ด้วยพฤติกรรมรูปแบบการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน จากการเข้าพักโรงแรมเชนใหญ่ๆ มาเป็นที่พักขนาดย่อมอย่างบูติก โฮเต็ลที่มีความลักซ์ชัวรี่มากขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับชีวิต รวมถึงที่พักรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย “เฮอริเทจ สเตย์” คือ อีกหนึ่งนิยามที่พักเกิดใหม่ที่ถูกบัญญัติขึ้นจากที่พักเล็กๆ แต่มากด้วยความพิเศษอย่าง ‘Prince Theatre Heritage Stay’ อดีตโรงหนังเก่าแก่ย่านบางรักที่ผันตัวมาเป็นโรงแรมขนาดย่อม เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
จากโรงหนังเก่า สู่โรงแรมสุดชิค
การกลับมาของโรงหนังปริ้นซ์ รามา ที่วันนี้ได้กลายร่างมาเป็นปริ้นซ์ เธียร์เตอร์ เฮอริเทจ สเตย์ เริ่มต้นมาจาก กิตติศักดิ์ ปัทมะเสวี ทายาทนักธุรกิจหนุ่มในเครือกลุ่มธุรกิจ มนทาระ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เจ้าของและผู้บริหาร ‘ตรีสรา’ รีสอร์ทและที่พักระดับหรูในจังหวัดภูเก็ต โดยเขาเล่าถึงธุรกิจที่พักรูปแบบใหม่ในเครือของบริษัท ว่าเกิดขึ้นมาความตั้งใจในการอยากจะอนุรักษ์อาคารเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์นั้นไว้ให้เป็นมรดกแก่คนรุ่นหลัง
“คุณพ่อท่านเป็นคนชอบอาคารเก่า อยากจะช่วยอนุรักษ์เอาไว้ ก่อนหน้านี่ก็ทำเป็นหอศิลป์มาแล้วที่ลำปาง แต่ท่านมองว่าการอนุรักษ์จะยั่งยืนได้ คือ ต้องนำมาทำให้เกิดประโยชน์ ให้อาคารเหล่านั้นสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ซึ่งพอดีกับที่ทางกรมธนารักษ์ได้เปิดโอกาสให้เอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาปรับปรุงอาคารเก่าแก่ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวในชุมชนย่านเก่า โดยโรงหนังปริ้นซ์ฯ ก็เป็นหนึ่งในนั้น เราจึงได้มีโอกาสเข้ามาลองทำ โดยตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาดูแลกิจการด้านนี้โดยเฉพาะใช้ชื่อว่า Heritage Stay Co., Ltd นอกจากที่นี่แล้วก่อนหน้านี้เราก็ได้เข้าดูแลกิจการของโรงแรมเจ้าพระยา พาลาสโซ่ ต่อจากเจ้าของเดิมด้วย ซึ่งเป็นอาคารเก่าเหมือนกันอยู่ติดริมน้ำเจ้าพระยา ซึ่งความตั้งใจของคุณพ่อไม่ใช่แค่เพื่อธุรกิจ แต่หากเราทำสำเร็จ นี่คือ ตัวอย่างหนึ่งของการอนุรักษ์ที่ทำให้เกิดความยั่งยืนได้”กิตติศักดิ์เล่าที่มาของโรงหนังเก่าที่ปัจจุบันกลายเป็นโรงแรมสุดชิกย่านบางรัก
เรื่องเก่า นำมาเล่าใหม่
งานรีโนเวตโรงหนังเก่าดังกล่าวเริ่มต้นจากการสำรวจเรื่องราว ประวัติความเป็นมาคุณค่าของโรงหนังอายุร่วมร้อยกว่าปี เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการบูรณะซ่อมแซม รวมถึงปรับปรุงพื้นที่ให้กลายเป็นโรงแรมขนาดย่อมที่มีความกลมกลืนเข้ากับพื้นที่ชุมชน เพื่อพลิกฟื้นย่านเก่าให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยได้ จิตติพันธ์ ศรีกสิกร ซึ่งมีประสบการณ์ด้านบริหารจัดการโรงแรมมาช่วยเป็นที่ปรึกษาและหนึ่งในหุ้นส่วนและทำงานร่วมกัน ตั้งแต่การบูรณะซ่อมแซม การออกแบบพื้นที่ใช้สอย การตกแต่ง เพื่อเนรมิตทุกอย่างให้ฟื้นกลับขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง
โดยห้องพักที่นี่มี 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ห้องไพรเวท 4 ห้อง โดยนำคอนเซปต์การตกแต่งมาจาก 4 ยุคของที่นี่ ได้แก่ The Casino Loft - บ่อนพนันหลวง, The Chinese Opera Loft – โรงงิ้ว, Prince Theatre Master Suite – โรงหนังสแตนอโลน และ Prince Rama Master Suite – โรงหนังควบ หนังโป๊ะ และห้องแชร์รวมอีก 26 ห้อง (เตียง) มีทั้งแบบแชร์ปกติ และเลดี้รูม ความพิเศษอยู่ที่ทุกห้องจะมีห้องน้ำในตัวทั้งหมด สไตล์การตกแต่งของที่นี่จะออกไปทางแนว Loft เนื่องจากใช้โครงสร้างเหล็กในการก่อสร้างและบางส่วนใช้โครงสร้างไม้เก่า
“หลังจากสืบค้นเรื่องราวเราพบว่าที่นี่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจหลายส่วน มีเรื่องราวเกิดขึ้นแต่ละยุค เริ่มจากโรงบ่อนหลวง 1 ใน 5 แห่งสุดท้ายในกรุงเทพฯ จนมาถึงโรงหนังสแตนอโลน และสุดท้าย คือ โรงหนังชั้น 2 (หนังควบ หนับโป๊ะ) เรานำความน่าสนใจต่างๆ เหล่านี้มาสร้างเป็นคอนเซปต์ตั้งแต่การตกแต่งห้อง จนถึงบรรยากาศต่างๆ เพื่อรื้อฟื้นกลิ่นอายเดิมๆ ในวันวานให้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง อย่างจอภาพยนตร์ที่เห็นด้านหน้าเราจะมีการเปิดฉายช่วงหัวค่ำทุกวัน ส่วนตอนเช้าที่ลูกค้ากำลังนั่งทานอาหารเช้า ก็จะเปิดเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทย
นอกจากนี้ยังมี Box Office Bar ขายเครื่องดื่มตั้งอยู่ด้านหน้า โดยจำลองบรรยากาศให้เหมือนกับที่ขายตั๋ว ชื่อของค็อกเทลและม็อกเทลของที่นี่ ก็อ้างอิงมาจากชื่อหนังดังที่เคยฉายอยู่ มีการออกแบบรสชาติเฉพาะให้เหมาะกับหนังเรื่องนั้นๆ โดยเป็นสูตรเฉพาะของเราเอง นอกจากนี้เรายังพยายามมีส่วนร่วมกับชุมชน เช่น ในชุดอาหารเช้าเราจะให้ลูกค้าเลือกเลยว่าเขาอยากกินเมนูไหนจากร้านดังเก่าแก่ในย่านนี้ อาทิ โจ๊กปริ้นซ์ บ้านผัดไท ข้าวขาหมู-ข้าวหน้าเป็ดเจ๊พร มาเสิร์ฟให้กับลูกค้า หรือทริปพาเที่ยวชุมชนรอบๆ โรงแรม เป็นการช่วยพลิกฟื้นการท่องเที่ยวย่านเก่าให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ลูกค้าก็ได้ประสบการณ์ที่แปลกแตกต่าง ทำให้เกิดความประทับใจมากขึ้นด้วย”จิตติพันธ์กล่าว
สร้างนิยามที่พักใหม่ หาช่องว่างให้ธุรกิจ
นอกจากคุณค่าในด้านงานอนุรักษ์ กิตติศักดิ์ยังได้กล่าวถึงมุมมองด้านธุรกิจเพิ่มเติมว่า
“ปีที่แล้วเราได้มีโอกาสพูดคุยกับตัวแทนจำหน่ายของโรงแรมที่ภูเก็ต ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าตอนนี้นักท่องเที่ยวนิยมเข้าพักกับบูธิค โฮเต็ลมากกว่าที่จะเลือกพักโรงแรมเชนใหญ่ๆ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลย เพราะเขาต้องการสัมผัสกับวิถีชุมชน ต้องการประสบการณ์ที่แตกต่างจากการเข้าพักในโรงแรมใหญ่ๆ ”
จากเทรนด์การท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค อีกสิ่งที่กิตติศักดิ์มองว่าเป็นโอกาสของธุรกิจที่พักแบบนี้ คือ ต้นทุนคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่มีมาของโรงหนังปริ้นซ์ฯ เอง ที่ช่วยส่งเสริมจนกลายเป็นจุดเด่น สร้างความแตกต่างให้ปริ้นซ์ เธียร์เตอร์ เฮอริเทจ สเตย์
“จริงๆ การเริ่มทำโรงแรมอีกแห่งในกรุงเทพฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย ตลาดแข่งขันค่อนข้างสูง มีโรงแรมใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่การนำโรงหนังเก่ามาสร้างเป็นโรงแรม คือ การสร้างความแตกต่าง ฉะนั้นย่อมมีโอกาสทางธุรกิจที่ดีกว่าแน่นอน นอกจากมีเรื่องราวน่าสนใจ เราก็อยู่ในโลเคชั่นที่ดีด้วย ไปมาได้สะดวก อยู่ในย่านเก่าแก่ที่เป็นสวรรค์ของสตรีทฟู้ดส์ ในบางรักมีร้านอาหารที่อยู่ในมิชลีน ไกด์เยอะมากที่สุดในกรุงเทพฯ รวมถึงอยู่ใกล้ครีเอทีฟสเปซอย่าง TCDC ซึ่งเราถือว่าโชคดีมากที่ได้มาทำที่นี่ ปกติเวลาเริ่มกิจการใหม่เราต้องพยายามสร้างแบรนด์ขึ้นมาใหม่ แต่สำหรับปริ้นซ์ เธียร์เตอร์ มีความผูกพันความทรงจำมากมายเกิดขึ้นอยู่แล้วกับแบรนด์นี้ จึงไม่แปลกที่วันแรกที่เปิดตัวจะมีคนเข้ามาเยี่ยมเยียนเราเยอะ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นความรับผิดชอบที่เราต้องทำออกมาให้ดีด้วย”
ด้วยความแตกต่างและคุณค่าที่เกิดขึ้นของปริ้นซ์ เธียร์เตอร์ เฮอริเทจ สเตย์ จึงทำให้เกิดนิยามขึ้นมาใหม่สำหรับที่พักเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางชุมชนเก่าแก่ เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นอีกช่องทางหนึ่งนั่นเอง
“ถึงจะมีห้องแชร์ แต่เราไม่ใช่โฮเต็ล เรานิยามตัวเองขึ้นมาใหม่ว่า ‘เฮอริเทจ สเตย์’ คือ ที่พักที่สามารถเอาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์หรืออาคารเก่าแก่ที่ควรค่าแก่การรักษาไว้ มาจินตนาการใหม่ให้เข้ากับความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคปัจจุบันได้ในวิธีแบบเฉพาะ แตกต่าง ถ้าเทียบกับโฮเต็ลราคาเราอาจแพงกว่า แต่ถ้าเทียบกับโรงแรมบูติก โฮเต็ลที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เราเป็นโปรดักต์ที่น่าสนใจมาก”
Facebook : princetheatreheritagestay
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี