การดำเนินธุรกิจจำเป็นต้องก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลง จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ผู้ประกอบการ SME ต้องมีการปรับตัวให้ทัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และขีดความสามารถให้กับธุรกิจ ทั้งนี้ จากการเปิดเผย พรวิช ศิลาอ่อน ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้ที่โลกกำลังหมุนไปสู่ความเป็น Smart World สถาบันฯ จึงได้มุ่งเน้นการขับเคลื่อนปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในทุกระดับให้มีศักยภาพและขีดความสามารถทางการแข่งขันในโลกการค้ายุคใหม่ให้มากขึ้น ซึ่งในปี 2561 นี้ได้วางแนวทางส่งเสริมผู้ประกอบการด้วย 5 แนวทาง ได้แก่
การก้าวด้วยเทคโนโลยี และระบบดิจิทัลเพื่อสร้างรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ
เพื่อให้ผู้ประกอบการมีคุณสมบัติความเป็น Smart Enterprise โดยจะมุ่งเน้นพัฒนาระบบการผลิต การค้า การตลาด รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ ด้วยการอาศัยเครื่องมือใหม่ๆ อาทิ IoT หรือการเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อระหว่างธุรกิจและผู้บริโภค การสนับสนุนระบบ Big Data เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เห็นถึงข้อมูลหรือแนวโน้มทางเศรษฐกิจ และนำไปใช้ในการพยากรณ์และวางแผนธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้ระบบ AI เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างเครื่องมือหรือระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการรองรับความต้องการของผู้บริโภคและสร้างช่องทางทางการค้าใหม่ๆ ในยุคที่กำลังแข่งขันกันด้วยความรวดเร็ว
การผลักดันให้ก้าวเข้าสู่ตลาดการค้าที่มีศักยภาพเดิม และเติมโอกาสในการเข้าถึงตลาดรองให้มากขึ้น
โดยจะชี้ให้เห็นถึงโอกาสของสินค้าและการบริการที่สามารถไปสู่ตลาดคู่ค้าหลัก อาทิ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ด้วยการเติมองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญการทำธุรกิจในตลาดต่างประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรู้จักการมองหาตลาดการค้าที่เป็นเมืองรอง เช่น ตลาดCLMV ตลาดอินเดีย ตลาดอาหรับ เพื่อลดข้อจำกัดหรืออุปสรรคในการกระจายสินค้า ตลอดจนขยายฐานผู้บริโภคให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
การสร้างพันธมิตรและเครือข่ายทางการค้า เพื่อให้ธุรกิจของผู้ประกอบการไปสู่เป้าหมายได้รวดเร็วขึ้น
ทั้งนี้ จะมุ่งเน้นการแสวงหาพันธมิตรที่จะร่วมกันเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ โดยเฉพาะจากการจัดกิจกรรมอบรม สัมมนา และการให้ความรู้ในโครงการต่างๆ โดยเริ่มตั้งแต่การพบปะกันของผู้ประกอบการ ต่อเนื่องถึงการแลกเปลี่ยนกลยุทธ์และองค์ความรู้ การร่วมมือพัฒนาหรือปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนการสรรหาช่องทางที่จะนำสินค้าหรือบริการไปสู่ตลาดที่ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ และทำให้ได้ผลประโยชน์ร่วมกันแบบ Win – Win
การสร้างมาตรฐานและคุณภาพให้เทียบชั้นระดับสากล
โดยจะขับเคลื่อนการสร้างมาตรฐานใหม่ๆโดยใช้ตัวอย่างจากธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งของไทยและต่างประเทศมาเป็นต้นแบบให้กับผู้ประกอบการ พร้อมกระตุ้นให้แต่ละธุรกิจเกิดการตื่นตัวที่จะแข่งขันกันในเรื่องของคุณภาพ เพื่อนำมาซึ่งความแตกต่างและความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว
การส่งเสริมผู้ประกอบการให้ก้าวด้วยธุรกิจบริการที่สอดคล้องกับ Global New Demandโดยเฉพาะแนวโน้มจากการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางในตลาดต่างๆ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของหลายประเทศ การให้ความสำคัญกับสินค้าและบริการที่ใส่ใจสุขภาพ ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใช้ความหลากหลายทางวัฒนธรรมเป็นต้น
อย่างไรก็ดี จากการพัฒนาตามแนวทางข้างต้น ทางสถาบันฯ ได้ตรียมกิจกรรมและโครงการฝึกอบบรมภายใต้กรอบเนื้อหาใน 5 หลักสูตร รวมกว่า 150 กิจกรรม ประกอบด้วย
หลักสูตร New Economy Amplifier ซึ่งเป็นหลักสูตร เตรียมความพร้อมในการเป็นพี่เลี้ยงให้กับผู้ประกอบการในด้านการดำเนินธุรกิจและการค้ายุคใหม่พร้อมกระจายองค์ความรู้ไปยังทุกพื้นที่ของประเทศได้อย่างทั่วถึง อาทิ หลักสูตรอบรม “Facebook Content Marketing โพสต์อย่างไร ได้ทั้งยอด ได้ทั้งแบรนด์”
หลักสูตร New Economy Foundation หลักสูตรที่จะเตรียมพร้อมให้กับผู้ประกอบการมือใหม่ โดยจะส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้ผู้ประกอบการเข้าถึงตลาดต่างประเทศและการทำธุรกิจต่อยอดสู่การค้าแบบ E-Commerce อย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสมกับผู้ประกอบการขนาดเล็กที่เตรียมเติบโตในตลาดโลก อาทิ หลักสูตรอบรมโครงการ “Startup 101 - สตาร์ทอัพ สตาร์ทเลย : เริ่มธุรกิจใหม่ให้ประสบความสำเร็จ”
หลักสูตร New Economy Driver หลักสูตรขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ เพื่อพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ อาทิ. “รวยลัด รวยไว กับการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดโลก กับอาลีบาบา”
หลักสูตร New Economy Connector หลักสูตรสร้างเครือข่ายการค้าสำหรับผู้บริหาร ซึ่งจะสร้างเวทีเครือข่ายและแลกเปลี่ยนแนวคิดระหว่างบุคลากรชั้นนำทั้งภาครัฐ และเอกชนตามความเหมาะสมในแต่ละกลุ่มภูมิภาค อาทิ หลักสูตรอบรม “โครงการเสริมสร้างความรู้ทางการค้า สินค้า Life Style ไทยสู่สากล”
หลักสูตร IT 4 SME (E-Business) หลักสูตรสำคัญในยุคที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจโดยหลักสูตรจะส่งเสริมสร้างองค์ความรู้ด้าน IT ให้กับผู้ประกอบการ SME ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยทักษะด้าน E-Business รวมไปถึงความเข้าใจในธุรกิจ อาทิ โครงการสัมมนา "เจาะตลาด E-Commerce”
โดยทั้ง 5 หลักสูตรนี้ ตั้งเป้าไว้ว่าจะผลักดันให้ผู้ประกอบการ และผู้มีความต้องการดำเนินธุรกิจใหม่เข้าร่วมกิจกรรมให้ได้มากกว่า 100,000 ราย พร้อมตอบโจทย์กับความต้องการในตลาดโลกที่กำลังก้าวสู่สมาร์ทเวิลด์ให้มากขึ้น
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี