Text : กองบรรณาธิการ
ที่ผ่านมาสิ่งหนึ่งที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงให้เห็นชัดเจนที่สุดคือ ผู้ผลิตจะไม่ได้เป็นคนกำหนดทิศทางของตลาดอีกต่อไป แต่กลายเป็นผู้บริโภคคือ คนชี้นำความต้องการที่จะเกิดขึ้นในตลาดแทน พูดง่ายๆ คือ วันนี้ภาคธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ต้องลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนตัวเองไปตามความต้องการของผู้บริโภค และจะเห็นได้ว่า ความต้องการของผู้บริโภคนั้นก็มีหลากหลาย ซับซ้อน และมีความเฉพาะตัวมากขึ้น บวกกับเทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นสื่อกลางเปิดทางให้ผู้บริโภคมีโอกาสได้เลือกมากขึ้น ง่ายขึ้น และสะดวกขึ้น ส่งผลให้เกิดการเฟ้นหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเองจริงๆ ไม่ใช่อะไรก็ได้อีกแล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้สินค้าทั่วๆ ไป หรือที่เราเรียกกันว่าสินค้า Mass นั้น อาจจะเริ่มไม่ได้อยู่ในสายตาของผู้บริโภคมากเหมือนเดิมอีกต่อไป
โอกาสของธุรกิจเฉพาะทางกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจชวนให้หลายคนกระโดดลงสู่สนามแห่งนี้ เพราะมองเห็นช่องว่างที่เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปนั่นเอง เช่นเดียวกับ Sour Bangkok บริษัทโฆษณาน้องใหม่ที่วาง Position ตัวเองอย่างชัดเจนว่าเป็นเอเยนซี่ที่ทำการตลาดและสื่อสารกับตลาดผู้หญิงโดยเฉพาะ จนกลายเป็นธุรกิจเฉพาะทางที่สร้างความแตกต่างจากบริษัทโฆษณาทั่วไป จากการเปิดเผยของ ดมิสาฐ์ องค์ศิริวัฒนา Co-founder & Executive Creative Director บริษัท Sour Bangkok กล่าวว่า ด้วยความเชี่ยวชาญที่อยู่ในวงการเอเยนซี่และทำการตลาดในกลุ่มผู้หญิงมาเป็นเวลานาน ประกอบกับเทรนด์ของโลกที่ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า กำลังซื้อ 80 กว่าเปอร์เซ็นต์มาจากผู้หญิง ทำให้เธอและหุ้นส่วนตัดสินใจเปิดธุรกิจดังกล่าว แม้ตอนแรกจะมีหลายเสียงคัดค้านว่า การเลือกทำเฉพาะตลาดผู้หญิงจะแคบไปไหมสำหรับธุรกิจนี้ แต่ปรากฏว่าหลังจากเปิดตัวไปกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นที่น่าพอใจ เพราะการที่ Sour Bangkok เลือกโฟกัสที่ตลาดผู้หญิงโดยเฉพาะ ทำให้บริษัทเกิดความแตกต่างในสายตาลูกค้า ขณะที่ผู้บริโภคเองก็จะรับรู้ถึงความต่าง เพราะสิ่งที่สื่อสารออกไปนั้น เขามั่นใจว่าเป็นการพูดกับกลุ่มผู้หญิงโดยตรง ทำให้เกิดการตัดสินใจง่ายขึ้น
“อะไรที่เฉพาะทาง โดยส่วนตัวมองว่าค่อนข้างเวิร์กกับตลาดในยุคนี้ สมัยก่อนคนไม่ได้มีตัวเลือกในการซื้อมาก ไปซูเปอร์มาร์เก็ตก็จะหยิบสินค้าที่เป็นกลางๆ ไว้ ตอนนี้รู้สึกได้ว่าพฤติกรรมการซื้อเปลี่ยนไป คนใช้เวลาในการเลือกของที่เหมาะกับตัวเองจริงๆ เหมือนกับการทำการตลาดเชิงตัวที สมัยก่อนจะเป็นขาตัวทีด้านบนแนวนอน แต่ตอนนี้พอพูดกับกลุ่มเป้าหมายที่ลึกขึ้น เหมือนกับตัวทีแนวตั้ง เป็นทางลึกลงมา สำหรับเรา Niche ไม่ได้แปลว่าแคบเสมอไป แต่จะมีความหลากหลายมากขึ้น โดยปรับไปตามความต้องการของคนมากกว่า อย่างเราบอกว่าเป็นเอเยนซี่ที่ทำ Communication โดยเฉพาะกับผู้หญิง อาจจะไม่ได้แค่การโฆษณาเท่านั้น อาจจะแตกไปสู่งานดีไซน์เพื่อผู้หญิง หรืออาจจะเป็น Entertainment เพื่อผู้หญิง เป็นการลงเชิงลึกก็จริง แต่ก็ต้องแอบมีเชิงกว้างเผื่อไว้สำหรับการเติบโตด้วย”
อย่างไรก็ดี ดมิสาฐ์ยังบอกด้วยว่า การเป็นธุรกิจเฉพาะทาง เรียกได้ว่าเป็นการสร้างจุดต่างให้ตัวเองระดับหนึ่ง ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่จะกระโดดลงมาทำตลาดนี้ นั่นแปลว่าเขามีความชำนาญด้านนั้นๆ โดยเฉพาะ ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่น จากจุดต่าง ก็จะกลายเป็นจุดแข็งและจุดขายให้กับแบรนด์ในที่สุด
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
RECCOMMEND: ENTREPRENEUR
ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว
เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย
เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน