จากหลากหลายความนิยมที่นำพาให้กระแสอนุรักษ์ไทยเติบโตและเบ่งบานกว่าที่เคยเป็นมา ไม่ว่าจากละครดังแห่งปี ‘บุพเพสันนิวาส’ จนเกิดเป็นกระแสออเจ้าฟีเวอร์ หรือกิจกรรมอนุรักษ์ส่งเสริมการแต่งกายด้วยชุดไทยในงานอุ่นไอรัก พลอยส่งผลทำให้การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของไทยเติบโตขึ้นตามไปด้วย รวมถึงบรรยากาศการท่องเที่ยวในเทศกาลสงกรานต์ที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง จนส่งผลให้มูลค่ารายได้ครึ่งปีแรกเติบโตมากกว่า 5 แสนล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 8.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
จากการวางแผนกระตุ้นส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศของภาครัฐ ที่มีเป้าหมายต่อเนื่องจากปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งทำรายได้กว่า 9.30 แสนล้านบาท ให้เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านบาทในปีนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า สถานการณ์ตลาดไทยเที่ยวไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 นี้ บรรยากาศคึกคัก การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 นี้ มูลค่าตลาดไทยเที่ยวไทยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 515,000 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 8.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเที่ยวในประเทศมีประมาณ 74.8 ล้านคน-ครั้ง เติบโตร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงงานเทศกาลสงกรานต์ที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าในช่วง 7 วัน (ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2561) ของการเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ น่าจะก่อให้เกิดรายได้ในตลาดไทยเที่ยวไทยมูลค่าประมาณ 15,585.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ความนิยมในการเดินทางท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่กลับมาเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวไทยเองเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งแรกของปีให้เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้จากรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาล่าสุด พบว่าในเดือนมกราคม 2561 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมีประมาณ 12.48 ล้านคน-ครั้ง เติบโตร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน สำหรับการใช้จ่ายในด้านการท่องเที่ยวของคนไทยกระจายลงสู่ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องเป็นมูลค่าประมาณ 91,445.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรมองว่าตลาดไทยเที่ยวไทยน่าจะยังขยายตัวได้ดี ภายใต้บรรยากาศในประเทศที่ยังเอื้อต่อการเดินทางท่องเที่ยว กอปรกับการกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศของภาครัฐผ่านมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองรอง 55 จังหวัด ที่ครอบคลุมทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยนักท่องเที่ยวสามารถนำค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว ได้แก่ ค่าที่พักในโรงแรมหรือโฮมสเตย์ที่ได้มาตรฐานรองรับของกรมการท่องเที่ยว ค่าใช้จ่ายในการใช้ธุรกิจนำเที่ยวมาหักลดหย่อนภาษีรวมกันไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งมาตรการดังกล่าวน่าจะช่วยทำให้เมืองท่องเที่ยวรองเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทั้งโรงแรม ที่พัก และธุรกิจสายการบินเอง ต่างก็ทำการตลาดกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย ทำให้ตลาดไทยเที่ยวไทยยังมีแนวโน้มที่เป็นบวกต่อเนื่อง
โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่ยังคงเดินทางท่องเที่ยวยังเมืองท่องเที่ยวหลัก 22 จังหวัด เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยวหลากหลาย อีกทั้งยังมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในพื้นที่ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่รองรับการเข้ามาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวไทย
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวไทยไปยังเมืองท่องเที่ยวรองเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวโรงแรมและที่พัก รวมถึงที่พักแบบโฮมสเตย์ และธุรกิจนำเที่ยวที่อยู่ใน 55 จังหวัด ซึ่งได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ อาจจะต้องใช้โอกาสนี้ในการทำตลาดประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัดของภาครัฐจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 นี้ ซึ่งอาจจะทำได้หลายรูปแบบ อาทิ การสื่อสารและการจัดกิจกรรมการตลาดผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้และเพื่อให้นักท่องเที่ยวเลือกเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปีต่อไป
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี