ท่ามกลางบริบทการส่งเสริมการตลาดผ่านการทำ CSR ที่กำลังเฟื่องฟู แต่ละองค์กรย่อมมีวิธีการ และวัตถุประสงค์ในการทำ CSR แตกต่างกันออกไป
ในขณะที่ แปลน ฟอร์ คิดส์ วางตัวเองเป็นผู้นำนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเด็ก บนพื้นฐานของความตั้งใจ ที่อยากให้เด็กไทยมีสื่อส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ทั้ง EQ และ IQ ครบรอบด้าน จึงเริ่มต้นทำธุรกิจจากการผลิตหนังสือสำหรับเด็ก แล้วผันมาสู่การวางตัวเป็น ผู้นำด้านนวัตกรรม ส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเด็กอย่างครบวงจร ทั้งหนังสือนิทาน สื่อการเรียนรู้ และกิจกรรมสำหรับเด็ก
จุดแข็งของแปลน ฟอร์ คิดส์ที่ ริสรวล อร่ามเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัทยืนยันกับ smethailandclub ก็คือ ความเป็นมืออาชีพและคุณภาพของสื่อสำหรับเด็ก ภายใต้การผลิตของทีมงานที่มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพัฒนาการและจิตวิทยาเด็ก แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นสื่อสำหรับเด็กคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นจุดแข็ง ที่เกิดขึ้นด้วยความคิดที่ว่าต้องการสร้างเมล็ดพันธุ์แห่งการอ่าน ให้เติบโตในใจของเด็ก
ใครว่าธุรกิจเดินหน้าด้วยความคิดที่จะ “ให้” ไม่ได้... แปลน ฟอร์ คิดส์คือคำตอบ
แปลนฟอร์ คิดส์ ถือกำเนิดเป็นครั้งแรกภายใต้แบรนด์แปลน บุ๊คเน็ต ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2540 โดยวาง positioning ของตัวเองเป็นผู้จัดจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์สำหรับเด็ก ภายใต้พันธกิจที่ตระหนักถึงการพัฒนาศักยภาพ ของเด็กและเยาวชนผ่านหนังสือ หลังจากนั้นในปี 2545 ถึงได้เปลี่ยนเป็น แปลน ฟอร์ คิดส์เพื่อวาง positioning ใหม่ให้ครอบคลุมการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ภายใต้ผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งสื่อส่งเสริมการเรียนรู้ หนังสือนิทาน และกิจกรรมพิเศษสำหรับเด็ก
เมื่อวาง Positioning แล้ว ตัวแปรที่ทำให้เห็นภาพของการทำงาน 360 องศาได้ชัดเจนก็คือ ‘โครงการนิทานเพื่อนรัก’ ซึ่งถือกำเนิดตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมการอ่านที่บูรณาการการเรียนรู้ ทั้งเนื้อหาและกระบวนการ โดยจัดทำเป็นนิทานรายเดือนสำหรับเด็กวัย 3-6 ขวบ และ 6-9 ขวบ และจัดจำหน่าย ภายใต้ระบบสมาชิก โรงเรียนที่เป็นสมาชิกเด็กนักเรียนในสองกลุ่มนี้ก็จะได้อ่านหนังสือนิทาน เดือนละ 1 เล่ม โดยที่ท้ายเล่มจะมีกิจกรรมและกระบวนการเรียนรู้ต่อยอดจากเนื้อหาของนิทานแต่ละเล่ม พร้อมกับมีคู่มือครู ให้ครูได้นำเอากิจกรรมดังกล่าวไปสร้างกิจกรรมเพิ่มเติมให้เด็ก รวมถึงมีกิจกรรมให้เด็กๆ กลับไปทำกับพ่อแม่อีกด้วย
ส่วนที่บอกว่าเป็นความชัดเจนของ positioning ซึ่งเป็นส่วนเติมเต็มก็คือ กิจกรรมพิเศษของโครงการ นิทานเพื่อนรัก ที่เข้าไปจัดกิจกรรมให้กับเด็กๆ ในโรงเรียนซึ่งเป็นสมาชิกโครงการ โดยกิจกรรมจะเน้นการ ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งทั้งหมดทั้งหมวด และมี “จุดแข็ง’ อยู่ที่ ทั้งเนื้อหาและกิจกรรมที่สอดคล้องกับ หลักสูตรการ เรียนการสอน และหน่วยการเรียนรู้ของเด็กชั้นอนุบาลตามกระทรวงศึกษาธิการ
“เราอยากเห็นเด็กไทยรักการอ่าน เราอยากให้เด็กมีคุณภาพ และอยากผลิตสื่อเพื่อส่งเสริมกระบวน การเรียนรู้ของเด็กให้เหมาะสมกับวัย พัฒนาการ จิตวิทยา และเป็นสื่อที่เด็กชอบจริงๆ ซึ่งก็คือ หนังสือนิทาน และไม่ใช่แค่นั้น เราตั้งใจให้หนังสือนิทานของเราเป็น สื่อ ที่ช่วยทั้งพ่อแม่และครู ในการปรับทั้ง เรื่องพฤติกรรม อารมณ์ และนิสัยตลอดจนเรื่องในชีวิตประจำวันที่จำเป็น อีกด้วย สิ่งไหนที่เป็นด้านลบ เราเชื่อว่าหากพ่อแม่และ ครูใช้หนังสือนิทานเราเป็นสื่อ ก็จะสามารถปรับพฤติกรรมนั้นได้ เพราะก่อนที่จะทำหนังสือออกมาแต่ละเล่ม เราคิดไว้ก่อนเลย ว่าหนังสือเล่มนั้นจะให้อะไรกับเด็กบ้างนอกจากความสนุกสนาน เพราะฉะนั้นเราปักธงเลย ว่าเราจะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการส่งเสริมการบวนการเรียนรู้สำหรับเด็ก”
นอกจากนี้แล้ว ความเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กของทีมงาน ยังส่งผลให้เด็กๆ ชอบ และสนุกที่จะอ่าน เพราะนิทานจะถูกเขียนมาให้ตรงกับโลกของเด็ก สิ่งที่เด็กพบเจอ และชีวิตประจำวัน โดยที่ในการ ถ่ายทอด ผ่านตัว ละคร ภาพ โทนสี การจัดรูปเล่ม ทุกอย่างเกิดขึ้นภายใต้กรอบของความเหมาะสมกับเด็กอีกด้วย
นั่นคือภาพรวมของธุรกิจ แต่ key success ของแปลน ฟอร์คิดส์ ส่วนหนึ่งอยู่ที่กลุ่มเป้าหมายด้วย คือแทนที่จะจับกลุ่มพ่อแม่กลุ่มเดียวซึ่งทัศนคติส่วนใหญ่ยังไม่ได้เห็นหนังสือเป็นของจำเป็นสำหรับลูก ก็ไปจับกลุ่มโรงเรียน ซึ่งมีขนาดตลาดที่ใหญ่ขึ้น และช่วยเอื้อให้การตั้งราคาหนังสือ สามารถตั้งราคาได้ ไม่สูงมาก ทำให้คนส่วนใหญ่สามารถเป็นเจ้าของได้ ซึ่งเป็นความตั้งใจของคุณริสรวลตั้งแต่แรก
ประเด็นของการนำเสนอที่เราต้องการจะสื่อในที่นี้มีเรื่องเดียว นั่นคือ ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม คุณต้องมั่นใจในสิ่งที่ทำ เข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้ง แล้วทำมันออกมาให้ดีที่สุด
เราแค่อยากจะบอกว่า ภายใต้แนวคิดการทำสิ่งดีๆ ก็ประสบความสำเร็จได้
ดูอย่างธุรกิจที่ใครๆ ก็บอกว่า เป็นตลาดปราบเซียน อย่างหนังสือเด็ก องค์กรใหญ่ๆ บางแห่งยังไม่กล้าทำเลย
ขอให้มั่นใจในสิ่งดี ยืนยันอีกครั้ง!!!