Cr: Presotea
เมื่อชานมไข่มุกยังเป็นเครื่องดื่มที่ไม่ตกยุคและครองใจผู้บริโภคที่รักในการดื่มชา ทำให้ธุรกิจนี้จึงยังมีช่องว่างอีกมากสำหรับผู้เล่นที่จะเข้ามาทำการแข่งขัน หนึ่งในนั้นคือ Presotea แบรนด์ชานมไข่มุกจากไต้หวันที่เข้ามาสร้างความแตกต่างให้กับวงการเครื่องดื่ม ด้วยชาที่มีความสดใหม่และเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ
Sean T. Ngo International Representative ของแบรนด์ Presotea กล่าวว่า Presotea ถือเป็นแบรนด์ชานมไข่มุกเจ้าแรกของโลกที่ใช้กระบวนการชงชาด้วยเครื่องทำเอสเปรสโซ่ที่ช่วยเก็บรักษารสชาติและความหวานของชาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ท่ามกลางการแข่งขันสูงของผู้เล่นมากหน้าหลายตา
“คอนเซปต์ของแบรนด์คือการสร้างความแตกต่าง โดยการเป็นชานมไข่มุกแบรนด์แรกที่ใช้กระบวนการชงแบบพรีเมียม กล่าวคือ เมื่อลูกค้ามาสั่งชาที่ต้องการที่เคาเตอร์ พนักงานก็จะนำชาที่สั่งเข้าเครื่องทำชาแบบเอสเปรสโซ่ โดยเครื่องทำชานี้ที่จริงแล้วก็คือเครื่องทำกาแฟเอสเปรสโซ่นั่นเอง แต่ทางแบรนด์ได้มีการนำมาปรับเปลี่ยนให้สามารถทำงานกับชาได้หรือใช้ชาเป็นวัตถุดิบแทนกาแฟนั่นเอง ทำให้ได้ชาที่คงรสชาติดั้งเดิมเอาไว้และมีความสดใหม่ โดยวิธีนี้จะทำให้สามารถรักษาประโยชน์ต่างๆ ที่ได้จากชาไว้อย่างครบถ้วน เพราะน้ำชาที่ได้นั้นไม่ได้ถูกเก็บอยู่ในกระป๋องหรือภาชนะนานเป็นชั่วโมงหรือใส่น้ำตาลและนมในปริมาณมากเหมือนชาของแบรนด์อื่นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สามารถลดรสชาติของชาที่แท้จริงไป”
แต่อย่างไรก็ตาม การที่จะเป็นแบรนด์ตัวจริงของตลาดชานมไข่มุกได้นั้นต้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคได้ โดยโปรดักต์ของแบรนด์นั้นสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งกลุ่มที่ต้องการชาที่มีรสชาติเข้มข้นด้วยน้ำตาลและนม รวมถึงกลุ่มที่เน้นสุขภาพและคุณภาพ โดยต้องการดื่มชาที่มีส่วนผสมของน้ำตาลและนมในปริมาณน้อยได้ ถือเป็นอีกสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับทางแบรนด์
Cr: Presotea
นอกจากนี้ แค่มีความแตกต่างอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้แบรนด์ยืนหยัดอยู่ได้ การหาพาร์ทเนอร์หรือแฟรนไชส์ซีจากท้องถิ่น จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ โดยเฉพาะการมองหานักลงทุนจากประเทศไทยซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ยังมีโอกาสของการเปิดตลาดค่อนข้างมาก
“ประเทศไทยเป็นตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพ แม้เศรษฐกิจของไทยจะมีการเติบโตไม่รวดเร็วอย่างประเทศอื่นๆ แต่ก็ถือว่าเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจากการคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศยังมีแนวโน้มของการเติบโตที่ดีแม้จะมีอัตราไม่สูงมากนักก็ตาม ดังนั้นเราจึงมองเห็นโอกาสของการเข้ามาเปิดตลาดเพื่อเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งให้กับผู้บริโภค”
แม้ว่าชานมไข่มุกจะเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง แต่ทางด้านตัวแทนของแบรนด์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะธุรกิจไหนก็มีการแข่งขันกันทั้งนั้นซึ่งคนที่แข็งแรงเท่านั้นที่จะอยู่รอดไม่ว่าจะเป็นการทำร้านอาหาร อาหารฟาส์ตฟู้ด ชานมไข่มุก ของกินเล่น ก็มีผู้เล่นจำนวนมากในธุรกิจเหล่านี้เช่นกัน
“ในการทำธุรกิจ ไม่ใช่ทุกคนจะอยู่รอด แต่สิ่งสำคัญของการเป็นผู้รอดคือ คุณมีแบรนด์ที่สนับสนุนคุณไหม มีโปรดักต์ที่ดีหรือเปล่า และแบรนด์นั้นมีความแตกต่างจากผู้เล่นอื่นๆในตลาดอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามแค่ความแตกต่างอาจไม่เพียงพอ สิ่งที่เราต้องการคือ การมีแฟรนไชส์ซีที่สามารถจะเข้ามาช่วยเปิดตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะความสำเร็จของธุรกิจแฟรนไชส์หลายๆแบรนด์นั้นขึ้นอยู่กับแฟรนไชส์ซีเพราะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและความรู้เกี่ยวกับตลาดท้องถิ่นนั้นๆ และถือเป็นส่วนที่เข้ามาเติมเต็มให้กับการทำธุรกิจแบบแฟรนไชส์ให้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น”
โดยทางแบรนด์บอกว่า ผู้ที่จะเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์กับทางแบรนด์นั้นควรเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ด้านรีเทลแบบใดก็ได้ที่สามารถเข้าใจลูกค้าและรู้ว่าต้องทำการตลาดอย่างไร รวมถึงอาจเป็นผู้ประกอบการที่มีร้านและฐานลูกค้าอยู่แล้วและสนใจที่นำโปรดักต์ของแบรนด์มาเป็นตัวเลือกเสริมเพื่อดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น
Cr: Presotea
“เพราะชานมไข่มุกเป็นธุรกิจขนาดเล็กและไม่ซับซ้อนเหมือนกับการทำร้านอาหาร ดังนั้นเราจึงมองหาแฟรนไชส์ซีที่มีประสบการณ์ด้านรีเทลเพื่อที่จะทำการเปิดตลาด โดยแบรนด์สามารถจะวางขายที่ไหนก็ได้ อาจเปิดร้านขายในลักษณะของการเป็นคีออส (kiosk) ขนาด 15 ตารางเมตรเพื่อให้คนมาซื้อแล้วนำกลับไปดื่มก็ได้ คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดว่าแบรนด์เราอยากเข้าไปขายที่พารากอนหรือสยาม แต่เรากลับมองไปที่การขายในแหล่งช้อปปิงย่านชุมชนแทน”
มาถึงตรงนี้ ผู้บริหาร Presotea กล่าวย้ำอีกว่า ไม่ว่าจะมีผู้เล่นมากน้อยหรือแข่งขันสูงขนาดไหน ตลาดชานมไข่มุกก็ยังมีโอกาสที่จะเติบโตอีกมาก โดยสิ่งที่แบรนด์ต้องทำคือ การสร้างความแตกต่างจากผู้เล่นอื่นให้ได้ มีโปรดักต์ที่ดีและมีพาร์ทเนอร์ที่ใช่
“การเลือกพาร์ทเนอร์ที่ผิดจะทำให้แบรนด์ของคุณไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าแบรนด์ของคุณนั้นจะดีแค่ไหนก็ตาม ในขณะเดียวกันเราก็ต้องถามแฟรนไชส์ซีด้วยว่า แบรนด์ของเรานั้นใช่สำหรับเขาหรือเปล่าเพื่อการก้าวไปสู่ความสำเร็จด้วยกัน การจะทำให้ธุรกิจแฟรนไชส์เข้มแข็งนั้น ควรขึ้นอยู่กับว่าแฟรนไชส์ซีนั้นรู้จักผู้บริโภคดีแค่ไหน จะพัฒนาโปรดักต์อย่างไร จะให้ใครเป็นคนเข้ามารับหน้าที่พัฒนาธุรกิจ จะใช้คนที่มีประสบการณ์หรือสมาชิกครอบครัวที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำธุรกิจมาก่อนเข้ามาบริหาร อีกทั้งยังเกี่ยวกับการแชร์มุมมองและแผนธุรกิจต่างๆ ระหว่างเจ้าของแบรนด์และพาร์ทเนอร์ เพื่อทำให้มั่นใจว่าจะร่วมทำธุรกิจและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี