ด้วยการใช้ชีวิตของผู้คนทำงานในยุคปัจจุบัน ที่ต้องนั่งทำงานทั้งวัน ไม่ค่อยมีเวลาได้ลุกไปไหน กลับกลายเป็นปัญหาด้านสุขภาพโรคยอดฮิตอย่างออฟฟิศ ซินโดรม ที่สร้างความเจ็บป่วยเรื้อรังและรบกวนจิตใจ จนบางครั้งไม่เป็นอันทำงาน ยังไม่นับรวมถึงการก้าวย่างเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่นับวันจะยิ่งเพิ่มสูงมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจสรีระสมดุลหรือคลินิกกายภาพบำบัด จึงเป็นอีกธุรกิจที่มีความน่าสนใจ เป็นที่ต้องการของตลาด และมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากมายในช่วงไม่กี่ปีมานี้
K&K Balance คลินิกกายภาพบำบัด กลางซอยพหลโยธิน 32 บนถนนเสนานิคม 1 คือ หนึ่งในธุรกิจให้บริการรักษาปรับสรีระสมดุลให้กับร่างกาย ซึ่งเปิดตัวขึ้น จากการมองเห็นแนวโน้มของตลาดที่นับวันจะยิ่งเติบโตมากขึ้น โดย กิติมา หัตถีรัตน์ นักธุรกิจวัย 68 ปี ผู้ประสบความสำเร็จจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้ส่งออก คือ ผู้ให้กำเนิดคลินิกดังกล่าว ซึ่งเปิดตัวมาแล้วกว่า 2 ปี
“จริงๆ แล้วโดยส่วนตัวเป็นคนดูแลสุขภาพร่างกายอยู่แล้ว ยิ่งมาเห็นแนวโน้มสุขภาพของผู้คนในปัจจุบัน ตั้งแต่วัยทำงาน ผู้สูงอายุ ซึ่งมักมีปัญหาเจ็บป่วยเกี่ยวกับร่างกายในส่วนต่างๆ อาทิ ปวดข้อ ปวดเข่า ปวดหลัง ปวดหัวเรื้อรัง ฯลฯ ก็ยิ่งมั่นใจว่าธุรกิจนี้จะมีความจำเป็นต่อผู้คนในปัจจุบันและอนาคตมากยิ่งขึ้น”
โดยได้อธิบายความหมายของกายภาพบำบัด (Phy sical therpy) ไว้ว่า คือ การรักษาโดยการปรับสรีระโครงสร้างร่างกายให้กลับเข้าสู่สมดุล โดยการปรับเข้าสู่ตำแหน่งและหน้าที่ที่เหมาะสม เป็นกระบวนการรักษาที่ตรงจุดและไม่ใช้ยา โดยใช้หลักการและกระบวนการทางฟิสิกส์ร่วมกับความรู้ทางด้านกายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) โดยนักกายภาพบำบัดทุกคนได้ชื่อว่าเป็น Specialist of Movement Analysis หรือบุคคลผู้มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจเกี่ยวกับสรีระร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการตรวจร่างกายและให้การรักษา โดยสามารถวิเคราะห์ลักษณะของความผิดปกติของร่างกายขณะเคลื่อนไหว อันนำไปสู่การรักษาที่ตรงจุดและเกิดประโยชน์สูงสุดในการรักษา ฉะนั้นจึงแตกต่างจากการนวดแผนไทยทั่วไป
การให้บริการรักษาด้วยวิธีกายภาพบำบัดของ K&K Balance ได้แก่ 1.Orthopedic ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น ปวดข้อ ปวดเข่า ปวดหลังขาร้าว 2.Neurologic ระบบประสาท อัมพฤกษ์ อัมพาต เส้นเลือดในสมองตีบ แตก ตัน 3. Sport Player อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา เพิ่มสมรรถภาพร่างกาย และ 4.Scoliosis ภาวะกระดูกสันหลังคด บุคลิกภาพไม่ดี
ขั้นตอนการรักษาจะเริ่มต้นจากการซักประวัติและสังเกตอาการ, ตรวจประเมินร่างกาย โดยวิธีทางกายภาพบำบัด จากนั้นจงเริ่มการรักษาด้วยเครื่องมือทางกายภาพบำบัด และ manual technique เทคนิคเฉพาะทางกายภาพบำบัดด้วยมือ นอกจากรักษาแล้วยังมีการแนะนำการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเฉพาะบุคคล เพื่อให้กลับไปแก้ไขปัญหาของตัวเองต่อได้ด้วยที่บ้าน
โดยกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมีอยู่ 3 กลุ่มด้วยกัน คือ นักกีฬา พนักงานออฟฟิศ และผู้สูงอายุ โดยกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมากที่สุด คือ พนักงานออฟฟิศ แต่ขณะเดียวกันก็กลับเป็นกลุ่มที่ขาดการกลับมารักษาอย่างต่อเนื่องมากที่สุดด้วย
กิติมากล่าวว่าปัจจุบันนี้มีคลินิกกายภาพบำบัดเกิดขึ้นมากมาย ทำให้เกิดการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้น แต่ละแห่งจึงต้องพยายามชูจุดเด่นและสร้างความถนัดของตัวเองขึ้นมา เพื่อสร้างจุดขาย สำหรับ K&K Balance แม้จะไม่ได้โดนเด่นด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ก็มีจุดเด่นบอกต่อๆ กันมาจากลูกค้าที่มาใช้บริการ คือ รักษาตรงจุด วิเคราะห์ละเอียด และมีราคาย่อมเยา
"เราไม่แข่งกับใคร แต่เราแข่งกับตัวเองว่ามีความสามารถพอไหม โดยมีคติการทำงานและเรียงลำดับความสำคัญจาก 3 ข้อด้วยกัน ได้แก่ 1.คนไข้ 2.องค์กร และ 3.พนักงาน โดยเชื่อว่าหากตั้งใจรักษาคนไข้ให้หายเร็วและตรงจุด ลูกค้าก็จะเกิดการไปบอกต่อ และส่งผลดีกลับมาสู่ธุรกิจเอง โดยเรามีคนไข้กลับมาหาเราค่อนข้างมาก ซึ่งในทุกๆ เดือนเรามีการส่งนักกายภาพบำบัดของเราไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ในวิชาชีพ รวมถึงเรามีการส่งทีมนักกายภายบำบัดไปดูงานตามที่ต่างๆ เพื่อให้มีการพัฒนาองค์ความรู้ตลอดเวลา เราต้องการให้ K&K Balance เป็นสถานคลินิกกายภาพอันดับ 1 หรือลำดับต้นๆ ของไทย”
นอกจากพื้นที่อาคารพาณิชย์ซอยพหลโยธิน 32 แล้ว ในขณะนี้กิติมาได้เตรียมก่อสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงวัยอย่างครบวงจร ตั้งแต่โฮมเสตย์ที่พัก ไปจนถึงวารีบำบัดบนพื้นที่กว่า 3 ไร่ย่านดอนเมืองไว้อีกแห่งด้วย
“อีกไม่นานเมืองไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เราสนใจเรื่อง Aging การดูแลผู้สูงอายุวัยเกษียณมาก เพื่อทำยังไงให้เขาสามารถมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ซึ่งนอกจากจะเป็นธุรกิจที่น่าสนใจในอนาคตแล้ว เรายังทำเพื่ออยากดูแลสุขภาพของตัวเองด้วย”ผู้บริหาร K&K Balance กล่าว
Facebook : kkbodybalance
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี