ณ วันนี้ EEC หรือ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก กำลังมีเป้าหมายที่จะยกระดับธุรกิจในประเทศไทยให้กลายเป็นเขตเศรษฐกิจระดับโลก อีกทั้งยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ โดยสร้างฐานการลงทุนด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบขนส่งคมนาคมและปัจจัยสนับสนุนต่าง ๆ ให้พร้อมรับกับการลงทุนที่ก่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยี สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0
พร้อมกันนั้น อีอีซี จะเข้าไปมีส่วนในการร่วมพัฒนาเมืองและแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้พร้อมในการอยู่อาศัย มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีความทันสมัย พัฒนาคุณภาพชีวิตให้คนในพื้นที่เดิมและผู้ที่จะเข้ามาลงทุนใหม่ ภายใต้การลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน ด้วยวงเงิน 1.5 ล้านล้านบาท
โดยในระยะแรกจะเป็นการยกระดับพื้นที่ในเขต 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ให้เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เพื่อรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ การลงทุนหลัก ๆ ของ EEC จะไปอยู่ที่การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเดินทางและการขนส่ง ให้มีความพร้อมเพื่อรองรับและเอื้อประโยชน์ต่อการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะมีการร่วมทุนจากทางภาคเอกชนเข้ามาในบางโครงการด้วย
นับได้ว่าการยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจครั้งนี้ จะสร้างโอกาสที่ดีให้กับธุรกิจ SME ในการเพิ่มศักยภาพของบริษัท โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ Supply chain ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ อยู่แล้ว จะยิ่งเพิ่มขีดความสามารถขึ้นไปได้อีก กลุ่มคนทำงานบริการหรือรับจ้างต่าง ๆ ก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวก และโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการเปลี่ยนแปลง
และอีกหนึ่งกลุ่มที่จะได้รับการส่งเสริมอย่างมากคือกลุ่ม Start up จากอุตสาหกรรมดิจิทัล ก็จะมีนวัตกรรมหรือธุรกิจบริการต่าง ๆ ที่จะรองรับเมืองใหม่ ซึ่งสำนักงานเพื่อการพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออก (สกรศ.) ก็ได้จัดตั้งศูนย์ SME ICT ขึ้น เพื่อให้บริการให้คำปรึกษา Startup และ SME จาก co–founder ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อต่อยอดธุรกิจจาก EEC และยังสร้างการเติบโตให้กับกลุ่ม Startup ภายในภาคตะวันออกมากขึ้น
ดังนั้น อีอีซี จึงนับเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้การเติบโตของเหล่า SME และ Startup ที่ดีอยู่แล้ว ให้สามารถพุ่งทะยานมากขึ้นไปอีกในอนาคตอันใกล้นี้ รวมถึงผลักดันให้เกิดนักธุรกิจหน้าใหม่ขึ้นอีกด้วย