​Just In Case รองเท้าเสริมความมั่นใจให้หนุ่มๆ

Text : กองบรรณาธิการ





     นอกจากส้นสูงที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้หญิงแล้ว จะมีใครคิดไหมว่าผู้ชายเองก็ต้องการรองเท้าที่ช่วยเสริมความสูงให้ตัวเองดูดี ดูสมาร์ทด้วยเหมือนกัน อาจไม่เคยมีใครนึกถึงมาก่อน แต่สำหรับ เฉลิมกิติ์ โภคคามาศ แล้ว เขากลับมองว่า นี่คือ โอกาสครั้งสำคัญ และทำให้ตัดสินใจทิ้งงานด้านครีเอทิฟที่เงินเดือนไม่ใช่น้อย มาเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ ที่หลายคนอาจมองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่วันนี้ผ่านมาแล้ว 3 ปีกว่า Just In Case แบรนด์รองเท้าเสริมความสูงสำหรับผู้ชายของเขามีสาขาขึ้นห้างแล้วกว่า 3 สาขา ยังไม่นับรวมที่ไปเปิดช็อปและส่งขายยังต่างประเทศ และนี่คงจะเป็นคำตอบให้กับทุกความสงสัยได้เป็นอย่างดี              

      

     “ผมเชื่อว่าการดีไซน์คือ การแก้ปัญหา เลยพยายามมองหาปัญหาที่ยังไม่มีใครแก้ จนมาเจอกับตัวเองคือ ผมเป็นคนรูปร่างเล็กบางทีใส่รองเท้าก็จะใส่แผ่นเสริมส้นด้วย แต่มันทำให้รองเท้าพังง่าย และใส่ไม่สบาย เลยคิดว่าถ้ามีรองเท้าผู้ชายที่สามารถเพิ่มความสูงความมั่นใจได้ทันที ใส่ได้จริงและใส่สบายก็น่าจะดี เลยอยากจะลองทำขึ้นมา ด้วยความที่เป็นสินค้าที่ไม่มีใครทำมาก่อน จึงค่อนข้างเป็นเรื่องยากในช่วงแรก ไปหาช่าง ช่างก็ไม่ยอมทำให้ จนในที่สุดผมจึงต้องตัดสินใจไปลงเรียนทำรองเท้า ลองปรึกษาเพื่อนที่เป็นหมอด้านกระดูก และใช้หลักทฤษฎีการออกแบบที่ได้เรียนมา จนสามารถออกแบบมาเป็นรองเท้าเสริมความสูงได้ในที่สุด”              

   
     เฉลิมกิติ์เล่าว่า ในช่วงแรกนั้นเขาเริ่มต้นจากการรับสั่งตัดก่อนและเปิดตัวในตลาดออนไลน์ เพื่อเซฟต้นทุนในการสต็อกไซส์ต่างๆ เมื่อธุรกิจเริ่มไปได้ดีขึ้นจึงเริ่มหันมาทำเป็นรองเท้าสำเร็จรูปที่พร้อมใช้งานได้ทันที สำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้ด่วน โดยนอกจากความยากในการสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาแล้ว เฉลิมกิติ์เล่าว่า ความยากในการสื่อสารการทำตลาดกับลูกค้าก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ เพราะแม้จะต้องการเพิ่มความสูง แต่ผู้ชายทั่วไปก็ไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนตัวเตี้ย
               

     “เราไม่ได้วางตำแหน่งของแบรนด์ไว้ว่า ต้องการขายให้คนรูปร่างเล็กอย่างเดียว แต่เราตั้งใจอยากให้ Just In Case เป็นรองเท้าที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเขาได้ในทันทีในโอกาสสำคัญต่างๆ เหมือนที่ผู้หญิงมักจะมีรองเท้าส้นสูงติดบ้านไว้ ยกตัวอย่างเช่น ในวันแต่งงานเขาอาจจะตัวสูงอยู่แล้ว แต่พอแฟนใส่รองเท้าส้นสูงไป 4 นิ้ว เลยทำให้เขาดูตัวไม่สูง ซึ่งจริงๆ เขาเองก็อาจจะอยากเพิ่มความสูงให้ดูดีเหมือนกัน ดังนั้น จุดนี้เป็นจุดที่เราใช้ยึดในการสื่อสารออกไปยังลูกค้า เราจะไม่มีภาพแบบว่าเป็นคนตัวไม่สูง แต่พอใส่แล้วสูงขึ้น เราจะไม่พูดแบบนั้น แต่จะพูดว่าเป็นความมั่นใจที่สามารถทำได้ทันที”
         
      



     เพื่อการทำตลาดที่มีประสิทธิภาพ นอกจากกลุ่มลูกค้าผู้ชายทั่วไปแล้ว เฉลิมกิติ์แบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็น 3 กลุ่มชัดเจน คือ 1.กลุ่มนักศึกษาที่ต้องการใส่ในวันรับปริญญา 2.กลุ่มเจ้าบ่าวเจ้าสาว 3.กลุ่มไบเกอร์
               

     “หลังจากเราเริ่มผลิตรองเท้ามาได้สักพักหนึ่ง เราก็เริ่มเห็นลูกค้าตัวจริงของเรา อย่างบางกลุ่มที่เราคิดไม่ถึง เช่น กลุ่มไบเกอร์ เขาก็ชอบซื้อมาใส่ เพราะมันทำให้ดูสมาร์ทขึ้น เพราะเบาะรถมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่จะมีความสูงตามสัดส่วนผู้ชายตะวันตก ซึ่งเมื่อเรากำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนได้แล้ว ทำให้สามารถสื่อสารออกไปได้ง่ายขึ้นว่า เรากำลังสื่อสารกับใคร ภาพที่ใช้เป็นยังไง เขียนคอนเทนต์ยังไง และต้องสื่อสารไปที่ไหน”


     เฉลิมกิติ์เล่าว่า จุดเด่นของ Just In Case คือ ดูภายนอกเหมือนเป็นรองเท้าผู้ชายปกติทั่วไป แต่ด้านในนั้นสามารถเพิ่มความสูงได้ตามที่ต้องการ โดยมีให้เลือกตั้งแต่ 5-8 เซนติเมตร นอกจากนี้ เขายังให้ความสำคัญกับวัสดุที่ใช้และการตัดเย็บก็ประณีตไม่ต่างจากรองเท้าแฮนด์เมดดีๆ คู่หนึ่ง สนนราคาอยู่ที่คู่ละ 5,000-8,000 บาท
               

     “เราตั้งคอนเซปต์ของแบรนด์ไว้ว่า Creative-Made with Craftsmanship คือ เป็นแบรนด์ที่ออกแบบมาเพื่อการแก้ปัญหาบางอย่าง เพราะความเชื่อของเรา คือ ดีไซน์ที่สามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาได้ นั่นคือเรื่องความสูงของผู้ชาย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นงานฝีมือด้วย โดยเราจะกำหนดความสูงจากโอกาสที่ใช้และรูปทรงดีไซน์รูปทรง ซึ่งแต่ละรุ่นที่ออกแบบมาจะตรงกับความต้องการของเขาในไลฟ์สไตล์นั้นๆ อย่างถ้าใส่ทำงานใส่ทุกวันความสูงก็ไม่น่ามากประมาณ 5-6 เซนติเมตร แต่ถ้าโอกาสพิเศษ เช่น งานแต่งหรือรับปริญญาอาจสูงได้ถึง 7-8 เซนติเมตร ซึ่งผู้ชายจะไม่เหมือนผู้หญิงเวลาซื้อรองเท้าเขาจะมีวาระและโอกาสที่ชัดเจน”

               

     

     ทุกวันนี้นอกจากสาขาในไทย 3 แห่งแล้ว Just In Case ยังเพิ่งเปิดร้านเพิ่มในประเทศลาวด้วย รวมถึงยังส่งไปขายยังประเทศฮ่องกง อิตาลี ซึ่งเฉลิมกิติ์มองว่า ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีที่ธุรกิจเขาสามารถเติบโตได้มากขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการพยายามหาโอกาสในตลาดที่มีผู้เล่นน้อยหรืออาจไม่มีเลย แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่ที่มุมมองและวิสัยทัศน์ที่ดีด้วย
               

     “ที่เราประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ ผมมองว่าวิสัยทัศน์เป็นสิ่งสำคัญ อย่างเราเลือกที่จะจับตลาดเฉพาะที่มีผู้เล่นน้อย เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจ แต่หากไม่สามารถมองออกได้ตั้งแต่ต้นว่า ธุรกิจนี้จะไปต่อได้ยังไง มันก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ เราต้องมองให้ออกว่า Niche ของเรา มันใหญ่พอที่จะเติบโตไปได้หรือเปล่า อย่างเราถ้าวางแบรนด์ไว้แค่รองเท้าเพิ่มความสูงสำหรับคนรูปร่างเล็ก มันก็จะอยู่แค่นั้น ไม่เติบโตไปไหน แต่ถ้าเราวางไว้ว่าเป็นรองเท้าที่เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ชาย มันสามารถมีได้หลายโอกาส ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของผมคือ อยากให้ผู้ชายทุกคนมี Just In Case ไว้อย่างน้อย 1 คู่ติดบ้านไว้ เหมือนกับที่ผู้หญิงทุกคนก็ต้องมีรองเท้าส้นสูง”


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย

วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน