให้คุณอาจจะต้องปวดหัวอยู่บ่อยๆ ที่สำคัญมันยากมากเลยทีเดียวในการมี Work-life Balance ดังนั้นการแบ่งเวลาคือเรื่องที่สำคัญ ลองหาลูกน้องที่ไว้ใจได้สักคนไว้ตัดสินใจเรื่องต่างๆ แทนคุณเวลาที่คุณไม่อยู่ นอกจากนี้การมีเวลาให้ครอบครัวเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ อย่าทำงานหนักเกินไปจนละเลยคนข้างๆ
6. หมุนเงินปนกัน
ผู้ประกอบการหลายคนโดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นมักจะมีปัญหาเรื่องการเงินอย่างหนึ่งคือการไม่ตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง ทำให้คุณใช้จ่ายอย่างไม่ระมัดระวัง ยิ่งเงินเข้าธุรกิจเยอะ ยิ่งใช้เยอะ ทำให้คุณมีปัญหาตามมาทีหลังได้ คุณควรที่จะเริ่มตั้ง เงินเดือนให้ตัวเอง แบ่งเงินเอาไว้สำหรับการพัฒนาธุรกิจ ทำรายรับรายจ่ายและดูแลเรื่องของบัญชีให้ละเอียดรอบคอบ นอกจากนี้ไม่ควรเอาเงินหลายกองมาปนกัน อย่าใช้กองนู่นมาโปะกองนี้ อาจทำให้คุณเกิดความผิดพลาดในการบริหารสภาพคล่องของธุรกิจ
7. ไม่จริงใจต่อลูกค้า
สิ่งสำคัญที่สุดของการทำธุรกิจคือลูกค้า การที่คุณทำธุรกิจก็เพื่อตอบสนองความต้องการของลูก มีสินค้าหรือบริการที่ โดนใจเพื่อแลกกับเงินที่ลูกค้าจ่ายให้คุณ แต่ความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดคือการที่คุณเริ่มคิดหาวิธีการลดต้นทุน อยากได้กำไรเยอะๆ จนละเลยลูกค้า คุณใช้ทางลัดมากเกินไปในการแสวงหากำไร เช่น ลดคุณภาพ ใช้วัสดุไม่ดี โฆษณาเกินจริง สิ่งเหล่านี้คือความไม่จริงใจ เมื่อลูกค้ารู้ว่าคุณเริ่มไม่จริงใจเมื่อไหร่ เมื่อนั้นแหละที่ธุรกิจของคุณจะเกิดปัญหาอย่างแน่นอน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี