Text : กองบรรณาธิการ
จากการเริ่มต้นด้วยความชอบ จนเมื่อมีโอกาสทดลองโจทย์ใหม่ที่ท้าทาย ทำให้ The Oven Farm แบรนด์ขนมปังเพื่อสุขภาพได้ถือกำเนิดขึ้น แม้จะเป็นเพียงแบรนด์เล็กๆ แต่ The Oven Farm ก็สามารถเติบโตในหมู่ผู้บริโภคที่มีปัญหาด้านสุขภาพและข้อจำกัดในการเลือกรับประทานอาหาร และต่อมาเริ่มได้รับความนิยมจากลูกค้าหลายกลุ่มเพิ่มมากขึ้น จากที่เคยวางขายแค่ในร้านเพื่อสุขภาพ ก็ขยับขยายออกไปวางอยู่ตามร้านกาแฟ ร้านค้าที่เป็นไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ อะไรทำให้แบรนด์ขนมปังเล็กๆ แบรนด์นี้สามารถครองใจผู้บริโภคได้ดีมาตลอด
ไธวดี ศุภโรจน์ เจ้าของแบรนด์ The Oven Farm เล่าว่า ช่วงแรกก็ทำเบเกอรีปกติขาย จนวันหนึ่งได้รับโจทย์จากคุณหมอท่านหนึ่งแนะนำให้ลองทำเบเกอรีที่เหมาะสำหรับผู้ป่วย คือต้องไม่มีส่วนผสมของนม เนย และไขมันทั้งพืชและสัตว์ จึงได้เริ่มทดลองทำดู ผลปรากฏเป็นที่ถูกใจของลูกค้ากลุ่มดังกล่าว เนื่องจากยังไม่เคยมีใครทำขนมปังแบบนี้มาก่อน กอปรกับใช้ต้นทุนน้อยกว่าการทำเบเกอรีทั่วไป และเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพด้วย จึงตัดสินใจหันมาทำเบเกอรีหรือขนมปังเพื่อสุขภาพอย่างเต็มตัว โดยความพิเศษของขนมปัง The Oven Farm คือผลิตมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ ปลอดภัยจากสารเคมี ไม่ใช้นม เนย ไข่ ไขมันจากพืชและสัตว์ วัตถุกันเสีย และสารเสริมคุณภาพ ที่สำคัญผลิตกันวันต่อวันแบบโฮมเมด
“ยอมรับว่าตอนแรกเราไม่ได้คิดถึงโอกาสทางธุรกิจเลย มีโจทย์เข้ามาก็เลยลองทำ และกลับพบว่ายังไม่เคยมีใครทำขนมปังแบบนี้มาก่อน เลยกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจ เป็นที่ต้องการของผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดในการเลือกกินอาหาร จนเมื่อเวลาผ่านไปผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น สื่อโซเชียลต่างๆ เริ่มเข้ามา ลูกค้าของเราก็เพิ่มมากขึ้น จากคนที่ต้องกิน เพราะกินอย่างอื่นไม่ได้ ก็เริ่มเขยิบขึ้นมาเป็นคนทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องกินก็ได้ แต่อยากลองกินเพื่อดูแลสุขภาพ กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นก็เริ่มมีมากขึ้นด้วย โซเชียลมีเดียทำให้เราสื่อสารกับลูกค้าได้มากขึ้น”
ด้วยความที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ผู้มีปัญหาด้านสุขภาพเป็นหลัก ขั้นตอนในการผลิตขนมปังของ The Oven Farm จึงค่อนข้างมีรายละเอียดและข้อจำกัดมากกว่าการผลิตขนมปังธรรมดาที่มีขายทั่วไป
“เพราะเราเลือกทำขนมที่ไม่เหมือนใคร จึงทำให้มีข้อจำกัดหลายอย่าง เราเลือกใช้แต่วัตถุดิบธรรมชาติ ไม่ใส่วัตถุกันบูด สารปรุงแต่งต่างๆ รวมถึงส่วนประกอบที่เป็นข้อห้ามสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น นม เนย ไขมัน ก็เพื่อให้ได้ขนมปังที่ใครๆ ก็สามารถกินได้ ขั้นตอนกระบวนการทำเราก็เป็นแฮนด์เมดแทบจะทั้งหมด เราทำงานกัน 24 ชั่วโมงแบ่งออกเป็นกะๆ ก็เพื่อให้ได้ขนมปังที่มีคุณภาพ สดใหม่ส่งตรงถึงมือผู้บริโภค”
แม้จะเป็นเพียงแบรนด์ขนมปังโฮมเมดเล็กๆ แต่ The Oven Farm ก็มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกกว่า 100 ชนิด และในทุกวันนี้ก็ยังคงคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มเติมออกมาอยู่เรื่อยๆ
“ที่เราทำออกมาเยอะขนาดนี้ ก็เพื่อต้องการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า อาจจะดูผิดหลักการทำธุรกิจไปบ้างเพราะต้องยุ่งยากในการผลิต แต่ด้วยความที่เราทำแบบโฮมเมดเล็กๆ จึงทำให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ไม่ยาก อีกอย่างยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการซื้อด้วย ถ้าเรามี 5 รส ลูกค้าอาจเลือกแค่รสเดียว แต่ถ้าเรามี 20 รส เขาอาจซื้อสัก 2-3 ชิ้นเพื่อเอาไปลอง แต่ถึงแม้จะมีให้เลือกเยอะขนาดนี้ ก็ยังมีลูกค้าถามเข้ามาทุกวันว่าอาทิตย์นี้จะมีอะไรใหม่ไหม เป็นเหตุผลให้เราต้องลองทำออกมาเรื่อยๆ”
ไธวดีกล่าวว่า The Oven Farm อาจเริ่มต้นมาจากจุดเล็กๆ มีกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม อาจเป็นจำนวนที่ไม่มากมาย แต่หากสามารถครองใจพวกเขาได้ จากจุดเล็กๆ ก็จะกลายเป็นจุดที่ยั่งยืนขึ้นมาได้ รวมไปถึงอาจส่งผลต่อการสร้างโอกาสเพิ่มเติมขึ้นมาในอนาคตได้ ซึ่งการรักษาคุณภาพมาตรฐาน และความจริงใจที่มีให้แก่ลูกค้าคือ สิ่งสำคัญ
“ทุกวันนี้เรามีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น แต่คู่แข่งก็มีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สิ่งที่เราทำได้ไม่ใช่การโฆษณาว่าเราดียังไง กินแล้วผอม กินแล้วไม่เป็นมะเร็งนะ เรายังคงใช้วิธีสื่อสารแบบเดิมๆ ว่าเราคือ ขนมปังที่คนมีปัญหาด้านสุขภาพก็สามารถกินได้นะ หรือใครที่ไม่ได้เป็นอะไร แต่อยากกินเพื่อสุขภาพก็สามารถกินได้ ขนมปังของเราทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาตินะ ไม่ได้ใส่สารกันบูด อาจเสียเร็ว ฉะนั้นต้องเก็บรักษายังไง เรามีกระบวนการผลิตยังไงบ้าง นี่คือ สิ่งที่เราพยายามบอกกับลูกค้ามาตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจ เราต้องการทำให้โปร่งใสทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน เพราะอยากให้เขารู้ว่าเราจริงใจกับเขานะ ทุกวันนี้ยังมีลูกค้าส่งข้อความมาบอกทุกวันว่า ขอบคุณที่ทำขนมดีๆ มาให้เขากิน อย่าเพิ่งเลิกทำนะ พูดแล้วเหมือนโกหก แต่นี่คือเรื่องจริง เราจึงค่อนข้างเหมือนผูกขาดกับตลาดตรงนี้”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี