Text : กองบรรณาธิการ
Photo : กฤษฎา ศิลปไชย
เพียงไม่กี่วันหลังการแต่งตั้ง สุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ตามมาตรา 44 โดยมีวาระ 2 ปีนั้น ทาง SME Thailand ได้มีโอกาสสัมภาษณ์เปิดใจการเข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ พร้อมสอบถามถึงทิศทางการขับเคลื่อนและการยกระดับผู้ประกอบการ SME ไทยนับจากนี้
ผู้อำนวยการ สสว. คนใหม่ เผยถึงวิสัยทัศน์และแผนดำเนินงานที่พร้อมปฏิบัติการสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีให้กับ SME ไทยว่า ในเบื้องต้นมุ่งสานต่อกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ ตามแผนงบประมาณปี 2561 ที่ได้จัดสรรไว้ให้ออกมาดีที่สุด โดยจะดึงเครือข่ายแนวร่วมที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญมาทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ พร้อมเพิ่มฝ่ายติดตามประเมินผลงานขึ้นมาทำหน้าที่วิเคราะห์และติดตามผลการทำงานเชิงคุณภาพ เพื่อสนับสนุนให้ SME เติบโตอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน สสว. ก็พร้อมที่จะเป็นเครื่องมือของภาครัฐ ผนึกกำลังกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน บูรณาการทำงานช่วยเหลือเยียวยา SME เป็นการเร่งด่วนตามโจทย์ที่รัฐบาลกำหนด
โดยทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ควบคู่กันไปคือ การสร้างสรรค์พัฒนาสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นจริงและอย่างรวดเร็ว ภายใต้แนวคิด Reinventing SME Future กล่าวคือ การวางรากฐานสร้างอนาคตให้ SME ไทย รองรับโลกการแข่งขันยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยมี 3 นโยบายสำคัญที่ต้องการผลักดันให้เห็นเป็นรูปธรรมในช่วง 2 ปีที่ดำรงตำแหน่ง ได้แก่ Transformation, Internationalization และ การพัฒนาเครือข่ายกลุ่มใหม่ เพื่อลดอัตราการล้มหายตายจากของ SME และส่งเสริมให้ SME รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้ในโลกการแข่งขันยุคดิจิทัล
อย่างไรก็ดี ผู้อำนวยการ สสว. ได้มอบหมายให้ “หน่วยงานสัญญาณเตือนภัย” ของ สสว. ทำหน้าที่หลักในการมอนิเตอร์ข้อมูล วิเคราะห์สภาพปัญหา พร้อมสื่อสารเตือนภัยให้ SME ในทุกไตรมาส เพื่อให้เกิดการตื่นตัว เรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนและเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ อีกนโยบายที่จะดำเนินการต่อเนื่องกันไปคือ การเชื่อมโยงการค้า-การลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า และก่อให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีร่วมกัน ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยประเทศที่เป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ของ สสว. ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง และอินเดีย นอกเหนือจากกลุ่มประเทศ CLMV ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนอยู่ก่อนแล้ว
ขณะเดียวกันยังมุ่งพัฒนาเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญและสร้างนักพัฒนารุ่นใหม่ให้มาช่วยกันระดมสมอง ออกแบบองค์ความรู้ชุดใหม่และถ่ายทอดสู่ SME โดยเน้นสื่อสารช่องทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น รวมทั้งการเดินสายพัฒนาเครือข่ายไปตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อยกระดับ สสว. ขึ้นเป็นผู้นำ SME ในเชิงองค์ความรู้และผู้วางอนาคต ด้วยเชื่อมั่นว่าจากกลไกการทำงานเช่นนี้ จะสามารถส่งมอบเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญและนักพัฒนารุ่นใหม่ ที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศไทยได้ในระยะยาว
“ผมคาดหวังว่านโยบาย 3 เรื่องหลักที่เรากำลังดำเนินการนี้ จะทำให้ SME ไทย ‘ระเบิดจากข้างใน’ ตามพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่เน้นสร้างความเข้มแข็งให้กับ SME ไทย แต่ SME ต้องรู้ก่อนว่าตัวเองมีอนาคต คือ ‘Future SME’ ที่เก่ง ทันสมัย เรียนรู้ที่จะอยู่รอดในปัจจุบัน พร้อมทรานสฟอร์มสู่อนาคต เปลี่ยนคนเก่งรอบตัวเป็นพันธมิตร และทำเพื่อสังคมองค์รวม ที่สำคัญต้องกล้าที่จะระเบิดจากข้างใน SME ถึงจะก้าวไปสู่โลกภายนอกได้อย่างมั่นคง”
อย่างไรก็ตาม สสว. ในฐานะที่เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนและเพิ่มศักยภาพของ SME ก็ต้องปรับเปลี่ยนมองค์กรสู่อนาคตและก้าวทันโลกด้วยเช่นกัน ในวาระ 2 ปีที่ดำรงตำแหน่ง ผอ.สุวรรณชัย ตั้งใจจะสร้างวัฒนธรรมองค์กรทำให้ สสว. เป็นหนึ่งเดียว โดยมุ่งหวังให้บุคลากรทุกคน ทุกฝ่าย มีความสุขในการทำงาน มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทั้งยังจะยกระดับความรู้ความสามารถ สนับสนุนบุคลากรของ สสว. ทั้งคนเก่าที่ทำงานอยู่แล้ว และกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้เติบโต เก่งและแกร่งขึ้นในมิติต่างๆ เพื่อให้ สสว. สามารถเป็นที่พึ่งพาของ SME ได้อย่างแท้จริง
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
RECCOMMEND: ENTREPRENEUR
ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว
เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย
เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน