ธุรกิจบริการส่งอาหารสุขภาพเติบโตขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน ในยุคที่ผู้คนเริ่มใส่ใจดูแลตัวเอง และเลือกสรรเรื่องอาหารการกินมากขึ้น โดยหนึ่งในแบรนด์ที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์ ต้องยกให้ Thank God It’s Organic ปิ่นโตออร์แกนิก ส่งตรงถึงบ้าน ธุรกิจของอดีตสาวออฟฟิศ เอ- กฤตยา สัณฑมาศ ที่ไม่มีเวลาใส่ใจตัวเอง แม้กระทั่งเรื่องอาหารการกิน จนกระทั่งร่างกายเริ่มฟ้องอาการป่วย เธอจึงเริ่มสนใจทำอาหารสุขภาพกินเอง แบ่งปันสู่คนรอบข้าง จนมาสู่ธุรกิจปิ่นโตออร์แกนิก ที่มาพร้อมคอนเซปต์ตลอดกระบวนการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค ทุกอย่างต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และดีต่อสุขภาพของลูกค้า
กฤตยา รวมตัวกับเพื่อนอีก 6 คน เพื่อสร้างธุรกิจปิ่นโตในคอนเซปต์ที่ต้องการ โดยเริ่มต้นจากการลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ในการปรุงอาหาร ไม่ว่าจะเป็นแปลงปลูกผัก สวนผลไม้ หรือประมงเรือเล็ก จนได้ซัพพลายเออร์ที่เชื่อใจได้ในเรื่องของความเป็นออร์แกนิกแท้ ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องอาหารที่ต้องใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ และปลอดสารเคมี 100 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ยังใส่ใจแม้กระทั่งเรื่องภาชนะใส่อาหาร และรูปแบบการจัดส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
ความใส่ใจในแบบ Thank God คือหัวใจสำคัญที่ค่อยๆ สร้างฐานแฟนคลับให้ขยับขยายใหญ่โตขึ้น โดยไอเดียของพวกเขาคือ การทำให้ออร์แกนิกกลายเป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ เราเลยได้เห็นความน่าสนใจหลายอย่างที่สร้างสรรค์จากธุรกิจของชาว Thank God กฤตยาเล่าให้เราฟังว่า พวกเขาเลือกใช้ปิ่นโตสเตนเลส เพราะมีความปลอดภัยที่สุดในบรรดาปิ่นโตประเภทต่างๆ แต่พอเป็นสเตนเลสแล้วหน้าตาออกมาธรรมดา จึงดีไซน์ถุงเก๋ไก๋มาใส่เพิ่ม เพื่อสร้างความน่ารักน่าชังให้กับผู้รับ และต่อให้มีอุปสรรคสำคัญ จากการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล เพื่อให้ได้อาหารที่ดีที่สุด จนทำให้ไม่สามารถคาดการณ์วัตถุดิบล่วงหน้าได้ว่าในแต่ละวันจะได้อะไรมาสร้างสรรค์เมนูอร่อย แต่ทว่านั่นกลับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าได้รู้สึกตื่นเต้นไปกับการลุ้นว่าวันนี้จะมีเมนูอะไรมาเซอร์ไพรส์จาก Thank God
“ที่ทำเป็นปิ่นโตเพราะเรารู้สึกว่า เมื่อเราทำอาหารที่สะอาด และปลอดภัยออกมาแล้ว ก็อยากให้ตลอดกระบวนการผลิตจนส่งถึงมือผู้บริโภคไม่ก่อให้เกิดขยะขึ้นมาด้วย แม้แต่แก้วน้ำ เราก็ไม่ได้ใช้พลาสติก แต่จะใช้เป็นแก้ว ดื่มเสร็จแล้วก็ให้ล้างวนกลับมาใช้ใหม่ หรือแม้แต่การส่งเราก็ใช้วิธีปั่นจักรยานส่งเพื่อไม่ให้ก่อมลพิษเพิ่มขึ้นกับสิ่งแวดล้อม”
อีกแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของพวกเขาได้รับการตอบรับมากขึ้นในปัจจุบันคือ ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกฤตยาเล่าความน่าสนใจให้ฟังว่า จากการลงพื้นที่สำรวจตลาด และแหล่งวัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิกอย่างแท้จริง ทำให้ค้นพบความจริงว่า ตลาดออร์แกนิกยังมีโอกาสเติบโตได้อีก หากได้รับการส่งเสริมที่มากพอ
“จากการศึกษาพบว่าพื้นที่เกษตรอินทรีย์ หรือออร์แกนิกมีเพียงแค่ 1-2 เปอร์เซ็นต์ในประเทศเท่านั้น นั่นเท่ากับว่าจริงๆ แล้วตลาดมีอยู่คือ ต้องมีคนที่อยากกินอาหารออร์แกนิก 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แน่นอน เพียงแต่ที่ตลาดกลุ่มนี้ไม่เติบโตเพราะยังไม่มีใครสนใจพัฒนาอย่างจริงจังเท่านั้น หรือถ้ามีก็เป็นกลุ่มคนเล็กๆ ซึ่งเล็กมาก เมื่อตลาดยังมีคนน้อย วัตถุดิบก็เลยน้อยตาม เป็นปัจจัยให้ผู้ผลิตมีน้อยกว่าผู้บริโภค แต่จากที่คุยกับเพื่อนๆ พบว่า คนอยากกินอาหารออร์แกนิกเยอะ แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีเวลา เพราะต้องทำงาน และการทำรับประทานเองก็จะยุ่งยากกว่าการซื้อ Thank God จึงเป็นเหมือนการแบ่งปันร่วมกันของกลุ่มคนรักสุขภาพ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจของพวกเราเติบโตขึ้น”
การทำธุรกิจโดยใส่ใจในทุกรายละเอียด มีการศึกษาตลาดก่อนลงมือทำ และคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นตัวตั้ง โดยยังคงมีสินค้าและบริการใหม่ๆ ออกมาสนองใจลูกค้าคนรักสุขภาพอย่างต่อเนื่อง พวกเขายังคงปรับตัวเองเพื่อรักษาจุดยืนของธุรกิจในการเป็นครัวออร์แกนิกเพื่อผู้บริโภค โดยมีการปรับรูปแบบธุรกิจให้ความเหมาะสมกับตลาดที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เช่น เปลี่ยนจากอาหารปิ่นโตไปเป็นป๊อปอัพสโตร์ โดยร่วมกับร้านที่เป็นเชฟเทเบิล ทำสูตรเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ที่คิดขึ้นมาจากคุณหมอนักโภชนาการ หรือการแปรรูปเครื่องปรุงทุกอย่าง เช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสบาร์บีคิว หรือน้ำจิ้มสุกี้ ให้เป็นออร์แกนิกทั้งหมด ซึ่งเธอเชื่อว่าอย่างไรเสีย อาหารออร์แกนิก จะยังคงเป็นอาหารที่ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มคนรักสุขภาพ และเป็นตลาดที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัดตลอดหลายปีที่ผ่านมา
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี