ใครๆ ก็กินพิซซ่า วลีคุ้นหูที่วันนี้ทำให้แบรนด์พิซซ่ายักษ์ใหญ่ของโลกที่เป็นรองแค่ Pizza Hut และ Domino’s Pizza อย่าง Little Caesars มองถึงโอกาสการขยายสาขาเข้าสู่ประเทศไทยที่เป็นหนึ่งในโลเคชั่นที่ดีของการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคด้วยพิซซ่ารสชาติแบบออริจินอลแท้ๆ ส่งตรงจากสหรัฐอเมริกา
คว่ำหวอดในธุรกิจที่เป็นร้านพิซซ่าแบบ Take - Away หรือพิซซ่าที่สะดวกซื้อกลับไปกินที่บ้านมายาวนานกว่า 50 ปี Bill Schreiber Vice President of International Development ของแบรนด์ Little Caesars เปิดเผยว่า ทางแบรนด์สนใจที่จะมาเปิดตลาดที่ประเทศไทย โดยกำลังมองหานักลงทุนในไทย ทั้งแบบบุคคล และบริษัทที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งผู้ที่ทำธุรกิจแฟรนไชส์หรือธุรกิจอื่นๆ เพื่อทำการขยายสาขา และทำให้คนไทยได้รู้จักกับสินค้าของแบรนด์มากขึ้น
“ประเทศไทยมีศักยภาพที่ดีในการมาเปิดตลาด ผู้คนที่นี่รักในการบริโภคพิซซ่าและไทยยังเป็นโลเคชั่นที่ดีที่สินค้าของเราสามารถวางขายได้ทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่เพียงในกรุงเทพเท่านั้น แต่จังหวัดต่างๆ อย่าง ชลบุรี หรือเชียงใหม่ ยังเป็นสถานที่ที่น่าสนใจ หรือจะเป็นการขายที่สนามบิน สถานีรถไฟ หรือสถานีรถไฟฟ้า ก็ดูเป็นทิศทางที่ดี”
เพราะไม่มีชาติไหนจะเข้าใจกันได้ดีกว่าคนในชาติเดียวกัน ทำให้แบรนด์ดังจากต่างประเทศต้องการเฟ้นหาพาร์ทเนอร์ที่มากประสบการณ์และมีคุณภาพมาช่วยในการสร้างโอกาสการรับรู้และเข้าถึงตัวสินค้า
“การมองหานักลงทุนในไทยเป็นสิ่งที่สามารถช่วยให้แบรนด์เข้ามาเปิดตลาดได้ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่แบรนด์จากต่างประเทศจะเข้ามาทำธุรกิจแล้วรู้จักพื้นฐานและเข้าใจความเป็นไทยได้ดีกว่าคนไทยด้วยกันเอง ดังนั้นการร่วมมือกับนักลงทุนจากไทยจะช่วยทำให้ธุรกิจของแบรนด์สามารถตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้ดีกว่าการที่เราทำเอง”
ยุคนี้ใครๆ ก็สามารถกินพิซซ่าได้ นอกจากชาวอเมริกันที่บริโภคพิซซ่ากันเป็นประจำแล้ว การเพิ่มขึ้นของผู้บริโภคในอาหารชนิดนี้ทั่วโลกยังเป็นตัวบ่งชี้ได้ดีว่ายังมีโอกาสของการเติบโตของธุรกิจนี้อีกมาก
“การบริโภคพิซซ่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนที่ถือว่ามีการบริโภคสูงเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา ด้วยขนาดของจำนวนประชากรที่มาก ผู้บริโภคชอบที่จะกินอาหารที่มีคุณภาพและชื่นชอบการกินพิซซ่าจากแบรนด์ของต่างประเทศถือเป็นเทรนด์ของผู้บริโภคที่เราเห็นและเปิดโอกาสให้เราอยากจะแนะนำโปรดักต์ของเราแก่ผู้บริโภคเหล่านี้”
แน่นอนว่าการมีสาขากว่า 6,000 สาขาใน 23 ประเทศทั่วโลก ต้องมาจากการควบคุมคุณภาพของสินค้าที่ได้มาตรฐาน โดย Schreiber บอกว่า ทางแบรนด์มีโปรแกรมและระบบที่ใช้ในการประเมินร้านและสาขาของแฟรนไชส์เป็นประจำเพื่อทำให้แน่ใจว่าโปรดักต์ทุกชิ้นที่ส่งถึงมือผู้บริโภคนั้นมีคุณภาพ
“การควบคุมคุณภาพของสินค้าเป็นเรื่องท้าทายของทุกๆ แบรนด์ที่ต้องการการเติบโตและประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ การประเมินมาตรฐานต่างๆ เป็นหัวใจหลักของการมีคุณภาพซึ่งเป็นสิ่งที่เราคาดหวังจากทุกๆ คนที่มาเป็นพาร์ทเนอร์กับแบรนด์ของเรา”
มาถึงตรงนี้ Schreiber แนะนำว่า สำหรับผู้ที่อยากจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องมี passion รู้จักตลาดและมีเงินทุนพอที่จะทำการขยายสาขา
“สำหรับใครก็ตามที่อยากจะเข้ามาร่วมในวงการธุรกิจ สิ่งแรกที่ต้องมี คือ passion เพราะจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้คนอยากอยู่กับแบรนด์และอยากทำงานในทุกๆวัน รวมถึงต้องรู้จักความเป็นไปของตลาด รับรู้ทิศทางของพฤติกรรมผู้บริโภคและต้องมีเงินทุนมากพอที่จะทำการขยายสาขา เพราะยิ่งมีสาขามากเท่าไหร่คนก็จะยิ่งรู้จักแบรนด์มากขึ้นเท่านั้น ในการทำธุรกิจแฟรนไชส์คุณไม่สามารถที่จะมีร้านได้เพียงร้านเดียว แต่ต้องมีการขยายสาขาเพื่อเข้าถึงผู้คนให้มากขึ้น การมีเพียงร้านเดียวหรือสาขาเดียวถือเป็นการตัดโอกาสตัวคุณเองเพราะจะไม่มีใครรู้จักคุณ แต่ถ้ามีหลายสาขาหรือไปไหนก็เจอจะทำให้คนรู้จักแบรนด์ของคุณเป็นวงกว้างอย่างแน่นอน”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี