​ส่องตลาดหน้ากากอนามัย เกาะกระแสกรุงเทพฯ รมควัน


               




     จากกระแสข่าวคึกโครมถึงสภาวะคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ปกคลุมด้วยหมอกควันจนทำให้เกิดการสะสมมลพิษในอากาศในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ที่กล่าวกันถึงขั้นรุนแรงว่าเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากหรือใช้ผ้าปิดจมูก หรือหากไม่จำเป็นก็ควรงดออกจากบ้านไปเลย สินค้าที่ดูน่าจะได้รับความสนใจและถูกพูดถึงกันมากในช่วงนี้ คือ หน้ากากอนามัย มีทั้งแบบเรียบๆ เพื่อใช้งานป้องกันฝุ่นละออง ควันพิษ การแพร่เชื้อต่างๆ ไปจนถึงหน้ากากอนามัยที่ถูกนำมาดัดแปลงให้กลายเป็นเทรนด์แฟชั่น ซึ่งความจริงแล้วการสวมใส่หน้ากากอนามัยของคนไทย ส่วนใหญ่มักเป็นไปในทิศทางใดนั้น ลองมาทำความรู้จักกับธุรกิจนี้กัน
               

     อรัญญา ปิติชัยวงศ์สุภาพ เจ้าของร้านขายผ้าปิดจมูกหรือหน้ากากอนามัยออนไลน์ Nihok Mask ที่เปิดร้านมาได้กว่า 3 ปีแล้ว ได้เล่าถึงพฤติกรรมลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าจากในร้านว่าสามารถแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มด้วยกัน คือ 1.กลุ่มที่ใส่เพื่อแฟชั่นตามแบบดารานักร้องเกาหลีที่ชื่นชอบ 2.กลุ่มที่ใส่ขี่มอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์ และอื่นๆ 3.กลุ่มที่ใส่เพื่อป้องกันฝุ่นละออง เชื้อโรค โดยในทั้ง 3 กลุ่มนี้ กลุ่มที่มีลูกค้าจำนวนมากที่สุด คือ กลุ่มแฟชั่น
               


Cr: Nihok Mask


     “ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาซื้อ คือ กลุ่มเด็กผู้หญิงที่ซื้อไปใส่ตามดารานักร้องที่ชื่นชอบ โดยมากไม่ได้ใส่จริงจัง ซื้อเอาไปใส่ถ่ายรูปเล่นกับเพื่อนบ้าง เอามาอวดกันบ้าง เป็นแฟชั่นการแต่งตัวอย่างหนึ่ง จริงๆ ตอนเริ่มเปิดร้าน เราเองก็เริ่มมาจากความชอบอยากลองหาหน้ากากแบบที่ศิลปินนักร้องที่ชื่นชอบใส่เหมือนกัน แต่หาซื้อได้ค่อนข้างยาก ต้องสั่งนำเข้ามา ซึ่งต้องเป็นปริมาณค่อนข้างเยอะ ดังนั้นจึงคิดว่านอกจากใช้เอง น่าจะลองเอาขายด้วยเลย เพราะหาซื้อได้ยากอยู่แล้ว”
               

     โดยอรัญญาเล่าว่า ความนิยมใส่หน้ากากอนามัยดังกล่าวในต่างประเทศอย่างเกาหลี ญี่ปุ่นนั้นเริ่มมาจาการที่ใส่เพื่อป้องกันฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ และเชื้อโรคต่างๆ เมื่อมีการใส่มากขึ้น จึงมีการคิดรูปแบบแปลกๆ ดีไซน์เก๋ๆ ออกมา เพื่อกลายเป็นแฟชั่นไปด้วย และเมื่อเห็นว่ามีการใส่กันมากขึ้น จึงทำให้เหล่าบรรดาแฟนคลับของดารานักร้องต่างๆ ซื้อมาใส่ตามศิลปินที่ชื่นชอบไปด้วย สินค้าที่เธอสั่งเข้านำมาขายนั้นก็มีให้เลือกกันหลากหลายรูปแบบทั้งรูปแบบธรรมดาและแบบ 3D ที่เป็นผ้าสามเหลี่ยมนูนๆ เวลาใส่แล้วจะช่วยทำให้จมูกดูโด่ง ใบหน้าเรียวเล็ก ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในหมู่วัยรุ่น สีที่นิยมใช้กันมากคือ สีดำ นอกจากลวดลายที่สั่งนำเข้ามาแล้ว ยังมีการสั่งสีพื้นเข้ามาเพื่อนำมาออกแบบลวดลายและสกรีนเอง เพื่อเพิ่มยอดขาย เช่น ลายเขี้ยวยักษ์ ค่อนรับได้รับการตอบรับที่ดี โดยราคาเฉลี่ยของสินค้าอยู่ที่ประมาณ 30 -100 บาท หรือหากลูกค้าอยากได้หน้ากากลายเฉพาะของตัวเองหรือสกรีนใส่ชื่อ ก็สามารถทำได้เช่นกัน



Cr: Nihok Mask     



     “จากที่เริ่มต้นขายมา ลูกค้าก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่โดยส่วนตัวแล้วยังมองว่าเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่นิยมใส่กัน ซึ่งถึงแม้จะเป็นการใช้ใส่เพื่อแฟชั่น แต่ก็มีคุณสมบัติสามารถนำมาใช้งานได้จริง ป้องกันฝุ่นละออง ควันพิษคาร์บอนต่างๆ ได้เหมือนกัน ถ้าลูกค้าสอบถามมาเราสามารถแนะนำให้ได้”
               

     จากในมุมของร้านค้าลองมาฟังความคิดเห็นจากผู้ผลิตกันบ้าง ซึ่ง สุระศักดิ์ พิพ่วนนอก เจ้าของโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย บริษัท เชียงใหม่ ไฮเซฟ จำกัด ที่เปิดบริษัทมาตั้งแต่ปี 2552 ก็ได้แสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันเช่นกัน เขาเล่าว่าแม้ในพื้นที่ของภาคเหนือตอนบน หรือในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เอง ที่มักประสบกับปัญหาหมอกควันเป็นประจำทุกปีในช่วงต้นฤดูแรงที่มีการเผาป่าเพื่อเตรียมแปลงเพาะปลูก ก็ไม่ได้ส่งผลให้ยอดการขายหน้ากากอนามัยของเขาเพิ่มมากขึ้นสักเท่าไหร่ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ไม่นิยมการใส่หน้ากาก แม้จะเกิดมลพิษทางอากาศที่มากกว่าปกติก็ตาม ไม่เหมือนกับผู้บริโภคต่างประเทศ เช่น ชาวญี่ปุ่นที่มักจะใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง มลพิษต่างๆ ในเวลาออกจากบ้านจนเป็นเรื่องปกติ



               

     “ด้วยนิสัยผู้บริโภคคนไทยจะไม่ค่อยชอบใส่หน้ากากอนามัยหรือผ้าปิดจมูกกันสักเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะไม่ได้ฝึกให้ใช้จนเป็นนิสัย และมีความรู้สึกว่าใส่แล้วอึดอัด หายใจไม่สะดวก และกลัวจะเป็นที่น่ารังเกียจ เวลาที่จะใส่จริงๆ คือ ตอนป่วยไปหาหมอที่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่ออร์เดอร์ของเราจะมาจากโรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรมที่เขาซื้อไปให้พนักงานใส่ รวมถึงรับจ้างผลิต OEM ให้กับแบรนด์ต่างๆ ซึ่งอยากแนะนำกับผู้บริโภคว่า ความจริงแล้วทางการแพทย์ได้กล่าวไว้ว่ามีเชื้อโรคอีกมากที่แอบแฝงอยู่ในอากาศ ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ และวิธีที่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายที่สุด คือ ระบบทางเดินหายใจ ทางออกที่ดีที่สุด คือ ควรป้องกันไว้ก่อนโดยการใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งหากสามารถปรับเปลี่ยนความคิดได้เสียใหม่ว่าการใส่หน้ากากอนามัยไม่ใช่สิ่งน่าอายหรือน่ารังเกียจอีกต่อไป ควรมองประโยชน์ให้เหมือนกับอุปกรณ์เสริมในชีวิตประจำวันที่ควรมีติดตัวไว้และนำมาใช้เมื่อยามจำเป็นในสภาวะที่เสี่ยงต่อเชื้อโรค แค่นี้ก็สามารถป้องการเชื้อโรคต่างๆ ได้มากแล้ว ดีกว่าติดเชื้อ เพราะเขินอาย มันไม่คุ้มเลย” 
               

     โดยสุดท้ายสำหรับสถานการณ์ฝุ่นควันและมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ สุระศักดิ์ได้ให้คำแนะนำสำหรับการเลือกใช้หน้ากากอนามัยไว้ว่า ปกติในท้องตลาดจะมีให้เลือกอยู่ 3 แบบด้วยกัน คือ


     1.เป็นหน้ากากอนามัยทำด้วยเยื่อกระดาษ 3 ชั้น แบบนี้เราจะคุ้นเคยกันดี เพราะทางโรงพยาบาลมักจะแจกให้กับผู้ป่วย สีเขียวกับสีขาวจะเห็นบ่อยที่สุด แบบนี้สามารถกรองเชื้อโรคขนาดเล็กได้และป้องกันเชื้อโรคประเภทไวรัสไข้หวัดได้เป็นอย่างดี หาซื้อง่าย พกพาสะดวก ควรใช้แล้วทิ้งเลย ไม่นำมาใช้ซ้ำ

  
     2.หน้ากากอนามัยแบบผ้า ข้อดี คือ สามารถป้องกันฝุ่นละอองที่ปลิวอยู่ในอากาศประเภทควันพิษ ท่อไอเสียได้ดี แต่ไม่เหมาะที่จะป้องกัน กรองเชื่อโรคได้ ข้อดี คือ สามารถซักและนำกลับมาใช้ได้


     3.หน้ากากอนามัย N95 เป็นหน้ากากที่ทางการแพทย์ระบุไว้ว่าสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ดีที่สุด เพราะสามารถกรองเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมากๆ ได้ดี มีประสิทธิภาพและป้องกันฝุ่นละอองได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์


     ฟังดูแล้วแม้หน้ากากอนามัยอาจจะยังไม่ได้เป็นสินค้าที่นิยมใช้กันมากนักของผู้บริโภคคนไทย เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่รู้สึกคุ้นชินเวลาใส่ แต่จะเห็นได้ว่าก็เริ่มมีกลุ่มคนเล็กๆ ให้ความสนใจ แม้อาจจะไม่ได้เริ่มต้นมาจากใส่ป้องกันสุขภาพซะทีเดียว แต่ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นสร้างให้เกิดความคุ้นเคยได้มากขึ้น ซึ่งถ้าบวกกับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้เห็นความสำคัญในการใช้งานที่มากขึ้น รวมถึงการสร้างค่านิยมใหม่ ใส่หน้ากากใครว่าเชย ไม่แน่วันหนึ่งเราอาจเห็นคนไทยใส่หน้ากาก (อนามัย) เข้าหากันมากขึ้นก็เป็นไปได้ เอ๊ะ! หรือว่าต้องลองหาโอปป้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์สักคน
 
 
 www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย

วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน