​​อั่งเปาทองคำยุค 4.0 ตอบวิถีดิจิทัลไลฟ์สไตล์






     หนึ่งในของขวัญเลอค่า ที่มักจะใช้มอบให้แก่บุคคลอันเป็นที่รัก เนื่องในโอกาสพิเศษต่างๆ นั้น “ทองคำ” ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ถูกนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ แต่แทนที่จะเป็นทองรูปพรรณธรรมดาอย่างที่เราๆ คุ้นเคยกันดีนั้น
 

     วันนี้เทคโนโลยีด้านการผลิตทองคำล้ำหน้าไปมาก สามารถผลิตเป็นรูปแบบต่างๆ ได้มากกว่าที่เราคิด หนึ่งในนั้น คือ “อั่งเปาทองคำ” นวัตกรรมชิ้นล่าสุดจาก “ห้างขายทองฮั่วเซ่งเฮง” ที่เพิ่งเปิดตัวขึ้นครั้งแรกในปีนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ชอบแสวงหาความแปลกใหม่ให้กับตัวเอง รวมถึงยังเป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับวงการทองคำบ้านเราด้วย
 




     ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง เล่าถึงที่มาของอั่งเปาทองคำที่ทำขึ้นมาว่า เป็นหนึ่งในสินค้านวัตกรรมของฮั่วเซ่งเฮงที่ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิต เพื่อให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกแก่ผู้บริโภคที่ต้องการสรรหาของขวัญล้ำค่ามอบให้กันในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งความพิเศษของอั่งเปาทองคำนี้ นอกจากจะใช้นวัตกรรมรีดทองให้เป็นแผ่นบางแล้ว ยังมีการพิมพ์สีสันสดใสลงบนแผ่นทองคำเป็นครั้งแรกของไทยด้วย ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อไปมอบเป็นอั่งเปา ซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่ากับการซื้อทองคำทั่วไป โดยอั่งเปา 1 แผ่นจะมีน้ำหนักทองอยู่ที่ 2 กรัม โดยมีราคาอยู่ที่ 3,400 บาท เป็นรูปสิงโตนำโชคลาภ และอักษรจีนที่แปลว่า “มั่งมี ศรีสุข”
 




     “ปกติฮั่วเซ่งเฮงเราจะมีการออกคอลเลคชั่นใหม่ๆ เป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว เช่น ทองคำแท่ง จิวเวอรีลายนักษัตรประจำปี ตัวอักษรมงคล เพื่อให้ลูกค้าใช้มอบเป็นของขวัญให้แก่กัน แต่ปีนี้มีความพิเศษมากขึ้นเราได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง คือ อั่งเปาทองคำ เป็นทองบริสุทธิ์ 96.5 % เหมือนทองรูปพรรณทั่วไป โดยถือเป็นเจ้าแรกในเมืองไทยเลยที่มีการพิมพ์สีลงบนแผ่นทองคำ โดยก่อนหน้านี้เราเคยทำเป็นการ์ดของขวัญวันพ่อ ที่ให้เอารูปมาพิมพ์ลงบนแผ่นทอง แต่สีจะไม่สดและชัดเจนเหมือนเช่นตัวอั่งเปา ตัวนี้เป็นการพัฒนาต่อยอดขึ้นมา ซึ่งเป็นงานดีไซน์ที่สวยมาก ควรค่าแก่การมอบเป็นของขวัญแก่กัน หรือใครที่ชื่นชอบทองคำรูปแบบแปลกๆ ก็สามารถเก็บสะสมไว้ได้”

 
     นอกจากจะเป็นการสร้างสีสันความแปลกใหม่ให้กับวงการทองคำในบ้านเราแล้ว ธนรัชต์ยังเล่าความพิเศษต่อด้วยว่าอั่งเปาทองคำนี้ ยังเป็นสินค้าตัวแรกที่ฮั่วเซ่งเฮงใช้เป็นใบเบิกทางเพื่อนำไปสู่ช่องทางการซื้อสินค้าผ่าน HUA SENG HENG Online Shopping อีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ด้านการให้บริการ เพื่อให้ลูกค้าสะดวก สามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ เหมือนเช่นสินค้าอื่นๆ ที่เพิ่งเปิดตัวขึ้นในปีนี้เช่นกัน
 




     “เราต้องการสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ให้สามารถเข้ามาเลือกซื้อทองได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียเวลามาเยาวราชให้รถติด โดยอั่งเปาทองคำถือเป็นสินค้าตัวแรกที่เราให้ลูกค้าสามารถเข้ามาเลือกซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้เหมือนการซื้อที่ร้านตู้แดง ซึ่งแต่เดิมการจะให้บริการเฉพาะการซื้อขายทองคำแท่งเท่านั้น โดยในช่วงแรกเราจะเน้นไปที่สินค้าชิ้นเล็กๆ ของสะสม ของชำร่วยก่อน เป็นสินค้าที่ไม่สวมใส่ ไม่มีไซส์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่าย เราพยายามทำตรงนี้ขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบันที่มีค่านิยมเลือกซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ บนระบบสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ โดยนอกจากเว็บไซต์ของเราแล้ว เรายังมีพันธมิตรในช่องทางอื่นๆ เพื่อกระจายออกไปให้ลูกค้าได้เห็นมากขึ้นด้วย นอกจากนี้เรายังมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้าที่สั่งเข้ามาตั้งแต่ต้นปีจนถึงช่วงวันตรุษจีน โดยมีบริการจัดส่งให้ฟรีใน 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ การที่เรานำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้นั้น เราไม่ได้ทำเพื่อให้ตัวเองดูทันสมัยขึ้น แต่ทำเพื่อสร้างความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้นมากกว่า เมื่อพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป เราก็ต้องปรับเปลี่ยนให้ทันต่อความต้องการของเขา”
 




     จากความพยายามสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการสร้างรูปแบบของทองคำยุคใหม่ให้เป็นได้มากกว่าแค่เครื่องประดับที่ใช้สวมใส่กันมาสักระยะหนึ่ง ธนรัชต์ยังเปิดเผยให้ฟังอีกว่าพฤติกรรมต่อการเลือกซื้อทองคำที่ไม่ใช่เพียงแค่ทองรูปพรรณอย่างสร้อย แหวน กำไล ของผู้บริโภคยุคใหม่นั้นก็ได้รับความนิยมมากขึ้นตามไปด้วย
 

     “จากหลายปีที่ผ่านมานี้ เรามองว่าพฤติกรรมผู้บริโภคที่มาซื้อทองคำค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะครับ จากแต่ก่อนจะซื้อเป็นเครื่องประดับที่ใช้สวมใส่อย่างเดียว เดี๋ยวนี้เริ่มนิยมซื้อทองที่เป็นชิ้นงานศิลปะ หรือเพื่อการสะสมเพิ่มมากขึ้น  ยกตัวอย่างง่ายๆ จากที่สังเกตจากที่ร้านเอง แต่ก่อนเวลามาหาซื้อทองคำเพื่อรับขวัญเด็กแรกเกิด ส่วนใหญ่ก็มักจะซื้อเป็นกำไลข้อเท้าที่มีกรุ๊งกริ๊งติดอยู่ แต่มาพักหลังๆ เริ่มนิยมซื้อเป็นการ์ดทองคำที่เป็นรูปเด็กชายเด็กหญิงและสามารถเขียนคำอวยพรบนการ์ดได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้แทนการแสดงความยินดี ซึ่งได้รับความนิยมเยอะ จนตอนหลังเริ่มจะแซงกำไรข้อเท้าด้วยซ้ำ โดยเป็นทั้งสิ่งของที่มีมูลค่าและสามารถเก็บความทรงจำดีๆ เอาไว้ได้ด้วย ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องพยายามปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย และพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป” นายห้างทองฮั่วเซ่งเฮงกล่าวทิ้งท้าย
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย

วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน